วันจันทร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2554

หนังสือ 1พงศ์กษัตริย์ ครั้งที่7 อาทิตย์ที่26:6:2011

ทบทวนกันจากคราวที่แล้ว เกี่ยวเนื่องกับเมื่อเยโรโบอัมทำบาปด้วยการสร้างรูปวัวทองคำขึ้นมาแล้วบอกคนอิสราเอลที่อยู่ใต้การปกครองของเขาว่า..”นี่คือ “พระเจ้า” พระเจ้าที่พาพวกเขาออกมาจากอิยิปต์แดนทาส เยโรโบอัมทำสิ่งนี้เพราะ”กลัว”ว่าจะเสียอำนาจไปถ้าเขายังปล่อยให้อิสราเอลสิบเผ่ากลับไปนมัสการพระเจ้า..ที่เยรูซาเล็ม ธรรมชาติบาปตามเนื้อหนังของเยโรโบอัมเลยเริ่มทำงาน..แล้วธรรมชาติบาปตามเนื้อหนังมีอะไรบ้าง จริงๆแล้วมีเยอะแยะมากมาย..แต่อันดับต้นๆเลยก็คือ”มนุษย์มักกบฎ..คอยแต่จะหันหลังให้พระเจ้า” เพราะไร..อาดามกับเอวา..เขาทำมาอย่างงั้น หลายคนฟังแล้วอาจจะรู้สึกไม่เมคเซ้นส์..แต่บางทีมนุษย์ก็ไม่รู้..ว่าสมเหตุสมผลตามสติปัญญาของมนุษย์..มันไม่ใช่ทางรอด และจะไม่มีใครเลยที่ได้ไปสวรรค์หรือมีค่าพอแก่ชีวิตนิรันดร์ที่พระเจ้าเตรียมไว้ ทีนี้ เรากลับมาที่เยโรโบอัม พอเขาทำบาปร้ายแรง..พระเจ้าก็ส่งผู้เผยพระวจนะมาเตือน..ไม่ใช่ครั้งเดียว แต่เตือนแล้ว..เตือนอีก ครั้งหลังนี้พระองค์ให้อาหิยาห์เผยพระวจนะพิพากษาเยโรโบอัมอีกครั้ง..เมื่อเยโรโบอัมให้มเหสีปลอมตัวไปหาอาหิยาห์ เพื่อที่จะถามว่าบุตรชายที่กำลังป่วยของเขาจะตายมั๊ย ดูต่อใน..

ดู1พกษ.14:7-8/10 พระเจ้าตรัสผ่านอาหิยาห์ว่า เหตุเพราะความชั่วของเยโรโบอัม พระองค์จะทรงกระทำให้พงศ์พันธ์ของเขาสูณสิ้นไป พระเจ้าจะกวาดล้างพงศ์พันธ์ของเขาอย่างขุดรากถอนโคนไม่ให้เหลือเลย ข้อที่11 บอกว่า ผู้ใดในวงศ์เยโรโบอัมที่ตายในเมือง สุนัขจะมากิน ใครที่ตายในทุ่งก็จะเป็นอาหารของนกในอากาศ หมายความว่า จะตายอย่างที่ไม่มีใครได้ฝัง ส่วนเรื่องที่เยโรโบอัมอยากรู้ อาหิยาห์บอกว่า เมื่อมเหสีของเยโรโบอัมกลับถึงเมือง..พอเท้าเหยียบประตูเมืองปุ๊บ..ลูกของเธอกับเยโรโบอัมก็จะตาย แล้วยังบอกด้วยว่า..เด็กคนนี้จะเป็นคนเดียวที่ได้ตายดี..เป็นคนเดียวที่ได้ฝัง นอกนั้น จะไม่ใครเลยในพงศ์พันธ์ของเยโรโบอัมที่ตายแล้วได้ฝัง เพราะพระเจ้าจะตั้งกษัตริย์คนนึงขึ้นมาเพื่อกวาดล้างราชวงศ์ของเยโรโบอัม นอกจากนี้ พระเจ้ายังทรงพิพากษาอนาคตของอิสราเอลฝ่ายเหนือด้วย ในข้อที่15 บอกว่า พระองค์จะตีอิสราเอล ดุจไม้อ้อที่สั่นอยู่ในน้ำ และจะถอนรากอิสราเอลเสียจากแผ่นดินอันดีนี้ แล้วก็เป็นอย่างงั้นจริงๆ เพราะในอีกประมาณสองร้อยปีต่อมาอิสราเอลฝ่ายเหนือก็ล่มสลายไป..ตามที่พระเจ้าตรัสไว้ในข้อนี้

