วันจันทร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

หนังสือ1ซามูเอล ครั้งที่15 อาทิตย์ที่ 30:5:2010

(ดาวิดไว้ชีวิตซาอูล)
ดู1ซมอ.24:1-3 หลังจากที่ซาอูลจัดการกับพวกฟิลิสเตีย(ที่มาเป็นก้างขวางคอ)เรียบร้อยแล้ว ลูกน้องก็มาส่งข่าว..ว่าดาวิดอาศัยอยู่ในถิ่นทุรกันดารเมืองเอนเกดี..(เอนเกดีคือโอเอซิสที่มีน้ำพุไหลตลอดปี..ตั้งอยู่บนหน้าผาสูงทางชายฝั่งตะวันตกของเดดซี) ข้อนี้บอกว่า..ซาอูลรีบเกณฑ์คนมีฝีมือตั้งสามพันออกไปล่าดาวิด เขามุ่งหน้าไปที่หินเลียงผา ในเทือกเขายูเดีย เพราะเดาว่าดาวิดน่าจะหนีไปที่นั่น แต่ดาวิดคิดกลับกันเพราะดูทิศทางแล้ว..ดาวิดเหมือนจะไปในทางตรงกันข้าม คล้ายๆจะมุ่งหน้าไปหาซาอูล ทั้งคู่ก็เลยมาจ๊ะเอ๋กัน ยังไง..ข้อที่3 บอกว่า พอมาถึงคอกแกะริมทางซาอูลเกิดปวดท้องขึ้นมา มองไปก็เห็นมีถ้ำอยู่ถ้ำนึง..ก็เลยเข้าไปปลดทุกข์ในนั้น ปรากฎว่าดาวิดกับพวกซ่อนอยู่ในถ้ำนั้นพอดี
ดู1ซมอ.24:4-5 ข้อที่4 บอกว่า คนของดาวิดได้เผยพระวจนะว่า”วันนี้พระเจ้าจะมอบศัตรูไว้ในมือของดาวิด แปลว่าดาวิดจะมีโอกาสที่จะฆ่าซาอูลได้ แต่เด็กๆฟังให้ดี เพราะประโยคต่อไปพระเจ้าพูดว่า..”เจ้าจะทำกับเขาตามที่เจ้าเห็นควร” ถ้าข้อนี้เป็นคำพยากรณ์ ต้องบอกว่า..เป็นคำพยากรณ์ที่เป็นบททดสอบ..ว่าดาวิดเลือกที่จะทำอะไร..เมื่อพระเจ้าเปิดโอกาสให้เขาสามารถฆ่าซาอูลได้อย่างสบายๆ เพราะไม่ทันระวังตัวและแน่นอนไม่มีทหารคุ้มกันด้วย น้าตุ๊กเชื่อว่า..ในข้อนี้พระเจ้าทรงส่งถ้อยคำให้ดาวิดเลือก..วัดใจว่าเขาจะทำอะไร เราต้องไม่เข้าใจผิดว่าพระวจนะนี้เป็น (ไฟเขียว)หรือเป็นคำชี้แนะให้ดาวิดฆ่าซาอูลได้เลย..เพราะมันไม่ใช่ ให้ทำตามที่ดาวิดเห็นควร..แล้วพระเจ้าก็ทรงมองอยู่..ว่าดาวิดจะทำอะไร แต่สุดท้ายดูเหมือนดาวิดจะสอบผ่านนะ..เพราะเขาแค่ย่องไปตัดชายเสื้อของซาอูลมาเก็บไว้ และข้อที่ 5 ก็บอกว่า..พอตัดชายเสื้อของซาอูลแล้วดาวิดก็รู้สึกเสียใจ ทำไมต้องเสียใจ..เพราะจริงๆที่ทำไปก็คงแค่ตั้งใจจะเก็บไว้เป็นหลักฐาน..ว่าเขาเข้าใกล้ซาอูลมากพอที่จะฆ่าซาอูลได้แล้ว..แต่เขาไม่ทำ แล้วถ้าดาวิดทำเพราะเหตุผลนี้ก็ไม่น่าจะผิดอะไร แต่ที่ดาวิดฟ้องผิดในใจคงเป็นเพราะเสื้อคลุมเนี่ย..มันเป็นสัญญลักษณ์ของราชบัลลังก์ เพราะฉะนั้น การไปตัดชายเสื้อของกษัตริย์มันก็เลยดูจะแรงไปหน่อย เหมือนมีเจตนาจะกระด้างกระเดื่องหรือสั่นคลอนราชบัลลังก์ (อะไรประมาณนั้น) เพราะฉะนั้น ดาวิดถึงรู้สึกฟ้องผิดในใจ
ดู1ซมอ.24:6-7 “ขอพระเจ้าทรงห้ามไม่ให้ข้าพเจ้าทำสิ่งนี้ต่อเจ้านาย..ด้วยว่าท่านเป็นผู้ที่พระเจ้าทรงเจิมไว้” ดาวิดคงจิตตก..รู้สึกแย่กับสิ่งที่ตัวเองทำลงไป แล้วตอนนี้คงเริ่มอ่อนกำลัง เพราะอย่าลืมว่าซาอูลทำกับเขาหนักหนาสาหัสมาก..ถึงดาวิดจะได้ชื่อว่าเป็นคนที่ทำตามพระทัยพระเจ้าอย่างถึงที่สุด แต่ยังไงดาวิดก็เป็นคน..เมื่อถูกกระทำอย่างหนักแล้วยังต้องผ่านการทดลองมากมายก็คงหมดแรง แต่ไม่เป็นไรเพราะดาวิดและคริสเตียน..มีพระเจ้า เด็กๆจำไว้ เมื่อไหร่ที่เราหมดแรง..กลัวว่าจะยืนหยัดอยู่บนความถูกต้องไม่ได้ ก็ให้เราอธิฐานขอกำลังจากพระเจ้า..อย่าให้เราทำบาป ข้อที่7บอกว่า..พอดาวิดอธิฐานเสร็จเขาก็หันไป”ห้าม” ไม่ให้ใครแตะต้องซาอูลเป็นอันขาด (ในต้นฉบับภาษาฮีบรูเขียนว่า ดาวิด”ฉีก”คนของเขาด้วยคำพูด คือ ใช้คำที่รุนแรงมาก เพื่อห้ามขาดไม่ให้ใครแตะต้องซาอูล)
ดู1ซมอ.24:8-9 หลังจากที่นั่งเงียบกันอยู่ในถ้ำ พอซาอูลออกไปแล้ว..จริงๆดาวิดกับพวกน่าจะรีบหนีไปนะ แต่ดาวิดกลับเลือกทำในสิ่งที่ทุกคนคิดไม่ถึง คือ วิ่งตามซาอูลไปที่ปากถ้ำ แล้วก็เรียกซาอูลว่า..”พระราชาเจ้านายของข้าพระบาท” พอซาอูลหันมา..ดาวิดก็ก้มกราบลงถึงดินเพื่อสำแดงว่าเขายอมจำนนและยังยอมรับเสมอ..ว่าซาอูลเป็นกษัตริย์ ดาวิดคิดอะไรถึงทำอย่างงี้..เหตุผลแรกและสำคัญที่สุดคือดาวิดมาถึงจุดที่วางใจพระเจ้าได้อย่างสุดๆ เพราะการวิ่งไปเคลียร์กับซาอูลหน้าต่อหน้าเนี่ย..มันวัดใจกันสุดๆ..ไม่แน่จริงทำไม่ได้หรอก เพราะเดิมพันคือชีวิต (ไม่แน่จริงของน้าตุ๊กหมายถึง..ถ้าไม่แน่แก่ใจจริงๆว่าเราไว้ใจพระเจ้า..ก็คงไม่กล้าทำ)
อีกเหตุผล คือ.ดาวิดคงผ่านจุดที่กลัวสุดๆไปแล้ว เพราะคนเราถ้ากลัวอะไรมากๆแล้วลากยาวเหมือนดาวิดเนี่ย เมื่อมาถึงจุดนึง..จิตใจมันจะแข็งแกร่งขึ้นแล้วจะกลัวน้อยลง ดาวิดถึงเลือกที่จะเผชิญหน้ากับซาอูล
ดู1ซมอ.24:10-11 ดาวิดขอร้องให้ซาอูลฟังเขา..อย่าไปเชื่อคนอื่น แล้วให้คิดดูว่าสิ่งที่เขาพูดมันตรงกับที่เขาทำรึเปล่า แล้วดาวิดก็บอกว่า..วันนี้พระเจ้าเปิดโอกาสให้เขาแล้ว
ถ้าเขาคิดกบฎจริง..ป่านนี้ซาอูลตายไปแล้ว พรรคพวกก็ยุซะด้วยอยากให้ฆ่าซาอูล..(เรื่องมันจะได้จบๆ) แต่ดาวิดก็ไม่ทำ..เพราะซาอูลเป็น ”คนที่พระเจ้าเจิมไว้” ถ้าในคนสังคมของเราคิดได้ซักครึ่งนึงของดาวิด เหตุการณ์เลวร้ายคงไม่เกิดขึ้นมากมายเหมือนทุกวันนี้ เพราะผู้นำ..ไม่ว่าจะเป็นกษัตริย์..คณะรัฐบาล..พ่อแม่..ครู..เจ้านาย พระเจ้าก็เป็นคนเลือกทั้งหมด ถ้าเราต่อต้านผู้นำ..ก็เท่ากับต่อต้านพระเจ้า ถ้าจะมีความไม่ชอบธรรมเกิดขึ้น ก็ควรปล่อยให้เป็นเรื่องของกฎหมาย..องค์กร..หรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง เรามีหน้าที่แค่อธิฐานแล้วก็วางใจ..ว่าพระเจ้าคือผู้ควบคุม แต่ทุกวันนี้ไม่ใช่..เพราะมีคนอีกเยอะที่ไม่ยำเกรงพระเจ้า..ไม่รู้จักพระองค์เลยด้วยซ้ำ พวกเขาถึงได้”กระทำตามที่ตัวเองเห็นชอบ”..คิดจะจัดการทุกอย่างด้วยมือของตัวเอง ความวุ่นวายทั้งหลายมันก็เลยเกิดขึ้น ข้อที่11 ดาวิดบอกซาอูลให้ดูหลักฐานในมือ เป็นชายเสื้อของซาอูลที่ดาวิดตัดมาได้โดยซาอูลไม่รู้ตัว มันเป็นสิ่งที่ยืนยันว่า..ไม่ว่าซาอูลจะตามฆ่าล้างผลาญเขาขนาดไหน เขาก็ไม่เคยคิดจะทำการร้ายตอบแทนซาอูลเลย ขอให้ซาอูลเชื่อจริงๆว่าเขาไม่ได้กบฎ