ดู1พกษ.14:17-18 พอมเหสีของเยโรโบอัมกลับถึงเมือง”ทีรซาห์” คือ ตอนนั้นเยโรโบอัมย้ายเมืองหลวงจากเชเคมไปที่ทีรซาห์แล้ว เมืองทีรซาห์จะอยู่ห่างจากเชเคมขึ้นไปทางเหนือประมาณ11กิโล แล้วทีรซาห์ก็จะเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลฝ่ายเหนืออยู่50ปี ข้อที่17 นี้บอกว่า..ทันทีที่มเหสีของเยโรโบอัมกลับถึงเมือง..บุตรชายของเขาก็ตายอย่างที่อาหิยาห์บอกไว้ ในเวลานั้นก็มีการฝังศพและไว้ทุกข์ให้ราชบุตรแห่งเยโรโบอัม ต่อไปเราจะได้เห็นว่ามีลูกคนนี้คนเดียวจริงๆที่ตายแล้วได้ฝัง..จากนั้น ข้อที่20 บอกว่า..เมื่อเยโรโบอัมครองราชย์ได้22 ปี เยโรโบอัมก็สิ้นพระชนม์ จากนั้น “นาดับ”บุตรชายของเยโรโบอัมก็ขึ้นครองบัลลังก์ต่อจากพ่อ แต่รายละเอียดเป็นยังไง เดี๋ยวเราจะได้เรียนกันต่อไป เพราะตอนนี้พระคำภีร์จะตัดตอนกลับไปที่อาณาจักรยูดาห์บ้าง เด็กๆต้องพยายามตั้งใจแล้วตามให้ทันนะคะ เพราะพระธรรมเล่มนี้จะบันทึกแบบสลับไปมาระหว่างฝ่ายเหนือกับฝ่ายใต้

ดู1พกษ.14:22-23/24 “ยูดาห์ได้กระทำชั่วต่อพระเจ้า..”..อีกแล้ว คือในช่วงปีแรกๆที่เรโหโบอัมครองราชย์ต่อจากซาโลมอน..เขาค่อนข้างดี แต่ทีนี้พอรู้สึกว่าตัวเองมั่นคงดีแล้ว..เรโหโบอัมก็กลับกบฎต่อพระเจ้าอีก ถ้าถามว่าเพราะอะไร..สำหรับข้อนี้ ส่วนตัวน้าตุ๊กเชื่อว่า..เพราะแม่เขาเป็นคนต่างชาติ คือน้าตุ๊กตั้งข้อสังเกตดูเห็นว่าข้อที่21 พระคำภีร์บอกทิ้งท้ายไว้นิดนึง..ว่าราชมารดาของเรโหโบอัมเป็น”คนอัมโมน” (ก็ขนาดซาโลมอน..คุณพ่อของเขายังเกรงใจคุณแม่เที่ยวสร้างรูปเคารพตามชาติพันธ์ของภรรยา..แล้วจะนับประสาอะไรกับลูก..) ข้อที่23 บอกว่า เรโหโบอัมได้สร้างปูชนียสถานสูง คือ สถานที่ไหว้รูปเคารพแบบคนต่างชาติ เสาศักดิ์สิทธิ์แล้วก็เสารูปเคารพไว้ตามที่สูงๆกับใต้ต้นไม้ทุกต้น ยิ่งกว่านั้น ข้อที่24 บอกว่า..เรโหโบอัม จัดให้มีเทวทาสในแผ่นดินยูดาห์ด้วย คือการไหว้รูปเคารพของคนต่างชาติจะมีการร่วมประเวณีเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แล้วผู้ชายที่ร่วมประเวณีในพิธีกรรมของเขาก็เรียกว่า” เทวทาส” ถ้าเป็นผู้หญิง ก็เรียกว่า “เทวทาสี” อันนี้เราก็เคยเรียนกันไปแล้วในฉธบ...ว่าพิธีกรรมการไหว้รูปเคารพของชาวคานาอัน..จะมีเรื่องเพศที่น่าสะอิสะเอียนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งสิ่งนี้ก็เป็นที่น่ารังเกียจในสายพระเนตรพระเจ้า แล้วที่พระเจ้าสั่งให้อิสราเอลกวาดล้างคนคานาอันในตอนที่เข้ามาบุกยึดดินแดนนี้ ก็เพราะเรื่องพวกนี้แหละ..แต่มันยังไม่สิ้นซาก แล้วตอนนี้เรโหโบอัมก็กำลังหลงไปทำชั่วตามอย่างของต่างชาติ

ดู1พกษ.14:25-26 ในที่สุด..พระเจ้าเลยลงโทษอาณาจักรยูดาห์ ด้วยการให้อียิปต์โดยการนำของก.ชิชัก ยกทัพมาตียูดาห์..ปรากฎว่าเรโหโบอัมก็สู้ไม่ได้ ใน2พศด.12:5 บอกไว้ชัดเจน พระเจ้าตรัสกับเรโหโบอัมผ่านผู้เผยพระวจนะว่า”เพราะเจ้าละทิ้งเรา เราจึงได้ละทิ้งเจ้าไว้ในมือของชิชัก ก.แห่งอียิปต์ ยูดาห์ก็เลยแพ้เขาเพราะพระเจ้าไม่ช่วย คือถ้าเราดูหนังสือพศด.คู่กันไป..เราจะได้รายละเอียดที่ชัดเจนกว่า แล้วใน 2พศด.12:6-7 ก็บอกต่อไปว่า..แต่พอถูกพิพากษาชาวยูดาห์สำนึกผิดถ่อมตัวลงแล้วก็กลับใจใหม่ร้องทูลให้พระเจ้าช่วย..ต่างกันแค่นี้เอง ยูดาห์ไม่ได้ดีไปกว่าอิสราเอล คริสเตียนก็ไม่ได้ดีกว่าคนทั่วไป แต่พระวิญญาณบริสุทธิ์ที่สถิตในใจทรงกระทำการให้เกิดผล ให้ฟ้องผิดและกลับใจเมื่อทำบาป เหมือนยูดาห์ที่เมื่อถูกพิพากษาพวกเขาก็ถ่อมใจลง..ขอพระเจ้ายกโทษและช่วยกู้เขาไว้ พระเจ้าก็ทรงเมตตา พระองค์บอกพวกเขาว่า..โอเค พระองค์จะช่วยไม่ให้พวกเขาต้องทุกข์ยากจนเกินไป แต่ยังไงพวกเขาต้องถูกลงวินัย ตรงจุดนี้ ทำให้เรารู้ว่าน้ำพระทัยพระเจ้าคือทำผิดต้องได้รับโทษ แต่ถ้าสำนึกพระองค์จะช่วยผ่อนหนักเป็นเบา ในยุคพระคุณนี้ก็เหมือนกัน ถ้าเรามีความเชื่อจิตวิญญาณเรารอดก็จริง แต่ถ้าเราทำผิด..ฝ่ายโลกหรือฝ่ายเนื้อหนัง..เรายังต้องกินผลที่ทำ เหมือนอย่างยูดาห์ในบทนี้..พระเจ้าก็ทรงยังค้ำชูพวกเขาไว้ ในเมื่อเขาสำนึกผิดแล้ว..พระองค์ก็ไม่ปล่อยให้พวกเขาพินาศ แต่..ยูดาห์ต้องเป็นเมืองขึ้นของอียิปต์ แล้วความมั่งคั่งที่ซาโลมอนส่ำสมไว้ก็อันตธานหายไปในพริบตา เพราะฟาโรห์มายึดเมืองแล้วขนไปหมดเลย ขนไปแม้กระทั่งโล่ทองคำที่ซาโลมอนทำไว้.. จนเรโหโบอัมต้องทำโล่ทองเหลืองขึ้นมาแทน เหตุการณ์นี้ทำให้เรานึกถึงสิ่งที่ซาโลมอนเขียนไว้ในหนังสือปัญญาจารย์