ดู1ซมอ.24:14-15 “นี่พระราชาแห่งอิสราเอล ออกมาตามล่าใคร” ดาวิดพูดเตือนสติซาอูล..ว่าเขาเหมือนหมาที่ตายแล้วหรือไม่ก็เป็นแค่ตัวหมัด แล้วซาอูลจะกลัวเขาทำไม..ไม่มีเหตุผลที่พระราชาผู้ยิ่งใหญ่อย่างซาอูลจะต้องมากลัวเขา แล้วข้อที่15 ดาวิดก็ขอให้พระเจ้าเป็นผู้พิพากษาเรื่องราวระหว่างเขากับซาอูล เขาจะไม่มีวันเหยียดมือออก..แตะต้องหรือทำร้าย ซาอูลเป็นอันขาด เพราะดาวิดเชื่อแน่แก่ใจว่า..ไม่ว่าผู้นำจะผิดบาปหรือชั่วช้าซักแค่ไหน ซาอูลจะทำร้ายเขามากเท่าไหร่ ยังไงการพิพากษาและแก้แค้นก็เป็นของพระเจ้าเท่านั้น..ไมใช่หน้าที่ของมนุษย์ แล้วเราคิดอย่างงี้ได้มากแค่ไหนแล้ว..นี่เป็นสิ่งที่เด็กๆต้องตอบโจทย์ตัวเองด้วย การเรียนพระคำภีร์ถึงจะบรรลุผลตามน้ำพระทัยที่ครบถ้วนบริบูรณ์ของพระเจ้า
ท่าทีอันงดงามของซาอูล..(ที่หาดูยากเต็มที)
ดู1ซมอ.24:16-18/19-20 จริงๆตอนที่ดาวิดเรียก..ซาอูลคงตกใจแทบสิ้นสติเหมือนกันนะ..เพราะมะกี๊..ชั้นอยู่ตรงนั้น..คนเดียว..ไม่มีทหาร..ในลักษณะที่ป้องกันตัวเองไม่ได้เพราะกำลังปลดทุกข์..แล้วจู่ๆเสียงของดาวิดก็เรียกขึ้นมาจากที่ๆชั้นเพิ่งเดินออกมา เลยไม่รู้..ว่าที่ร้องไห้เนี่ย..เพราะสำนึก หรือกลัว..จนเสียรูป เพราะข้อที่16 บอกว่า..ซาอูลถึงกับกรรแสงเลยค่ะเขาถามกลับไปว่า..”นั่นเสียงเจ้าเหรอดาวิด”เจ้าช่างแสนดี..ทั้งๆที่พ่อก็ร้ายกับเจ้าทุกอย่าง แล้ววันนี้เจ้าก็ยังพิสูจน์ด้วย..ว่าเจ้าเป็นคนที่สัตย์ซื่อ มีโอกาสที่จะฆ่าพ่อได้แต่เจ้าก็ไม่ทำ (น่ารักจิงจิ๊ง..ลูกพ่อ) ข้อที่20 เป็นสิ่งที่เราไม่คิดว่าชาตินี้จะได้ยินจากปากซาอูล เพราะเขาพูดออกมาจนได้..ว่าเจ้าจะเป็นพระราชาแน่..ดาวิด แล้วอาณาจักรอิสราเอลก็จะสถาปนาอยู่ในมือเจ้าด้วย (เอเมน) น่าทึ่งมาก..เพราะนี่เป็นครั้งแรก..ที่ซาอูลยอมรับว่าดาวิดคือผู้ที่พระเจ้าเลือกให้เป็นกษัตริย์องค์ต่อไปของอิสราเอล
ดู1ซมอ.24:21-22 พอเริ่มมีสติซาอูลก็ขอให้ดาวิดสัญญา..ว่าจะไม่ฆ่าตัดตอนเผ่าพันศ์ของเขา เพราะน้าตุ๊กเคยสอนแล้ว..ว่ามันเป็นวิถีปฏิบัติ..ที่กษัตริย์ราชวงศ์ใหม่จำเป็นต้องฆ่าเชื้อสายของกษัตริย์ราชวงศ์เดิม..เพื่อความปลอดภัยของราชบัลลังก์ ข้อที่22 บอกว่า..ดาวิดก็ได้สัญญากับซาอูล..ว่าจะไม่ทำลายพงศ์พันธ์ของเขาให้หมดสิ้นไป หลังจากนั้นพวกเขาก็แยกย้ายกันไป..ซาอูลก็กลับไปบ้าน ส่วนดาวิดพระคำภีร์บอกว่า..เขายังกลับไปอยู่ในที่กำบังอันเข้มแข็ง แปลว่ายังต้องอยู่ในที่ซ่อน..เพราะยังไม่ไว้ใจซาอูล
วันนี้น้าตุ๊กฝากไว้แค่นี้ก่อนนะคะ เพราะเวลาน้อย
จนกว่าจะพบกันใหม่ พระเจ้าอวยพรค่ะ

วันพุธที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

หนังสือ1ซามูเอล ครั้งที่14 อาทิตย์ที่23:5:2010

....ดาวิดหนีไปซ่อนที่ถ้ำอดุลลัม
ดู1ซมอ.22:1-2 หลังจากที่ดาวิดออกจากเมืองกัทแล้ว ตอนนี้ดาวิดแทบจะหมดสภาพ..เหมือนไม่มีแผ่นดินจะอยู่ ต้องแกล้งบ้าหนีหัวซุกหัวซุนไปอยู่ในถ้ำ ข้อนี้บอกว่า..ถ้ำที่ดาวิดใช้เป็นที่ซ่อนตัวชื่อ”ถ้ำอดุลลัม” ไม่มีใครรู้แน่..ว่าถ้ำนี้อยู่ที่ไหน รู้แค่ว่าอยู่ในเขตของยูดาห์ ไม่ไกลจากชายแดนของอิสราเอลกับฟิลิสเตีย ตอนแรกอยู่คนเดียว..แต่ไม่นานก็มีคนสมัครใจมาอยู่ด้วยเยอะแยะ พระคำภีร์บอกว่า..นอกจากครอบครัวเขาแล้ว คนที่มาอยู่กับดาวิดก็จะเป็นกลุ่มที่ไม่ค่อยชอบซาอูล คือเป็นพวกที่ถูกกดขี่แล้วก็เป็นหนี้เป็นสิน
ดู1ซมอ.22:3-4 เมื่อก่อนซ่อนอยู่คนเดียวก็คงไม่มีใครรู้ แต่ตอนนี้มีคนตั้งสี่ร้อยมาอยู่ด้วย ถ้ำนี้ก็คงจะไม่เป็นความลับอีกต่อไป ไม่ช้าก็เร็วซาอูลต้องหาเจอ...
ดาวิดก็เลยไปที่มิสปาห์ เขตแดนของชาวโมอับ..หาที่อยู่ให้พ่อแม่ เพราะเขาไม่อยากให้ซาอูลใช้พ่อแม่เป็นสะพานหรือเป็นเครื่องมือแกะรอยมาหาตัวเขาได้ หรืออีกอย่าง..พ่อแม่ของดาวิดอาจจะกลัว..(และข้อนี้”อาจจะ”สัมพันธ์กับสดุดี 27:10) ดาวิดเลยคิดว่า..จะเอาพ่อแม่ไปฝากไว้กับกษัตริย์โมอับ ทำไมถึงไปฝากไว้ที่โมอับ..เกี่ยวมั๊ยที่เขามีย่าทวดเป็นชาวโมอับ..ก็คือนางรูธไง(จำได้มะ) รูธที่มีลูกกับโบอาส ชื่อโอเบส แล้วโอเบสก็เป็นพ่อของเจสซี ซึ่งเป็นพ่อของดาวิด พระคำภีร์บอกว่ากษัตริย์โมอับให้ความช่วยเหลืออย่างดี สรุปว่า..พ่อแม่ของดาวิดก็เลยได้ลี้ภัยอยู่ที่นั่น
ดู1ซมอ.22:5 หลังจากที่ดาวิดฝากพ่อแม่ไว้กับก.โมอับแล้ว คาดว่าตัวเขาเองก็คงซ่อนตัวอยู่แถวๆนั้นเหมือนกัน ข้อนี้บอกว่า..พระเจ้าจึงส่งผู้เผยพระวจนะ”กาด” ให้มาบอกดาวิดว่า..เลิกซ่อนตัวซะที ถึงเวลาที่ต้องกลับไปที่ยูดาห์แล้ว และดาวิดก็เชื่อฟังทันที พระคำภีร์บอกว่า..ดาวิดเลยไปหลบอยู่ในป่า”เฮเรท”..ซึ่งใน2ซมอ.18:8 ระบุว่า“เฮเรท”เป็นป่าอันตรายที่น่ากลัวมาก แล้วก็คงจะเป็นที่ที่ซาอูลกับลูกน้องไม่ค่อยอยากเข้าไปซักเท่าไหร่
ดู1ซมอ.22:7-8 เหมือนคนวิตกจริต..ซาอูลโวยวายหาว่าทุกคนร่วมกันต่อต้านเขา ทั้งที่ความจริงคือ “พระเจ้า” ต่างหากที่ปลดเขาออกจากบัลลังก์ ข้อที่7ซาอูลพูดว่า”บุตรของเจสซีให้นาและสวนองุ่นแก่เจ้าหรือ..จะตั้งให้เป็นผู้บังคับการกองพันกองร้อยได้หรือ พวกเจ้าถึงคิดกบฎ..” ซาอูลเปิดฉากด้วยการพูดทวงบุญคุณลูกน้องเผ่าเบนยามิน เนื่องจากพวกนี้คงได้ทรัพย์สินและยศศักดิ์มากกว่าคนเผ่าอื่น เพราะเป็นคนบ้านเดียวกันกับเขา ซาอูลพูดทำนองว่า..ถ้าดาวิดได้เป็นกษัตริย์ คนเบนยามินนึกเหรอ..ว่าจะมีโอกาสได้อะไรดีๆ เหมือนอย่างที่ได้จากเขา ข้อที่8 ซาอูลบอกว่า..”ไม่มีใครร่วมทุกข์..(คือ ไม่มีใครจริงใจ) หรือแจ้งแก่เราว่า ลูกของเราปลุกปั่นผู้รับใช้ของเราให้ต่อสู้เรา..” ฟังดีๆนะ..ซาอูลพูดว่า “..ลูกของเราปลุกปั่นผู้รับใช้..” ซาอูลหาว่า..โยนาธานเป็นคนปลุกปั่นดาวิดให้คิดกบฎ นี่เขาเพี้ยนไปแล้วจริงๆ เพราะถ้าจะหาว่าดาวิดปลุกปั่นโยนาธานก็ยังไม่แปลก แต่ทำไมถึงคิดว่าตัวปัญหาคือโยนาธาน (นี่เขาคงมีอะไรในใจกับลูกจริงๆ) แต่ถึงจะโทษดาวิดก็คงไม่ได้เพราะเขาก็ไม่ได้ปลุกปั่นใคร เขายังไม่ได้ทำไรเลยนอกจากหนีหัวซุกหัวซุน..
ดู1ซมอ.22:9-11 พอเห็นซาอูลพูดทวงบุญคุญ “โดเอก” (คนที่อยู่กับปุโรหิตตอนที่ดาวิดไปขอเสบียง) โดเอกเห็นว่าเขาน่าจะแจ้งเบาะแสที่เห็นมาให้ซาอูลรู้ ข้อที่9 เขาเลยบอกว่า..เขาเห็นดาวิดไปที่เมืองโนบ และอาหิเมเลคก็แสวงหาน้ำพระทัยพระเจ้าให้แก่ดาวิด..ให้ขนมปังบริสุทธิ์ไปเป็นเสบียง แล้วยังเอาดาบของโกลิอัทให้ดาวิดติดตัวไปด้วย (แค่นั้นแหละ..ซาอูลขึ้นเลย) แต่สิ่งที่โดเอกไม่ได้บอกซาอูลก็คือ..ดาวิดไม่ได้บอกความจริงให้อาหิเมเลครู้..ว่าเขาหนีซาอูลมา (โดเอกเองก็อาจจะไม่รู้เหมือนกัน) แต่ถึงบอกซาอูลก็คงไม่ฟัง..เพราะตอนนี้เขาโกรธจนหน้ามืด รีบสั่งการให้คนไปตามตัวปุโรหิตมาพบ ไม่ใช่อาหิเมเลคคนเดียว..แต่เรียกมาทั้งตระกูล
ดู1ซมอ.22:12-13/14-15 พอเหล่าปุโรหิตเมืองโนบทั้งหมดมาถึง โดยไม่มีการไตร่สวนอะไรทั้งนั้น..ซาอูลสรุปเลยว่าปุโรหิตเมืองโนบทุกคน..คิดคดทรยศต่อราชบัลลังก์ของเขา
คนส่วนใหญ่คงสติแตกไปแล้ว ถ้าต้องถูกสอบสวนอยู่ต่อหน้าคนบ้าอย่างซาอูล แต่อาหิเมเลคไม่สะทกสะท้าน..นิ่งมาก..มีสติสมกับเป็นปุโรหิต เขาไม่แก้ตัวซักคำ..ว่าถูกดาวิดหลอกเพราะถ้าจะอ้าง..ก็ไม่ผิดเพราะดาวิดหลอกเขาจริง แต่อาหิเมเลคไม่คิดจะเอาเรื่องนี้มาเป็นประเด็น เขาไม่พูดถึงเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ..(นี่เป็นตัวอย่างที่ดีจริงๆ) เขายังกลับเตือนซาอูลให้มีสติ..ว่าดาวิดคือผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ที่สุดของท่าน มีคุณงามความดีมากมาย และยังเป็นลูกเขยของซาอูลด้วย ข้อที่15 อาหิเมเลคบอกว่า..แต่คำกล่าวหาที่ว่า..เขาอธิฐานให้ดาวิดนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะเขาและปุโรหิตเมืองโนบทุกคนยังไม่เคยทูลพระเจ้าให้แก่ดาวิดเลย ขอพระราชาอย่ากล่าวโทษกันเพราะพวกเขาไม่มีส่วนรู้เห็นเรื่องการก่อกบฎอะไรทั้งนั้น (ซาอูลจะเชื่อมั๊ยล่ะ)
ดูซมอ.22:16-17 ไม่มีคำไหนของอาหิเมเลคเข้าหูซาอูลเลย เขาหันไปสั่งองครักษ์ให้ฆ่าปุโรหิตทุกคนในที่นั้น แต่ไม่มีใครซักคนที่จะกล้าฆ่าปุโรหิตของพระเจ้าตามคำสั่งของซาอูล เพราะเป็นบาปที่ร้ายแรงมากกก ถ้าเราจำได้ในหนังสือฉธบ.พระเจ้าทรงบัญญัติให้คนอิสราเอลรวมทั้ง”กษัตริย์ด้วย”..ว่าต้องเชื่อฟังและกระทำตามคำแนะนำของปุโรหิตอย่างเค่งครัด เพราะปุโรหิตคือผู้วินิจฉัยที่พระเจ้าทรงเจิมไว้ เราก็ไม่รู้..ว่าซาอูลจะทำบาปไปถึงไหน เพราะเขาไม่ใช่แค่ไม่เชื่อฟัง แต่กำลังจะฆ่าหมู่ปุโรหิตด้วย..
ดู1ซมอ.22:18-19 ในเมื่อไม่มีอิสราเอลคนไหนกล้าทำ ซาอูลเลยหันไปหาโดเอก..ลูกน้องคู่ใจชาวต่างชาติให้ฆ่าปุโรหิตเมืองโนบทุกคน คราวนี้..ไม่มีปัญหา เพราะโดเอกไม่ใช่คนอิสราเอล เขาไม่สนอยู่แล้ว..ว่าปุโรหิตเป็นใคร ขอแค่เจ้านายสั่งเขาทำให้หมด พระคำภีร์บอกว่า..วันนั้นเขาฆ่าปุโรหิตเมืองโนบไป 85 คน แล้วยังไปฆ่าชาวเมืองโนบทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ ผู้หญิง ผู้ชาย รวมทั้งสัตว์เลี้ยงด้วย..ตายเกือบหมด ข้อที่20 บอกว่า..มีรอดไปคนนึงชื่ออาบียาธาร์ เป็นลูกชายของอาหิเมเลค ที่หนีจากเมืองโนมมุ่งหน้าไปหาดาวิด
ดู1ซมอ.22:21-23 พอเจอดาวิดแล้ว อาบียาธาร์ก็เล่าทุกอย่างให้ดาวิดฟัง ดาวิดบอกว่า เขาก็คิดอยู่..ว่าโดเอกต้องไปฟ้องซาอูลเพราะวันนั้นโดเอกก็มองเขาเหมือนจะจับผิด ดาวิดยอมรับ..ว่าการที่ปุโรหิตและชาวเมืองโนบตัองถูกฆ่าก็เพราะเขาเป็นต้นเหตุ เขาเองก็ไม่รู้จะชดเชยความผิดอันนี้ได้ยังไง ดาวิดขอให้อาบียาธาร์อยู่กับเขา..เพื่อความปลอดภัย แล้วถ้าใครจะฆ่าอาบียาธาร์ก็ต้องข้ามศพเขาไปก่อน
ดูต่อ1ซมอ.23:1-3 มีคนมาบอกดาวิดว่า..เมืองเคอีลาห์กำลังถูกฟิลิสเตียโจมตี จริงๆแล้ว..ถ้าจะมีเมืองไหนของอิสราเอลถูกโจมตีตอนเนี้ย..มันก็ควรจะเป็นหน้าที่ของซาอูล แต่เราก็เห็นแล้ว..ว่าตอนนี้ซาอูลห่วงแต่จะฆ่าคนอิสราเอลด้วยกัน ทั้งดาวิดแล้วก็อีกหลายๆคนที่เกี่ยวข้อง..จนไม่สนใจศัตรูที่มาสร้างความเดือดร้อนให้บ้านเมือง ต่างกับดาวิด..ที่พอรู้ข่าวปุ๊บ! ใจก็อยากจะรับใช้ชาติทันที ข้อที่2 บอกว่า”เขาถามพระเจ้า..ว่าควรไปช่วยรบกับพวกฟิลิสเตียมั๊ย” นี่คือต้นแบบของผู้เชื่ออย่างแท้จริง..จะทำอะไรก็ถามพระเจ้าก่อน(เสมอ) แล้วครั้งนั้นพระเจ้าก็ทรงบอกให้ดาวิดเดินหน้า..ไปรบกับพวกฟิลิสเตีย..เพื่อกู้เมืองเคอีลาห์ไว้ ส่วนข้อที่3 บอกว่า..แต่พรรคพวกที่อยู่กับดาวิดไม่ค่อยอยากไป...เพราะขนาดซ่อนตัวอย่างงี้..ก็ยังกลัวซาอูลจะหาเจอ แล้วจะให้ออกไปรบ..ใครจะอยากไป ดีไม่ดีถ้าซาอูลมาเห็นเข้าพวกเขาต้องตายแน่..
ดู1ซมอ.23:4-5 พอลูกน้องคัดค้าน..ดาวิดก็ฟังนะ แต่เขาคงรู้สึกมีภาระใจกับภาระกิจนี้ ดาวิดเลยยกให้พระเจ้าเป็นผู้ตัดสิน เพราะข้อที่4 บอกว่า..ดาวิดจึงทูลถามพระเจ้าอีกครั้ง..ว่าควรมั๊ยที่เขาจะออกไปรบ แล้วพระเจ้าก็ทรงยืนยัน..”ให้ดาวิดไปรบที่เคอีลาห์ แล้วก็ยังสัญญา..ว่าจะให้เขาชนะพวกฟิลิสเตียด้วย” ดาวิดกับพรรคพวกเลยรู้สึกมั่นใจ พากันออกไปรบกับพวกฟิลิสเตียจนได้ชัยชนะ ข้อที่5 บอกว่า..นอกจากดาวิดจะช่วยกู้ชาวเมืองเคอีลาห์ไว้แล้ว วันนั้นเขายังได้ยึดฝูงสัตว์ของพวกฟิลิสเตียมาด้วย..แปลว่า หลังจากที่ไม่ได้กินเนื้อดีๆมานานเพราะต้องซ่อนอยู่ในป่า วันนั้น..ดาวิดกับพวกก็คงได้กินสเต็คเนื้อสันกันจนเปรม
ดู1ซมอ.23:6-7 หลังจากที่รบชนะพวกฟิลิสเตีย ชาวเมืองเคอีลาห์ก็ยอมให้ดาวิดลี้ภัยอยู่ที่นั่น แล้วตอนนี้ก็รู้ถึงหูซาอูลแล้ว..ว่าดาวิดอยู่ที่เคอีลาห์ ซาอูลก็รีบรวมพลเพื่อจะยกไปล้อมจับดาวิดกับพวก ข้อที่7 ซาอูลพูดว่า”..พระเจ้าทรงมอบเขาไว้ในมือเราแล้ว เพราะดาวิดอยู่ในเมืองที่มีประตูและดาล” คือซาอูลมั่นใจมากว่าคราวนี้ต้องจับดาวิดได้แน่ๆ เพราะเมืองเคอีลาห์มีประตูสองชั้นและลูกกรง..ที่ซาอูลมองว่า มันจะกลายเป็นที่กักขังดาวิดได้อย่างแน่นหนา ถ้าล้อมไว้ก็คงหนีไปไหนไม่รอด เลยคิดไปเองว่าพระเจ้าจะยอมให้เขาฆ่าดาวิด
ดู1ซมอ.23:11-12 ส่วนดาวิดพอรู้ข่าวว่าซาอูลกำลังมา ดาวิดทำไง..แสวงหาน้ำพระทัยพระเจ้า เพราะข้อที่6 บอกว่า..อาบียาธาร์ได้พกเอาเอโฟดมาด้วย ตอนที่หนีจากเมืองโนบมาหาดาวิด ดาวิดเลยใช้เอโฟดทูลถามพระเจ้าสองข้อ ข้อแรกถามว่า..ซาอูลจะมาจับเขาจริงๆรึเปล่า..พระเจ้าตอบว่า..”จริง..เขามาแน่” ข้อที่สองถามว่า..แล้วชาวเมืองโนบจะส่งตัวเขากับพรรคพวกให้ซาอูลหรือไม่ พระเจ้าตอบว่า”เขาทั้งหลายจะมอบเจ้าให้ซาอูล” ในเมื่อคำตอบมันชัดเจนขนาดนี้ ดาวิดกับคนของเขาเลยตัดสินใจรีบออกจากเมืองเคอีลาห์ไป เพื่อไม่ให้ใครต้องเดือดร้อน แล้วชาวเมืองเคอีลาห์ก็จะได้ไม่ต้องลำบากใจ..ที่ต้องส่งตัวเขาให้กับซาอูล
ดู1ซมอ.23:13-14 พอซาอูลรู้ว่าดาวิดหนีไปแล้ว เขาก็ยกเลิกแผนการที่จะยกมาล้อมเมืองเคอีลาห์ ปัญหาทุกอย่างก็ไม่เกิดขึ้น แต่ข้อที่14 บอกว่า..ซาอูลก็ยังตามหาดาวิดไม่เลิก “แต่พระเจ้ามิได้มอบท่านไว้ในมือของซาอูล” นี่คือประโยคที่มั่นใจได้ที่สุด เพราะความปลอดภัยของคริสเตียนไม่ได้ขึ้นอยู่กับระยะห่าง”ของเรา”กับ “ภัยอันตรายบนโลกใบนี้” แต่ขึ้นอยู่กับพระเจ้า (ส่วนความไม่ประมาทและการใช้สติปัญญาต่อเหตุการณ์ต่างๆอย่างมีเหตุผล..ก็ยังเป็นสิ่งที่เราควรทำ แต่สุดท้ายแล้วผลจะเป็นยังไงมันขึ้นอยู่กับพระเจ้า) อย่างดาวิดเนี่ย..เมื่อพระเจ้าเลือกแล้วว่าเขาต้องเป็นกษัตริย์ของอิสราเอล..ยังไงซะดาวิดก็ต้องปลอดภัยเพราะน้ำพระทัยพระเจ้าต้องสำเร็จ ส่วนอาหิเมเลคกับชาวเมืองโนบ..จริงๆแล้วพวกเขาก็ปลอดภัยเท่าๆกับดาวิด แต่ที่ถูกฆ่าก็เพราะภาระกิจของพวกเขาเสร็จสิ้นแล้ว แต่ดาวิด..ยัง เพราะฉะนั้น ดาวิดไม่จำเป็นต้องคำนวนหาระยะของความปลอดภัยเลย..ว่าเขาควรจะอยู่ห่างจากซาอูลแค่ไหน แต่ดาวิดและคริสเตียนควรคำนึงถึงความปลอดภัยในการอยู่ใกล้ชิดกับพระเจ้ามากกว่า เพราะนั่นคือสันติสุขและความปลอดภัยที่เราวางใจได้อย่างแท้จริง