ปญจ.2:18-19/20-21 ในข้อนี้ ซาโลมอนนั่งมองทรัพย์สิ่งของต่างๆที่ตัวเองสร้างสมไว้..แล้วก็ปลง ข้อที่18 ซาโลมอนบอกว่า “เขาเกลียดชังการงานที่เขาทำไว้ เพราะสุดท้ายแล้วทรัพย์สมบัติที่เขาสร้างสมไว้จะเป็นของใคร..นิสัยยังไงก็ไม่รู้ แล้วเขาก็เลือกไม่ได้ด้วย..ว่าอยากให้ใครได้ครองสมบัติของเขา เพราะไร..ก็ตัวเองตายไปแล้ว ข้อที่21 ซาโลมอนยังบอกว่า “ไม่ว่ามนุษย์จะทำงานด้วยความเก่งกล้า..สามารถขนาดไหน สุดท้ายแล้วก็ต้องทิ้งผลงานหรือทรัพย์สินทั้งหมดที่หามาได้ไว้ให้คนข้างหลัง ซึ่งอาจจะไม่ใช่ลูกหลานของตัวเองด้วย เหมือนอย่างตอนนี้..สมบัติของซาโลมอนก็เป็นของใครไปแล้ว..อียิปต์ นี่แหละ คือ ความอนิจจังที่ซาโลมอนพูดไว้ก่อนตาย เพราะฉะนั้น น้าตุ๊กอยากให้พวกเรามีสติในเรื่องนี้อยู่เสมอ ถามว่า..เรามีทรัพย์สินได้มั๊ย..ได้ เท่าที่พระเจ้าให้ครอบครอง..ก็จงชื่นชมยินดีกับมันแต่อย่าไปยึดติด แล้วต้องระวัง..หมั่นสำรวจจิตใจตัวเอง อย่าไปเผลอให้ความสำคัญกับสิ่งใดมากกว่าพระเจ้า ให้เราระลึกอยู่เสมอว่าเราอยู่โลกนี้ไม่ถึงร้อยปี อะไรที่ปล่อยวางได้..ก็วางซะ วางไม่ได้..ก็พยายามลดความสำคัญของมันลง..เรื่อยๆ อย่าให้มันเป็นใหญ่คาอยู่ในใจเรา..มากจนเกินไป ข้อที่30 บอกว่า “มีสงครามระหว่างเรโหโบอัม กับ เยโรโบอัมอยู่เสมอไป” คือ รบกันตลอด และเมื่อครองราชย์ได้17ปี..เรโหโบอัมก็สิ้นพระชนม์ ลูกชายของเขาคือ”อาบียัม”ก็ขึ้นมาแทน

ใน บทที่15 นี้บอกว่าเมื่อเรโหโบอัมตาย”อาบียัม” ก็ได้ครองอาณาจักรยูดาห์ต่อจากพ่อ แต่ว่า..เราจะมีปัญหาเกี่ยวกับอาบียัมนิดหน่อย คือ เรื่องราวของก.ยูดาห์ นอกจากจะถูกเขียนไว้ในหนังสือพกษ.แล้ว..ยังถูกบันทึกไว้ในหนังสือพศด.ด้วย เกี่ยวกับอาบียัมนี้..ใน1พกษ.บันทึกว่าอาบียัมทำบาปมากมาย แต่ในพศด.บันทึกแต่ด้านดีของอาบียาห์ไว้ แล้วก็เรียกอาบียัม ว่า “อาบียาห์” แต่โอเค..ไม่เป็นไร เพื่อรายละเอียดที่ชัดเจนเราเปิดไปดู