ดู1ซมอ.23:15-17 ขณะที่ดาวิดลี้ภัยอยู่ในป่าศิฟ..เขาก็ได้รู้ชัดเจนว่าซาอูลยังตามล่าเขาไม่เลิก จิตใจของดาวิด..ตอนนี้ทั้งเหนื่อยล้าแล้วก็หวาดกลัว ข้อนี้บอกว่า..โยนาธานก็อุตส่าห์บุกป่าฝ่าดงตามไปให้กำลังใจดาวิดถึงที่ซ่อน ข้อที่17 โยนาธานพูดว่า..อย่ากลัวเลย เพราะซาอูลไม่มีวันหาดาวิดเจอ ทำไมโยนาธานถึงมั่นใจขนาดนั้น..ก็เขาเชื่อแน่ว่าดาวิดจะต้องได้เป็นกษัตริย์ของอิสราเอล เพราะพระเจ้าทรงเจิมเขาไว้แล้ว..และน้ำพระทัยของพระองค์ต้องสำเร็จ “..และฉันจะเป็นอุปราช เสด็จพ่อก็ทราบเรื่องนี้..” หมายความว่า โยนาธานไม่เคยปิดบังว่าเขากับดาวิดเป็นเพื่อนรักกัน แล้วถ้าดาวิดได้เป็นกษัตริย์..เขาก็จะอยู่เคียงข้าง ให้การสนับสนุนและยอมรับใช้ด้วยความเต็มใจ
ดู1ซมอ.23:19-20 ข้อนี้บอกว่า..ชาวบ้านที่อยู่เมืองศิฟได้ไปบอกซาอูลว่าดาวิดซ่อนตัวอยู่ที่เมืองนั้น แล้วยังเสนอจะช่วยซาอูลจับดาวิดด้วย นี่ขนาดเป็นคนเผ่าเดียวกันนะ.. ข้อที่22-23 ซาอูลบอกว่า..”จงไปหาดูให้แน่นอนยิ่งขึ้น..คอยสังเกตุดูให้แน่ว่าเขาซ่อนตัวอยู่ที่ไหนและกลับเอาเนื้อความแน่นอนมาบอกเรา” คราวนี้ซาอูลดูจะรอบคอบกว่าเดิม กะจะจับให้มั่นคั้นให้ตาย เพราะคงไม่อยากกลับมามือเปล่าอีก ซาอูลเลยสั่งชาวศิฟให้ไปเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของดาวิดให้แน่นอนก่อนแล้วค่อยกลับมารายงานเขา
ดู1ซมอ.23:25/26-28 หลังจากรับคำสั่งจากซาอูลแล้ว เมื่อชาวเมืองศิฟกลับไปสะกดรอยดาวิดได้ไม่นาน ซาอูลก็ตามมาจับดาวิด แต่ดาวิดก็ไหวตัวทันเพราะมีคนมาบอก ดาวิดเลยหนีลึกเข้าไปอีกประมาญสามสี่กิโล แต่ซาอูลก็ไม่ยั่นตามดาวิดไปติดๆ ข้อที่26 บอกว่า..ซาอูลไปดักดาวิดที่ฟากนึงของภูเขา ส่วนดาวิดก็อยู่อีกด้านนึง..จะเป็นลักษณะที่ตามไปติดๆ หรือกำลังจะไปดักหน้าดาวิด อันนี้ก็ไม่รู้ รู้แต่ว่า..การเผชิญหน้ากำลังจะเกิดขึ้น แต่ทันใดนั้น..เสียงระฆังหมดยกก็ดังขึ้น (อันนี้น้าตุ๊กพูดเอง) เพราะข้อนี้บอกต่อไปว่า..ขณะที่ซาอูลกับคนของเขากำลังเข้ามาใกล้จนแทบจะเอื้อมมือไปจับดาวิดได้แล้ว ผู้สื่อสารคนนึงก็ตะโกนบอกซาอูลว่า”..พวกฟิลิสเตียกำลังยกทัพมาปล้นโจมตีอิสราเอล” เมืองไหนไม่รู้ แต่น่าจะเป็นกิเบอาห์บ้านของซาอูลหรือไม่ก็ย่านๆนั้นแหละ เพราะข้อที่28 บอกว่า ซาอูลถึงกับยอมวางมือจากการไล่ล่าดาวิดเพื่อไปรบกับฟิลิสเตีย แสดงว่า..มันต้องคอขาดบาดตายสำหรับเขาจริงๆ ซาอูลถึงยอมปล่อยดาวิดไปทั้งๆที่จะจับได้อยู่แล้วเชียว ดาวิดเลยรอดไปได้ในเสี้ยววินาทีสุดท้าย (อีกครั้ง)
นี่คือตัวอย่างชัดเจนที่ทำให้เราเห็นว่า..น้ำพระทัยพระเจ้าคือสิ่งที่ต้องสำเร็จเสมอเพราะนั่นคือสิ่งที่ดีและยิ่งใหญ่ที่สุดในมหาจักรวาล แม้ว่ามนุษย์จะไม่เข้าใจ..ว่าทำไมบางอย่างถึงต้องเกิดขึ้น อย่างชาวอิสราเอลที่ถูกฟิลิสเตียยกมาปล้นโจมตีในครั้งนี้..พวกเขาก็คงไม่เข้าใจว่าทำไมพระเจ้าถึงยอมให้ศัตรูมารุกราน เหตุผลคืออะไร..พวกเขาไม่รู้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป..เราทั้งหลายกลับได้รู้เหตุผลที่พระเจ้าทรงบันดาลให้เกิดเหตุการณ์ในครั้งนั้นขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นเราทั้งหลายได้เห็นชัดเจนว่า..การที่อิสราเอลถูกโจมตีครั้งนั้น”เป็นผลดีที่สุดต่อมนุษยชาติจริงๆ” เพราะมันทำให้ซาอูลยอมวางมือจากการเอาชีวิตของกษัตริย์ดาวิด..ผู้ซึ่งพระเจ้าทรงตั้งไว้ให้เป็นต้นตระกูลของพระเมสสิยาห์..คือองค์พระเยซูคริสต์พระผู้ช่วยให้รอดของเรา ในทางเดียวกันที่อีกหลายๆเหตุการณ์ร้ายในอดีต ปัจจุบัน หรือแม้แต่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตที่พวกเราอาจจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจก็ตาม..ก็จะต้องเป็นผลดีต่อพวกเราผู้ซึ่งรักพระองค์อย่างสุดจิตสุดใจแน่นอน
น้าตุ๊กขอหนุนใจให้เด็กๆทุกคนวางใจในพระเจ้า จะทำอะไรก็โฟกัสที่พระองค์ ไม่ใช่ตัวเรา และขอให้ทุกคนเพียรอธิฐานให้พระเจ้าทรงชันสูตรจิตใจของพวกเราเสมอๆ เพราะจะทำให้เรารู้เท่าทันแม้ความคิดเจ้าเล่ห์ของตัวเอง ต่อเมื่อเราดูแลชีวิตและจิตใจของเราเองให้เป็นที่ชอบพระทัยของพระเจ้าได้แล้ว เราจึงจะสามารถเป็นภาชนะที่พระเจ้าทรงใช้ได้และถวายเกียรติต่อพระองค์
ขอพระเจ้าอวยพรค่ะ

วันอาทิตย์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

หนังสือ1ซามูเอล ครั้งที่13 อาทิตยที่16:5:2010

ดู1ซมอ.20:27-28/30-31 พอถึงวันถวายสัตวบูชา ดาวิดก็ไม่มาร่วมงาน..แต่คืนแรก..ซาอูลก็ไม่ได้ว่าไร เพราะคิดว่า..เออ.สงสัยดาวิดคงจะเป็นมลทิน (อะไรซักอย่าง) ก็เลยมาร่วมฉลองไม่ได้ แต่พอไม่เห็นดาวิดอีกเป็นวันที่สอง..เขาเลยถามโยนาธาน..ว่าดาวิดไปไหน โยนาธาน บอกว่าเขาอนุญาตให้ดาวิดกลับไปฉลองกะพ่อที่เบธเลเฮม แค่นั้นแหละ..ซาอูลก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ด่าทอโยนาธานเสียๆหายๆ หาว่าโยนาธานอ่ะ..เป็นตัวนำความอับอายมาให้ราชวงศ์..เอาแต่เข้าข้างดาวิด ทั้งๆที่ก็รู้อยู่..ว่าถ้าปล่อยให้ดาวิดมีชีวิตยู่ต่อไป..อีกหน่อยเขาจะต้องได้บัลลังก์ไปครอง ว่าแล้ว..ก็สั่งให้คนไปตามจับดาวิดมาเพื่อจะฆ่าซะ
ดู1ซมอ.20:32-34 โยนาธานแย้งซาอูลว่า..ทำไมพ่อต้องฆ่าดาวิดด้วย เขาก็ไม่ได้ทำผิดอะไรนักหนา แต่พอโยนาธานพูดได้แค่นั้น..ซาอูลก็พุ่งหอกใส่เลย (แค้นจัดกะจะฆ่าให้ตาย..ลูกไม่รักดี) แต่พระคำภีร์บอก..พลาดอีกแล้ว
พอโดนหอกพุ่งใส่ โยนาธานถึงแน่ใจ..พ่อบ้าไปแล้วจริงๆ ยิ่งคิดยิ่งกลุ้ม ห่วงดาวิดจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ เพราะดูท่าแล้วซาอูลคงไม่ยอมวางมือง่ายๆ
ดู1ซมอ.20:35-37 ข้อนี้บอกว่า..เช้าวันรุ่งขึ้น โยนาธานรีบออกไปส่งข่าวให้ดาวิดรู้ที่ทุ่งนา..ตามที่นัดกันไว้ พอไปถึงโยนาธานก็ยิงธนูแล้วร้องบอกเด็กที่ไปเก็บลูกธนูว่า..”ลูกธนูอยู่ข้างหน้าเจ้าโน่น..ไม่ใช่หรือ จงรีบไปโดยเร็วอย่าหยุด” พูดอย่างงี้ ตามที่ตกลงกันไว้แปลว่า..ให้ดาวิดรีบหนีไป เพราะซาอูลจะฆ่าเขาจริงๆ แต่แทนที่ดาวิดจะรีบหนีไปตามที่ตกลงกันไว้ เขากลับออกมาร่ำลาโยนาธานด้วยน้ำตานองหน้า ข้อที่41 บอกว่า..ดาวิดก้มลงกราบโยนาธานสามครั้ง ตัดใจให้หนีไปเลยไม่ได้..เพราะรู้ดีว่าต่อไปนี้อาจจะไม่ได้พบกันอีกเลย (เศร้ามากจริงๆ)
ดู1ซมอ.20:42 ถ้าสังเกตุดูเด็กๆจะเห็นว่า..มีการพูดถึงการทำพันธสัญญาระหว่างดาวิดกับโยนาธานหลายครั้งมาก น้าตุ๊กว่า..พระเจ้าทรงตั้งใจให้เราเห็นถึงความสำคัญของคำว่า”พันธสัญญา” แล้วมนุษย์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันก็ถูกควบคุมไว้ด้วยคำนี้..แทบจะทุกเรื่อง
ตั้งแต่สัญญาระดับประเทศ ระดับชุมชน หรือแม้แต่บุคคลต่อบุคคล..ตัวอย่างง่ายๆอย่างการแต่งงานก็จะมีการจดทะเบียน แล้วก็ทำพันธสัญญากันต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า..ว่าจะรักซึ่งกันและกันตลอดไป(ต้องตลอดไปนะ)ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในชีวิต ถามว่าทำไมต้องทำพันธสัญญากันด้วย ทำไมไม่แค่รักกันเฉยๆก็พอล่ะ..คำตอบก็คือ เพราะลำพังแค่อารมณ์รักโรแมนติกอย่างเดียว..มันไม่สามารถทำให้ใครมั่นคงต่อกันได้จริง เดี๋ยวก็ลืม เดี๋ยวก็เบื่อ ที่สุดก็อยากเลิกกัน เพราะมนุษย์แปรปรวนสุดๆ..แล้วพระเจ้าทรงรู้จักนิสัยข้อนี้ของมนุษย์ดี พระองค์ถึงต้องใช้พันธสัญญามาควบคุมความสัมพันธ์ระหว่างเรากับพระองค์..
ดูปฐก.9:11-13...ปฐก.12:1-3...อพย.19:4-6
เราจะเห็นว่า..ตั้งแต่ปฐมกาลพระเจ้าทรงใช้พันธสัญญาควบคุมมนุษย์ตลอด พระองค์ทำพันธสัญญากับโนอาห์..อับราฮัม และก็กับคนอิสราเอลในสมัยอพยพ..โดยธรรมบัญญัติของโมเสส แล้วพระองค์เองที่รักษาสัญญาอยู่ฝ่ายเดียว ส่วนมนุษย์ไม่..มนุษย์ล้มเหลวตลอด กบฎ ละเมิดกันเละเทะทุกยุคทุกสมัย ตั้งแต่ปฐมกาล อพยพ โยชูวา ผู้วินิจฉัย มาจนถึงทุกวันนี้ด้วย เพราะฉะนั้น ถ้าความรอดของเราต้องขึ้นอยู่กับการรักษาสัญญา..หรือรักษากฎบัญญัติ เด็กๆเข้าใจมะ..ว่าเราไม่มีวันรอด ไม่มีวันได้เข้าในแผ่นดินของพระเจ้า เพราะอย่างงี้..พระเจ้าถึงต้องเตรียมทางรอดอันใหม่ “ที่เหนือชั้นกว่าเก่า”ไว้ให้เรา เพราะทางเก่ามันถูกพิสูจน์แล้ว..ว่าใช้การไม่ได้ พันธสัญญาใหม่ถึงต้องเกิดขึ้น..แล้วลักษณะสำคัญของ”สัญญาอันใหม่” ของพระเจ้าก็คือ “ความรอดต้องไม่ขึ้นอยู่กับความดีของมนุษย์”..ต้องทางนี้เท่านั้นถึงจะช่วยมนุษย์ได้
ดูยรม.31:31-33 เมื่อพิสูจน์แล้ว..ว่ามนุษย์มักล้มเหลวในการรักษาสัญญาหรือกฎบัญญัติพระเจ้าทรงตรัสผ่านเยเรมีห์ว่า..พระองค์จะทำพันธสัญญาใหม่กับมนุษย์ คือ “จะทรงบรรจุพระธรรมไว้ในเขาทั้งหลาย และจารึกมันไว้บนดวงใจของมนุษย์..” เพราะเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า..ธรรมะที่อยู่บนแผ่นศิลา กระดาษ ใบลาน หรือวัตถุอะไรก็ตามเนี่ย..มันทำให้มนุษย์บริสุทธิ์ไม่ได้ กฎบัญญัติหรือกฎหมายทุกอย่างเป็นได้แค่กระจกเงา..ที่ส่องแล้วทำให้เราเห็น..ว่าเรารูปร่างหน้าตายังไง..น่าเกลียดขนาดไหน แต่กระจกไม่เคยแก้ไขให้เราสวยหรือดูดีขึ้นได้ (นึกออกมะ) ในข้อนี้พระเจ้าถึงบอกว่า..”พระองค์จะจารึกพระธรรมไว้ที่ดวงใจของเรา” ยังไง?..ก็เมื่อเราเชื่อพระเยซูคริสต์ เราจะมีพระวิญญาณบริสุทธิ์สถิตในใจทันที อันนี้แหละ..คือ “ความชอบธรรม”อันที่พระเจ้าบอกผ่านเยเรมีห์..ว่าจะใส่ไว้ที่หัวใจของเรา
ดู ฮีบรู9:14-15 พระเจ้าใช้วิธี”ส่งพระบุตรองค์เดียวของพระองค์”ให้มาเกิดบนโลกนี้ (อย่าเบื่อหรือรู้สึกเพิกเฉยกับคำนี้) เพราะนี่คือคำแห่งความจริง เพราะพระคริสต์ทรงมาเกิดบนโลกโดย..เดชพระวิญญาณบริสุทธิ์ แปลว่า ไม่ได้มาจากการปฏิสนธิของมนุษย์ พระองค์ถึงบริสุทธิ์..ไม่มีเชื้อบาปเพราะไม่ใช่เชื้อสายของอาดาม เพราะฉะนั้น การตายบนไม้กางเขนของพระองค์ จึงมีค่ามากพอแล้ว..ที่จะแลกกับความผิดบาปของมนุษยชาติ..เพราะเป็นการตายของคนบริสุทธิ์ ไม่ได้ทำไรผิดแต่ถูกฆ่า..นั่นคือส่วนที่พระเจ้าทำ ส่วนมนุษย์ก็มีหน้าที่แค่..ต้องรับเอาไว้เป็นของตัวเอง (อ้าปากก็ได้กินเลย..ไม่ต้องไปเหนื่อยหรือขนวายด้วยตัวเอง ถ้าง่ายขนาดนี้แล้วยังไม่กิน..ก็คงต้องรอรับความตาย..)
แล้วสัญญาอันใหม่ของพระเจ้า..จะผูกพันเราแค่ครั้งเดียวแต่คงอยู่ตลอดไป..ไม่ต้องทำซ้ำอีกเหมือนสมัยโมเสส หรือเหมือนความเชื่ออื่น..ที่ทำแล้วไม่เคยอิ่ม เพราะถ้าอิ่มก็คงไม่ต้องทำซ้ำ แต่เท่าที่เห็น..ก็ยังวนเวียนทำกันอยู่ซ้ำซากเหมือนเดิม..เพราะเติมไม่เต็ม..แก้ไม่ถูกจุด..เกาไม่ถูกที่คันมันก็เลยไม่อิ่ม แต่ก็คิดกันไม่ออก..เพราะพระเจ้าไม่เปิดใจ..
ดู1ซมอ.21:1-3 หลังจากที่ร่ำลากับโยนาธานแล้ว ดาวิดก็หนีไปหา”อาหิเมเลข”ที่เมืองโนบ เพราะในเวลาอย่างงี้ดาวิดคิดว่าไปหาปุโรหิตน่าจะปลอดภัยสุด แต่อาหิเมเลขก็รู้สึกผิดสังเกตุอยู่เหมือนกัน เพราะดาวิดดูสั่นๆ อาหิเมเลขก็เลยถามว่าทำไมมาคนเดียว ดาวิดเป็นถึงผู้บัญชาการกองพันแล้ว..ปกติต้องมีลูกน้องติดตาม ดาวิดเลยบอกว่า..นี่เขามาราชการลับ ลูกน้องก็ซุ่มๆอยู่แถวๆนี้แหละ (แต่จริงๆไม่มีหรอก) เสร็จแล้วดาวิดก็บอกว่า..เขาอยากได้เสบียง ที่นี่พอมีอะไรที่จะเป็นเสบียงให้เขาได้มั่ง..
ดู1ซมอ.21:4-5 อาหิเมเลขตอบว่า..เขามีแต่ขนมปังบริสุทธิ์ที่วางหน้าพระพักตร์ ซึ่งจริงๆเป็นของปุโรหิต แต่ถ้าดาวิดกับลูกน้องไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงมา..เขาก็ให้กินได้เหมือนกัน ดาวิดเลยบอกว่าเขารู้กฎอันนี้ดี อาหิเมเลขไม่ต้องห่วง..เพราะในเวลาราชการอย่างงี้..เขาไม่มีเวลาไปยุ่งกับผู้หญิงแน่นอน ปุโรหิตก็เลยเอาขนมปังห้าก้อนให้ดาวิดไปเป็นเสบียง
ข้อที่7 บอกว่า..”วันนั้นมีผู้ชายคนนึงชื่อ”โดเอก”อยู่ที่นั่นด้วย เขาเป็นชาวเอโดม(แปลว่า เป็นคนต่างชาติ)..แต่เป็นลูกน้องของซาอูล..? ตอนนี้เราจะยังไม่เข้าใจ..ว่าพระคำภีร์พูดถึงโดเอกทำไม เพราะข้อนี้ก็บอกไว้แค่ลอยๆ..แต่เดี๋ยวบทที่22 เราจะรู้..ว่าโดเอกคนนี้แหละ ที่คาบข่าวไปบอกซาอูล..ว่าดาวิดมาที่เมืองโนบ เป็นเหตุให้ซาอูลสั่งฆ่าคนเมืองนี้เกือบหมด
ดู1ซมอ.21:8-9 พอได้เสบียงแล้วดาวิดก็เริ่มมองหาอาวุธ เขาถามปุโรหิตว่า..ที่นี่มีหอกหรือดาบมั่งมั๊ย (ดาวิดมีพิรุธจริงๆ) เพราะเรารู้ว่า..ทั้งประเทศ มันก็มีดาบอยู่ไม่กี่เล่ม ตอนก่อนพระคำภีร์ก็บอก..ว่าโยนาธานกับซาอูลเท่านั้นที่มีดาบเหล็ก แล้วทำไมดาวิดถึงมาหาอาวุธในบ้านของปุโรหิตล่ะ แล้วจริงๆก็ไม่น่าจะมี..เพราะเขาจะเอาไปทำไร แต่ก็บังเอิญ..มีอยู่อันนึงของโกลิอัท..ที่ดาวิดปราบน่ะแหละ อาหิเมเลขก็เลยให้ไปอย่างเต็มใจด้วยนะ เพราะจริงๆ..ดาบนี้ก็น่าจะเป็นสิทธิ์ของดาวิดอยู่แล้ว เพราะเขาเป็นคนฆ่าโกลิอัท ตกลงตอนนี้ดาวิดก็เลยได้ทั้งเสบียงและก็อาวุธติดตัวไป ดาวิดไปไหน..?