2พศด.13:1-3/4-5 ในข้อนี้ก็คือ มีการทำสงครามกันระหว่างอาบียาห์กับเยโหโบอัม..ก็คือ รบกันเองระหว่างอิสราเอลฝ่ายเหนือกับยูดาห์..ที่อยู่ทางใต้ แล้วถ้าดูกำลังทหาร..ข้อที่3 บอกว่า..ยูดาห์มีสี่แสนในขณะที่อิสราเอลมีแปดแสนคน..ครึ่งต่อครึ่ง แล้วอิสราเอลก็ยกทัพมากดดันยูดาห์ไว้ อาบียาห์ก็กล่าวโทษ..วิพากษ์วิจารเยโรโบอัมเกี่ยวกับเรื่องวัวทองคำอะไรต่างๆ เสร็จแล้วพอเห็นว่าตัวเองถูกกองทัพของอิสราเอลล้อมหน้าล้อมหลังไว้..อาบียาห์ก็ร้องทูลขอให้พระเจ้าช่วย..บรรดาปุโรหิตก็เป่าแตรและกองทหารของยูดาห์ก็โห่ร้องทำนองศึก จากนั้น ข้อที่15 บอกว่า..พระเจ้าก็ทรงกระทำให้เยโรโบอัมและกองทัพของอิสราเอลพ่ายแพ้ต่ออาบียาห์ ขอบคุณพระเจ้าเพราะบทเรียนของเราตรงกับเพลงนมัสการที่พวกเราร้องในเช้าวันนี้ “จงวางดาบลงเมื่อยามมีสงคราม แล้วร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า เพราะการรบเป็นของพระองค์..ฮาเลลูยา” ข้อที่17 บอกว่า ทหารยูดาห์ฆ่าทหารของอิสราเอลไปห้าแสน..มีสี่แสนแต่ฆ่าทหารของเขาไปห้าแสน มันยากที่จะเข้าใจจริงๆแต่พระเจ้าทรงทำได้ทุกอย่าง จากนั้นอาบียาห์ยังตามไปยึดหัวเมืองต่างๆรวมทั้งเบธเอลคืนมาด้วย จากนั้น อิสราเอลฝ่ายเหนือก็อ่อนกำลังลง..เพราะเสียกำลังไปตั้งห้าแสนคน แล้วเมื่ออาบียาห์สิ้นพระชนม์..ก็มาถึงรัชกาลของก.อาสา

ดู1พกษ.15:9-11 พระคำภีร์ระบุว่าอาสาเป็นกษัตริย์ที่ดี..เป็นผู้ชอบธรรมเพราะเขารักพระเจ้า แล้วเขาก็ครองราชย์ยาวนานมากคือ41ปี ในช่วงแรกที่อาสาขึ้นครองราชย์แผ่นดินยูดาห์ค่อนข้างสงบจากศึกสงคราม อิสราเอลฝ่ายเหนือก็ไม่ได้มารบกวนเพราะถูกอาบียาห์ตัดกำลังไปเยอะ พอแผ่นดินพักสงบทั้งในพกษ.และพศด.บันทึกไว้ว่าอาสาได้ทำการฟื้นฟูในด้านจิตวิญญาณเป็นการใหญ่..ทั้งกวาดล้างเทวทาสรูปเคารพ ทำลายเสาศักดิ์สิทธิ์อะไรต่างๆอย่างถอนรากถอนโคน แล้วที่เด็ดสุดคือเขาปลดแม่ตัวเองด้วยเพราะแม่เขาไหว้รูปเคารพ อาสาเอาจริงมากในการที่จะฟื้นฟูความเชื่อของคนยูดาห์..จะเรียกว่าปฎิรูปการศาสนาเลยก็ว่าได้ เพราะเขาออกกฎหมายเลยใน2พศด.15:13 บอกว่า..ใครไม่แสวงหาพระเจ้าควรมีโทษถึงตายไม่ว่าเล็กหรือใหญ่..ชายหรือหญิง คือ..ไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น จากนั้น เขาก็สร้างกำแพงเมือง หอคอย ป้อม ประตูเมืองต่างๆ เป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้แผ่นดินยูดาห์ด้วย และไม่นานก็มีสงครามระหว่างฝ่ายเหนือกับฝ่ายใต้อีกครั้ง แต่ก่อนที่จะไปถึงสงครามระหว่างอิสราเอลกับยูดาห์ครั้งนี้ ให้เราไปดูอีกอันนึงก่อนเป็นตอนที่เอธิโอเปียยกมารบกับยูดาห์ในสมัยของอาสานี้..