1ซมอ.21:10-11 ข้อนี้บอกว่า ดาวิดหนีซาอูลไปที่เมืองกัท..เมืองกัทของพวกฟิลิสเตีย ทำไมดาวิดถึงเลือกลี้ภัยมาที่นี่ นี่มันบ้านของศัตรู..บ้านเกิดของโกลิอัทที่เขาฆ่าตายกะมือ แล้วตอนนี้เขาก็ถือดาบของโกลิอัทมาด้วย..
พระคำตอนนี้ ชี้ให้เราเห็น..ว่ามันเป็นเรื่องปกติที่กษัตริย์มักจะชอบช่วยเหลือ..คุ้มครองนักโทษที่ลี้ภัยการเมือง..จากประเทศรอบด้าน เพราะไร..มันมีแต่ได้กับได้ ถ้าวันนึง..คนที่เขาช่วยไว้เกิดกลับไปใหญ่อีกครั้งในประเทศของตัวเอง(คุ้นๆมะ) กษัตริย์ที่เคยให้ที่อยู่ที่กินก็ต้องได้รับประโยชน์ตอบแทนแน่นอน..ข้อที่11นี้..มหาดเล็กถึงได้พูดกับก.อาคีชประมาณว่า..ท่านจำไม่ได้เหรอ..ดาวิดคนนี้ไงที่ได้รับการเจิมให้เป็นกษัตริย์องค์ต่อไปของอิสราเอล คนนี้แหละที่เป็นคนฆ่าโกลิอัทของเรา เขาคือคนที่ชาวอิสราเอลโห่ร้องว่ายิ่งใหญ่กว่าก.ซาอูล เพราะฆ่าคนเป็นหมื่น..
ดู1ซมอ.21:12-15 ตรงจุดนี้..ถ้าดาวิดจะพลาด..ก็คงเพราะชั่วโมงนั้นเขาอยู่ในสภาพที่เรียกว่า..กำลังอยู่ในหุบเขาเงามัจจุราชอย่างแท้จริง ความรนรานของเนื้อหนังมนุษย์ในยามวิกฤติมันก็เลยสั่งให้เขาเลือกไปพึ่งศัตรู..แทนที่จะพึ่งพระเจ้า ดาวิดถึงได้ตากหน้ามาถึงฟิลิสเตีย แต่ดูเหมือนพระเจ้าจะไม่ยอมให้เขาเอาศัตรูเป็นที่พึ่ง..
เพราะในข้อที่12 บอกว่า..ดาวิดได้ยินอาคีชกับมหาดเล็กปรึกษากัน ก็เลยชักไม่แน่ใจ..เพราะถึงอาคีชจะยอมให้เขาอยู่ แต่กษัตริย์ฟิลิสเตียคนนี้..ก็อาจจะเปลี่ยนใจฆ่าเขาทิ้งทีหลังก็ได้ เพราะยังไงพวกฟิลิสเตียก็ต้องแค้นดาวิดมากอยู่ คิดไปคิดมา..ดาวิดเลยรู้สึกไม่ค่อยปลอดภัย ทำไงดี..เอาวะ..แกล้งบ้าซะเลย..ข้อที่13 บอกว่า..ดาวิดเที่ยวขีดเขียนมั่วซั่วไปทั่วเมือง แถมยังทำน้ำลายไหลยืดเลอะเทอะเปรอะเปื้อน อาคีชเห็นอย่างงั้นก็ไม่อยากยุ่งด้วย..ก็เลยสั่งให้มหาดเล็กปล่อยดาวิดไป อาคีชคิดประมาณว่า..เมืองนี้ก็มีพวกฟิลิสเตียบ้าๆมากพอละ ไม่รู้จะเก็บคนบ้าไว้อีกทำไม ดาวิดเลยถูกปล่อยตัวไป..
วันนี้หมดเวลาแล้วค่ะ..ขอแสดงความยินดีกับพี่น้องที่รับบัพติศมาในน้ำด้วยนะคะ
พบกันสัปดาห์หน้า ขอพระเจ้าอวยพรค่ะ

วันจันทร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

หนังสือ1ซามูเอล ครั้งที่12 อาทิตย์ที่9:5:2010

ดู1ซมอ.18:6-9 ข้อนี้บอกว่า หลังจากที่ดาวิดกลับจากการไล่ฆ่าพวกฟิลิสเตียพร้อมกับกองทหารของอิสราเอล..พวกผู้หญิงก็ออกมาร้องรำทำเพลงด้วยความดีใจ จริงๆแล้วการออกมาร้องรำทำเพลงของพวกผู้หญิง ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ของอิสราเอล..เขาทำกันมาตั้งนานแล้ว..ครั้งที่พระเจ้าช่วยกู้คนอิสราเอลจากมือของฟาโรห์..แล้วก็ฝังกองทัพของคนอียิปต์ไว้ในทะเลแดง ตอนนั้นคนอิสราเอลก็ร้องรำทำเพลงกัน..แต่ทีนี้ปัญหามันอยู่ที่เนื้อเพลง..มันไม่เข้าหูซาอูล เพราะข้อที่7ร้องว่า..”ซาอูลฆ่าคนเป็นพัน แต่ดาวิดอ่ะ..ฆ่าคนเป็นหมื่น” อันนี้จริงรึเปล่าก็ไม่รู้..แต่ที่แน่ๆชัยชนะที่ดาวิดนำให้อิสราเอลชนะครั้งนี้..ดูแล้วมันเด็ดขาดกว่า..เพราะครั้งที่แล้วซาอูลไม่ยอมให้ทหารกินข้าว หลายๆอย่างเลยผิดพลาดไป
แล้วตอนนี้ซาอูลก็เหมือนคนมีปมในใจอ่ะ..ใครพูดผิดหูไม่ได้ อย่างนึงก็เพราะคำพยากรณ์ของซามูเอลด้วย แล้วยังจะมาได้ยินเพลงอย่างงี้อีกอีก..เลยหลุดปากพูดออกมาว่า..ถ้าดาวิดเก่งกว่า อีกหน่อยก็คงจะมาเป็นกษัตริย์แทนเขาล่ะสิ (ประมาณนั้น) แล้วข้อที่9 บอกว่า..จากนั้นมา ซาอูลก็จับตามองดาวิดตลอด (เพราะชักไม่ไว้ใจ)
ดู1ซมอ.18:10-11 ข้อนี้บอกว่า.. “ดาวิดกำลังดีดพิณถวาย และซาอูลที่ถือหอกอยู่ก็พุ่งหอกใส่..กะจะฆ่าให้ตาย แต่พลาดถึงสองครั้ง” ตรงจุดนี้เราคิดยังไง เด็กๆคิดยังไง..การที่ซาอูลพุ่งหอกใส่ดาวิดเนี่ย..โอเคข้อที่10 บอกชัดเจนว่า..วิญญาณชั่วเข้าสิงซาอูล เขาก็เลยเพ้อ..แต่อันนี้จะทำให้เขาพ้นข้อหาพยายามฆ่ารึเปล่า น้าตุ๊กจะบอกให้..ว่าไม่เลย เพราะซาอูลเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เขาไม่ได้วิกลจริตถาวร (จะมาแกล้งบ้าแล้วฆ่าคน มันไม่ใช่) แล้วพระคำภีร์ก็บอกเรา..ว่าความคิดชั่วทุกอย่าง ทั้งการล่วงประเวณี การเมาเหล้า การติดยา ความโลภ ความอิจฉาและกิเลสทุกๆอย่าง..มันมาจากเนื้อหนังของเราเอง..ไม่ได้มาจากมาร แล้วมารมีหน้าที่อะไร..มารเป็นได้แค่นักฉวยโอกาสที่ใช้ความบาปกับความอ่อนแอของเราเป็นสะพาน..ที่จะก้าวข้ามเข้ามาในชีวิตเรา..มันทำได้แค่ปลุกเร้าความบาปของเนื้อหนังให้รุนแรงขึ้นหรือเข้มข้นขึ้น..เท่านั้นเอง (แล้วมันจะบิ๊วท์ได้มากน้อย ก็ขึ้นอยู่กับพื้นฐานจิตใจของแต่ละคน) ในเรื่องความเชื่อก็เหมือนกัน..ความกลัวกับความสงสัยก็เป็นประตูนึง..ที่เปิดโอกาสให้มารเข้ามามีอิทธิพลในชีวิตของเรา
เปิดไปดูกาลาเทีย5:16-19 เพราะฉะนั้น ในกรณีของซาอูลก็คือ..โอเค เขาคุ้มดีคุ้มร้ายอยู่แล้วเพราะมีวิญญาณชั่วมาสิง แต่เมื่อเขาอิจฉาดาวิด..อันนี้คือ”เนื้อหนังของเขาเอง” (ไม่เกี่ยวกับมาร ไม่เกี่ยวกับวิญญาณชั่ว ) แต่จุดนี้แหละ..ที่เปิดโอกาสให้มาร..”ได้สาดน้ำมันเข้ากองไฟ”..อาการคุ้มดีคุ้มร้ายของซาอูลเลยหนักขึ้น กลายเป็นอยากฆ่าคน เด็กๆเข้าใจมะ..ไอ้ที่เปลี่ยนเป็นอยากฆ่าคนเนี่ย..คือผลงานการเติมเชื้อของมาร
ดู1ซมอ.18:12-16 อาการหนักขึ้นทุกวัน ตอนนี้แทบจะทนเห็นหน้าดาวิดไม่ได้แล้ว..เลยอยากกำจัดไปให้พ้นหน้า..ใช้วิธีตั้งให้เป็นผู้บังคับบัญชากองพัน ดูเผินๆเหมือนซาอูลรักดาวิดมาก..เลื่อนยศให้ แต่ที่คิดในใจก็คือ..อยากส่งให้ไปตายหรืออย่างน้อยก็ไปอยู่ไกลๆจะได้ไม่ต้องเห็นหน้า แต่ข้อที่14บอกว่า ไม่ว่าดาวิดจะทำอะไรก็สำเร็จไปหมดเพราะพระเจ้าทรงสถิตอยู่กับเขา ประชาชนก็ยิ่งรักใคร่ชื่นชม..จนซาอูลแทบจะอกแตกตาย
ดู1ซมอ.18:17-18 ซาอูลยังไม่ละความพยายามที่จะกำจัดดาวิด พอแผนแรกไม่เวิร์คก็เลยจะให้ดาวิดไปอยู่ที่มีความเสี่ยงมากขึ้น เอาลูกสาวตัวเองมาล่อ..ตั้งข้อเสนอใหม่ให้ดาวิดต้องทำบางอย่างเพื่อแลกกับเมราบลูกสาวของตัวเอง ซาอูลใช้คำพูดน่าเชื่อถือมาก..คือยกพระเจ้ามาอ้าง(อีกแล้ว) เพราะข้อที่17 นี้ซาอูลพูดว่า..”ขอแต่เธอจงเป็นคนกล้าหาญ สู้ศึกของพระเจ้าเท่านั้น” แต่เราขอบพระคุณที่พระคำตอนนี้ไม่ได้บอกไว้แค่เปลือกนอกของซาอูล เพราะประโยคต่อไปบอกไว้ชัดเจนว่าซาอูลคิดอะไร “เราอย่าฆ่าดาวิดด้วยมือของตัวเองเลย เดี๋ยวจะเป็นที่ครหา..ยืมมือคนฟิลิสเตียฆ่ามันดีกว่า..น่าจะเนียนกว่าเยอะ” นี่คือสิ่งที่พระเจ้าบอกเรา เมื่อพระองค์ชันสูตรใจของซาอูล แต่ดาวิด..ก็ปฏิเสธข้อเสนอ ไม่ใช่เพราะกลัวตาย แต่เขาเจียมตัว ดาวิดพูดทำนองว่า..เขาเป็นแค่คนธรรมดา จะไปเป็นเขยของกษัตริย์ได้ไง
ดู1ซมอ.18:20-22 ลูกสาวอีกคนของซาอูลชื่อ”มีคาล” เกิดหลงรักดาวิด พอซาอูลรู้เข้าก็ดีใจมาก เพราะเป็นโอกาสจะทำแผนชั่วอีกครั้ง เพราะข้อที่21 ก็ยังบอกเราเหมือนเดิมว่า..ซาอูลแอบคิดในใจ..ว่าจะใช้ลูกสาวเป็นเดิมพัน แลกกับการให้ดาวิดไปเสี่ยงตายในสนามรบ คราวนี้ซาอูลส่งมหาดเล็กไปบิ๊วท์..พูดจาหว่านล้อมดาวิดให้ยอมมาเป็นเขยของกษัตริย์ แต่คำตอบก็ยังเหมือนเดิม เพราะดาวิดเจียมตัว ดาวิดบอกพวกมหาดเล็กว่า..การจะเป็นราชบุตรเขยเนี่ยมันไม่ใช่เรื่องเล็กๆนะ เขาไม่มีชื่อเสียงหรือทรัพย์สินอะไรเลย แล้วจะหาสินสอดที่ไหนให้สมหน้าสมตา
ดู1ซมอ.18:25-26 พอดาวิดพูดอย่างงั้น..ก็เข้าทางซาอูล เขาให้คนไปบอกดาวิดว่า..เขาไม่เอาสินสอดอะไรทั้งนั้น ดาวิดสบายใจได้ แต่ดาวิดต้องตอบแทนเขาด้วยวิธีอื่น..(อะไร?)..ไปเอาหนังหุ้มปลายองคชาติของพวกฟิลิสเตียมาให้เขาร้อยคน จริงๆหมายถึงจะเอาชีวิตพวกฟิลิสเตียน่ะแหละ(ซาอูลคงคิดว่า..คราวนี้ดาวิดไม่รอดแน่) แต่ข้อเสนอครั้งนี้..กลับทำให้ดาวิดสนใจ ชักอยากได้มีคาลมาเป็นภรรยา นอกจากได้ภรรยาแล้วดาวิดยังคิดว่านี่คือโอกาสที่จะได้รับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้าอีกด้วย เลยไม่รอช้ารีบลุกไปสู้กับพวกฟิลิสเตีย แทนที่ดาวิดจะถูกฆ่าตายอย่างที่ซาอูลแอบหวังไว้ในใจ ดันไปได้ปลายหนังองชาติมาถึงสองร้อย ขอแค่ร้อยเดียว..เกทับซะเลยเอาไปสองเท่า
ดู1ซมอ.18:28-30 ในที่สุดซาอูลต้องจำยอมรับดาวิดมาเป็นลูกเขย แถมลูกสาวเขาก็รักดาวิดมากซะด้วย ก่อนหน้านี้(โยนาธาน)ลูกชาย..ก็รักดาวิดเป็นเพื่อนร่วมตายมาคนนึงละ ตอนนี้ซาอูลเลยกลุ้มใจสุดๆ เพราะดาวิดเริ่มมีชื่อเสียงมากขึ้นทุกวันแล้วก็เป็นที่รักของทุกคนด้วย ซาอูลเริ่มเห็นชัดเจน..ว่าพระเจ้าทรงสถิตกับดาวิดจริงๆ เพราะไม่ใช่แค่ฆ่าไม่ตาย..แต่ยิ่งคิดจะทำลายดาวิดก็ยิ่งเกิดผล ข้อที่29 ถึงบอกว่า..ตอนนี้ซาอูลรู้สึกกลัวดาวิดมาก จริงๆแล้วไม่รู้จะกลัวทำไม เพราะถ้าซาอูลลองคิดดูดีๆ เขาต้องมองเห็น..ว่าดาวิดเนี่ย..เป็นผู้รับใช้ที่สัตย์ซื่อที่สุด ถ้ารู้จักใช้..คนๆนี้จะยังทำประโยชน์ให้ประเทศชาติได้อีกเยอะ แต่เพราะความอิจฉา..เลยเห็นดาวิดเป็นคู่แข่ง ทั้งที่ความจริงดาวิดก็ยังเป็นแค่คนใต้บังคับบัญชา เรียกว่ากลัวล่วงหน้าไปซะงั้น
ซาอูลต้องการฆ่าดาวิดอย่างเปิดเผย
ดู1ซมอ.19:1-3 ซาอูลเป็นคนประเภทที่ไม่ชอบเป็นสองรองใคร เพราะฉะนั้น ความเก่งกล้าของดาวิดที่โดดเด่นขึ้นทุกวัน..เลยเป็นเหมือนหนามทิ่มแทงใจ อะไรที่มันเคยซ่อนอยู่ข้างใน ตอนนี้ซ่อนไม่ได้แล้ว..ซาอูลเลยสั่งให้คนรับใช้ใกล้ชิด รวมทั้งโยนาธานด้วย..ให้ฆ่าดาวิด แต่โยนาธานก็รักดาวิดมาก เขาเลยบอกดาวิดว่า..”เขาจะพูดกับซาอูลเอง..ให้พ่อเลิกล้มความตั้งใจที่ฆ่าดาวิด” กล้ามากก เพราะไร..การไปพูดขวางลำซาอูล..อาจถึงตายได้นะ โยนาธานเป็นลูกก็จริง แต่อย่าลืมว่าซาอูลก็ไม่ได้พิศวาทอะไรเขานักหนา..ตัวเองก็เคยถูกพ่อพยายามฆ่ามาแล้ว(จำได้มะ) แต่เพื่อดาวิด..โยนาธานยอมเสี่ยง แล้วนี่ก็คือ..แบบอย่างของการรักเพื่อนเหมือนรักตัวเอง
ดู1ซมอ.4-5 เราจะเห็นว่า..โยนาธานพูดกับซาอูลด้วยความเคารพ เขาพยายามชี้ให้พ่อเห็นคุณงามความดี..ความซื่อสัตย์ของดาวิด โยนาธานบอกซาอูล..ว่าเวลาที่ดาวิดประสบความสำเร็จ..ซาอูลที่เป็นกษัตริย์ก็จะพลอยได้รับประโยชน์ไปด้วย แล้วโยนาธานก็ลงท้ายว่าการจะเป็นศัตรูกับดาวิดเนี่ย..คงจะไม่ฉลาดเท่าไหร่ ที่แย่หนักกว่านั้น..มันจะเป็นบาปด้วย เพราะเป็นการกระทำให้โลหิตของผู้ไร้ความผิดตก (คือทำร้ายคนบริสุทธิ์) หลังจากที่โยนาธานพูดยืดยาว ชักแม่น้ำทั้งห้าก็ปรากฎว่า..ได้ผล ซาอูลยอมเลิกล้มความตั้งใจที่จะฆ่าดาวิด เขาให้สัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะเลย ว่าตราบใดพระเจ้าทรงพระชนม์อยู่เขาก็จะไม่ฆ่าดาวิด (แต่เขาก็รักษาสัญญาได้ไม่นาน)
ดู1ซมอ.19:8-10 ข้อนี้บอกว่า ดาวิดออกไปทำสงครามกับพวกฟิลิสเตียอีก แล้วก็ได้ชัยชนะกลับมา(อีกแล้ว) และพระคำภีร์ก็ต่อเนื่อง..ว่าวิญญาณชั่วก็มาสิงซาอูลอีก ดาวิดเลยต้องมาเล่นพิณให้ฟัง และอีกครั้งที่ซาอูลพยายามที่จะฆ่าดาวิด ข้อสิบบอกว่า..ซาอูลพุ่งหอกหมายปักดาวิดให้ติดผนัง แต่ดาวิดก็หนีรอดไปได้ สังเกตดูให้ดี..วิญญาณชั่วชักจะมาบ่อย โดยเฉพาะเวลาที่ดาวิดประสบความสำเร็จหรือมีชัยชนะเหนือศัตรู (ทำไมชอบมาตอนที่คนอื่นเขาได้ดี) ก่อนหน้านี้พระคำภีร์บอกว่า..เมื่อดาวิดเล่นพิณ วิญญาณชั่วก็พรากไป แต่พอช่วงหลังๆไม่ใช่แค่ไม่ไปนะ..มันครอบงำให้ซาอูลชั่วร้ายขึ้นกว่าเดิม เนี่ย..ชัดเลย ว่าความอิจฉากับความโกรธของซาอูลนี่แหละ..ที่เป็นสื่อให้มารเข้ามามีอิทธิพลในตัวเขาได้ (อย่างเต็มขนาด)
เพราะฉะนั้นการบังคับตนถึงสำคัญมาก เพราะเมื่อไหร่ที่เรายอมแพ้ต่อกิเลสของเนื้อหนัง..ไม่ว่าเรื่องไหนก็ตาม..มันเท่ากับเราเปิดโอกาสให้มารคืบคลานเข้ามาในชีวิต
ดู1ซมอ.19:11-13 ซาอูลยังไม่ละความพยายาม คงต้องฆ่าดาวิดให้ได้..เลยส่งคนไปสังเกตุการแถวๆบ้าน สั่งให้รอจนเช้าก่อนแล้วค่อยฆ่า..นี่เป็นอุบายที่จะทำให้ดาวิดตายใจ เพราะคิดว่าอยู่กะบ้านก็คงปลอดภัยละ แต่”มีคาล”ภรรยาของเขา รู้จักพ่อตัวเองดี..เลยบอกดาวิดว่าให้รีบหนีไปตั้งแต่คืนนี้เลย..ถ้าไม่อยากตาย ข้อที่12 บอกว่า..มีคาลส่งดาวิดลงทางหน้าต่าง แล้วก็เตรียมอุปกรณ์จัดฉากเสร็จสรรพ เอารูปเคารพมานอนแทนที่ดาวิด คือถ้ามองไกลๆคงเหมือนมีคนนอนอยู่