ดู2พศด.14:9-10/11 ข้อนี้บอกว่า เอธิโอเปียยกทัพมาทำสงครามกับยูดาห์..ในรัชกาลของอาสานี้ แล้วกองทัพของเอธิโอเปียมีกำลังเท่าไหร่..หนึ่งล้านคน กับรถรบอีกสามร้อย ในขณะที่ยูดาห์มีแต่กำลังคนไม่กี่แสน แต่อาสาก็ร้องทูลต่อพระเจ้า..”โอ ข้าแต่พระเยโฮวาห์ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย ขออย่าให้มนุษย์ชนะพระองค์" ร้องทูลอย่างงี้ คิดว่าอาสาจะชนะมั๊ย..ชนะแน่นอน ข้อที่12 บอกว่า..”พระเยโฮวาห์จึงทรงให้ชาวเอธิโอเปียพ่ายแพ้ต่ออาสาและต่อยูดาห์ และชาวเอธิโอเปียก็หนีไป” เด็กๆเคยสงสัยหรือแอบเบื่อมั๊ย..ว่าทำไมตลอดประวะติศาสตร์ในพระคำภีร์ต้องบันทึกเรื่องราวของสงครามไว้เยอะแยะมากมาย ถ้าสังเกตดู..เราจะรู้ว่าพระเจ้าตั้งใจจะที่จะย้ำบางอย่างกับเรา การรบของอิสราเอลตั้งแต่สมัยของโมเสส..โยชูวา..ผู้วินิจฉัย หรือสมัยไหนก็ตาม..มันจะเป็นอย่างงี้ตลอด คือ ถ้าดูด้วยตาแล้วเราเหมือนจะสู้เขาไม่ได้..แต่หลายครั้งก็ชนะ ทำไมถึงบอกว่าหลายครั้ง..เพราะมีบางทีที่แพ้เหมือนกัน มันขึ้นอยู่กับอะไร..ไม่ได้เกี่ยวกับกำลังคนมากน้อยหรืออาวุธยุทโธปกรณ์อะไรทั้งสิ้น แต่มันขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพระเจ้า ถ้าเมื่อไหร่ทีอิสราเอลมีความสัมพันธ์ที่ดีติดสนิทสัตย์ซื่อกับพระเจ้า..จะไม่มีใครทำอะไรเขาได้เลย และเช่นกัน..ถ้าเรารักและสัตย์ซื่อต่อพระเจ้า..ก็จะไม่มีใครทำอะไรเราได้เลยถ้าพระเจ้าไม่อนุญาต ทุกวันนี้ก็ยังเป็นอย่างงี้อยู่จริง..ถึงเราจะไม่ร่ำรวย..ไม่มีเส้น..ไม่มีพรรคพวกมองดูแล้วเรานี่มันหัวเดียวกระเทียมลีบ แต่ถ้าเรารักพระเจ้า..เราจะผ่านทุกอย่างได้แน่นอน พระเจ้าไม่ต้องการอะไรมาก..แค่เราหนึ่งเดียว+พระเจ้า อัศจรรย์ก็เกิดขึ้นได้เสมอ

หมดเวลาแล้วค่ะ พบกันใหม่สัปดาห์หน้า ขอพระเจ้าอวยพรค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น