ดู1ซมอ.19:14-17 พอผู้สื่อสารของซาอูลมาเคาะประตู มีคาลก็บอกว่าดาวิดป่วย แต่ซาอูลไม่เชื่อ สั่งให้คนไปเอาตัวดาวิดมาคือจะฆ่าให้ได้ พอไปค้นที่นอนถึงรู้ว่าถูกหลอก..ซาอูลโกรธจนหน้าเขียว แต่มีคาลหลอกพ่อว่าไร..เธอจำเป็นต้องร่วมมือ ไม่อย่างงั้นก็จะถูกดาวิดฆ่า
ดู1ซมอ.19:18-20 มีคาลถ่วงเวลาได้ผลนะ เพราะดาวิดไปไกลถึงเมืองรามาห์จนได้เจอกับซามูเอล แล้วก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้ซามูเอลฟัง ส่วนซาอูลก็ไม่เลิกลา..ให้คนไปตามจับดาวิดที่รามาห์ แต่พอคนของซาอูลไปถึงพระคำภีร์บอกว่า..พระวิญญาณของพระเจ้าก็มาสถิตกับเขา แทนที่จะจับดาวิด..ก็ไม่จับกลับไปเผยพระวจนะแทน ซาอูลก็ไม่ยอมแพ้ส่งคนไปใหม่..ถึงสามครั้ง แต่ทุกครั้งก็เหมือนเดิม ทุกคนที่ซาอูลส่งไปถูกพระเจ้าควบคุม..ไม่มีใครจับดาวิดเลยทุกคนเอาแต่เผยพระวจนะ
ดู1ซมอ.19:23-24 ซาอูลยังไม่ยอมเข้าใจ..ว่าถึงจะพยายามไปก็ไร้ประโยชน์ ก็เลยตั้งใจจะไปจัดการดาวิดด้วยตัวเอง แต่พอเริ่มเข้าใกล้ดาวิด..พระวิญญาณพระเจ้าก็มาสถิตเหนือซาอูล คือ..เข้าควบคุมทั้งความคิดและการกระทำ ซาอูลก็เลยเผยพระวจนะ แล้วก็ถอดเสื้อผ้าตัวเองนอนเปลือยกายอยู่ต่อหน้าซามูเอลทั้งวันทั้งคืน คำเล่าลือเรื่องความเพี้ยนของซาอูลคงจะกระฉ่อนไปทั่ว เรื่องนี้ทำให้เรารู้ว่า..ไม่มีใครสามารถฆ่ากษัตริย์ที่พระเจ้าเจิมไว้ได้ ในบริบทนี้ก็คือ”ดาวิด”
แล้วคุ้นๆมะ เหมือนใครที่โดนตามฆ่าอย่างเงี้ย..พระเยซูคริสต์ไง กษัตริย์ของมนุษยชาติที่พระเจ้าเจิมไว้และทุกคนต้องยอมรับถ้าอยากได้รับความรอด ดาวิดเป็นเหมือนเงาของพระคริสต์ที่พระเจ้าสำแดงให้เราเห็น
ที่สุดแล้วต้องบอกว่าซาอูลสิ้นคิดมากจริงๆ ที่พยายามจะฆ่าดาวิด เพราะพระเจ้าไม่ได้เลือกดาวิดให้เป็นแค่กษัตริย์ของอิสราเอลเท่านั้น แต่พระองค์เลือกเขาให้เป็นต้นตระกูลของพระเมสสิยาห์..คือเยซูคริสต์ของเราด้วย ซาอูลคงต้องหน้ามืดตามัวจริงๆ..เพราะแค่สองบทนี้..เขาพยายามจะฆ่าดาวิดถึงสิบสองครั้ง
ดู1ซมอ.20:1-2 ดาวิดตัดสินใจหนีมาหาโยนาธาน เพื่อเล่าเรื่องที่ซาอูลตามฆ่าเขาให้โยนาธานฟัง เราจะเห็นว่า..ดาวิดใช้คำพูดที่แสดงถึงความถ่อมใจอย่างมาก ข้อที่1 ดาวิดเพียงแต่ถามโยนาธานว่า..เขาทำผิดหรือทำบาปอะไร ซาอูลถึงต้องทำกับเขาขนาดนี้ ดาวิดไม่ได้กล่าวหาหรือใช้คำพูดโจมตีซาอูลเลย..ทั้งที่ถูกกระทำอย่างหนัก ตอนแรกโยนาธานก็ไม่เชื่อ เพราะเขาคิดว่าถ้าพ่อมีแผนจะฆ่าดาวิดจริงๆ..เขาก็น่าจะรู้เพราะเขาเป็นลูก (นี่โยนาธานเข้าใจอะไรผิด หรือสำคัญตัวเองพลาดไปรึเปล่า)
ดูต่อ1ซมอ.20:3-4 ดาวิดบอกว่า..ที่ซาอูลไม่บอกแผนที่จะฆ่าเขาให้โยนาธานรู้ ก็เพราะเราเป็นเพื่อนรักกัน ซาอูลเลยเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ แล้วดาวิดก็ยืนยันว่า..ตอนเนี้ย เขากำลังอยู่ในอันตรายนะ ความตายห่างเขาแค่ก้าวเดียวเพราะซาอูลเอาจริง โยนาธานถึงเชื่อแล้วก็รับปากจะช่วยดาวิดเต็มที่ ดาวิดก็เลยวางแผน..คือพรุ่งนี้จะเป็นวันดวงจันทร์เต็มดวง ซึ่งเป็นวาระที่ต้องถวายสัตวบูชา ซึ่งดาวิดจะต้องอยู่ด้วยเพราะเขาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว แต่ดาวิดบอกว่าเขาจะไม่มา แล้วดูว่าซาอูลจะโกรธมั๊ย ถ้าโกรธแปลว่า..อยากหาเรื่อง
ดู1ซมอ.20:8-9 ข้อนี้ดาวิดพูดเหมือนโยนาธานเป็นเจ้านาย แล้วตัวเองเป็นคนรับใช้ ซึ่งจริงๆก็ถูกนะ เพราะตอนนั้นโยนาธานยังเป็นโอรสของกษัตริย์ ดาวิดบอกว่า..ถ้าโยนาธานพบว่าเขาทำผิดอะไร ขอให้โยนาธานเป็นคนฆ่าเขาเอง โยนาธานตกใจ..แล้วบอกว่า ถ้าเขารู้ว่าดาวิดถูกปองร้ายเขาต้องบอกดาวิดแน่ แล้วเขาก็ไม่มีวันฆ่าดาวิดด้วย
ข้อที่ 10 ดาวิดบอกว่า..”ถ้าเสด็จพ่อตอบท่านอย่างดุดัน ใครจะมาบอกแก่ข้าพเจ้าได้” หมายความว่าไง “ตอบอย่างดุดัน” พูดง่ายๆก็คือถ้าซาอูลเกิดฆ่าโยนาธานล่ะ..ใครจะมาเตือนดาวิด (โอโห..ดาวิดพูดเพราะจัง..”ถ้าเสด็จพ่อตอบอย่างดุดัน”) เพราะจริงๆก็คือ..ถ้าเขาฆ่าyouล่ะ มันเป็นไปได้นะ..โยนาธานก็รู้..เพราะซาอูลทำทุกอย่างเพื่อตัวเองได้อยู่แล้ว
ดู1ซมอ.20:11-12 มาถึงตรงนี้ โยนาธานเริ่มระแวง..กลัวจะมีใครแอบฟังเขาคุยกับดาวิด เลยชวนกันไปคุยในทุ่งนา แล้วโยนาธานก็สัญญาว่าในช่วงงานเทศกาลสามวันนี้ เขาจะส่งข่าวให้ดาวิดรู้แน่นอน..ว่าซาอูลมีท่าทียังไง ถ้าดูแล้วอารมณ์ดีไม่ได้มีท่าทีร้ายกาจก็จะให้คนไปบอก แต่ถ้าอาละวาดจะเอาเรื่องดาวิด โยนาธานก็ต้องส่งข่าวไปแน่นอน..ดาวิดจะได้หนีทัน แล้วข้อที่13 โยนาธานก็ออกปากสาบานในนามพระเจ้า..ว่าถ้าเขาผิดคำพูด ขอให้พระเจ้าลงโทษแล้วให้เขาเป็นเหมือนซาอูลที่ถูกวิญญาณชั่วสิง
ดู1ซมอ.20:14-16 โยนาธานขอคำมั่นสัญญาบางอย่างจากดาวิด ขออะไร..ขอให้ดาวิดจำไว้นะ..ว่าเราเป็นเพื่อนร่วมสาบาน คำว่า”เมื่อพระเจ้าทรงกำจัดศัตรูทั้งสิ้นของดาวิดเสียจากผิวพิภพแล้ว..” (หมายความว่าไร) โยนาธานหมายถึง ถ้าดาวิดได้ครองบัลลังก์เมื่อไหร่..ขอให้ไว้ชีวิตเขาและพงพันศ์ของเขาด้วย ทำไมโยนาธานถึงพูดอย่างงี้..เขามั่นใจมากๆว่า ดาวิดจะไม่ตายแล้วต้องได้เป็นกษัตริย์ของอิสราเอลด้วย โยนาธานเลยอยากได้ความมั่นใจ..ว่าเขากับลูกหลานจะไม่ถูกกำจัด เพราะทั่วๆไป..ไม่ว่าประเทศไหน ถ้ามีการล้มล้างหรือเปลี่ยนราชวงศ์ใหม่ กษัตริย์องค์ใหม่ก็มักจะฆ่าล้างเผ่าพันธ์ราชวงศ์เดิมจนหมดเกลี้ยง..เพื่อความปลอดภัยของราชบัลลังก์ (อันนี้ถือเป็นเทรดดิชั่นเลย)
ดู1ซมอ.20:20-22 โยนาธานเริ่มวางแผน เขาบอกให้ดาวิดหลบอยู่สามวัน หลังจากนั้นให้ออกไปซ่อนตัวในทุ่งนา แล้วโยนาธานจะส่งสัญญาณให้รู้คำตอบ โดยเขาจะยิงธนูสามลูก แล้วสั่งให้เด็กออกไปหาลูกธนู ถ้าโยนาธานสั่งให้เด็กไปเก็บลูกธนูที่อยู่ข้างๆ ข้างไหนก็ตามแล้วแต่จะบอก แปลว่า..ปลอดภัย แต่ถ้าเขาบอกเด็ก..ว่าจงไปเก็บลูกธนูที่อยู่ตรงหน้าเจ้า ก็ให้ดาวิดเข้าใจเลยว่า..ซาอูลจะฆ่าเขา และให้รีบหนีไป
น้าตุ๊กฝากไว้แค่นี้ก่อนนะคะ พบกันสัปดาห์หน้าค่ะ
ขอพระเจ้าอวยพร