วันจันทร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

หนังสือ 1พงศ์กษัตริย์ ครั้งที่ 8 อาทิตย์ที่ 3:7:2011

คราวที่แล้วบอกให้เด็กๆช่วยจำไว้..ว่าเราเรียนถึงตอนที่เอธิโอเปียยกทัพมารบกับยูดาห์ สงครามครั้งนั้น ยูดาห์มีสี่แสนคน เอธิโอเปียมีหนึ่งล้านพร้อมรถรบ แต่อาสาก็ร้องทูลต่อพระเจ้าโอ ข้าแต่พระเยโฮวาห์ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย ขออย่าให้มนุษย์ชนะพระองค์" พระเจ้าก็ตอบคำอธิฐานของอาสา..โดยทรงทำให้ชาวเอธิโอเปียพ่ายแพ้ไป แล้วเราก็ได้เรียนรู้จากบทเรียนตอนนี้ว่าชัยชนะของอิสราเอลและยูดาห์ หรือแม้แต่ชัยชนะของเรา..จริงๆแล้วไม่ได้ขึ้นอยู่กับกำลังคนมากน้อยหรืออาวุธยุทโธปกรณ์หรืออะไรทั้งสิ้น แต่มันขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ระหว่างเรากับพระเจ้า ถ้าเมื่อไหร่ที่อิสราเอลมีความสัมพันธ์ที่ดีติดสนิทสัตย์ซื่อกับพระเจ้า..จะไม่มีใครทำอะไรเขาได้เลย ทีนี้ก็มาถึงตอนที่เราค้างไว้ในหนังสือพกษ.

ดู1พกษ.15:16-18/19 มาถึงตอนที่รบกันเองอีกครั้ง ข้อนี้ บอกว่า”อาสากับบาอาชา..ก.อิสราเอลทำสงครามกันตลอด แล้วนี่ก็เป็นอีกครั้งนึงที่อิสราเอลฝ่ายเหนือยกทัพมาต่อสู้กับยูดาห์ แล้วบาอาชาก็สร้างป้อมค่ายที่หัวเมือง..เป็นการกดดันอาณาจักรยูดาห์ ในเวลาที่ดูเหมือนจะสู้ไม่ได้..ปกติแล้วอาสาจะทำยังไง เขาก็ร้องทูลต่อพระเจ้าเหมือนครั้งที่เอธิโอเปียยกมา..แล้วพระเจ้าก็ตอบ ยูดาห์ก็ชนะเอธิโอเปียได้ แต่ครั้งนี้..แปลกมาก ไม่รู้ทำไมอาสา..คนเดียวกันนี้ถึงไม่หันหน้าเข้าหาพระเจ้า ข้อที่18 บอกว่า แทนที่อาสาจะพึ่งพระเจ้า เขากลับขนเงินทองไปบรรณาการเบนฮาดัด..ก.ซีเรีย พูดง่ายๆไปจ้างซีเรียให้มาช่วย แล้วเบฮาดัด ก.ซีเรียก็เอาด้วย..พอได้เงินทองเครื่องบรรณาการแล้ว ซีเรียก็ยกทัพไปตีอิสราเอลทางตอนเหนือ อิสราเอลเลยต้องถอนกำลังออกจากหัวเมืองของยูดาห์ เพราะสู้ซีเรียไม่ได้..ต้องรวมกำลังไปสู้กับซีเรียก่อน แต่พระคำภีร์บอกว่า..สิ่งที่อาสาทำในครั้งนี้พระเจ้าไม่พอพระทัย

ดู2พศด.16:7-8/9-10 การที่อาสาไปจ้างซีเรียให้มาเป็นพันธมิตรด้วยนี้ ถ้ามองฝ่ายโลก บางคนอาจจะคิดว่าอาสา..ฉลาด มีแทคซติก..รู้จักหาพันธมิตร แต่สำหรับพระเจ้าแล้ว อาสาทำพลาดอย่างโง่เขลา..พลาดอย่างแรง ข้อนี้ พระองค์เลยส่งผู้เผยพระวจนะมากล่าวโทษเขา เพราะว่าพระเนตรของพระเยโฮวาห์ไปมาอยู่เหนือแผ่นดินโลกทั้งสิ้น เพื่อสำแดงฤทธานุภาพของพระองค์โดยเห็นแก่ผู้เหล่านั้นที่จริงใจต่อพระองค์ ในเรื่องนี้ท่านได้กระทำการอย่างโง่เขลา เพราะไปพึ่งกษัตริย์ของซีเรีย มิได้พึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน..พระเจ้าเลยไม่พอพระทัย แล้วผู้เผยพระวจนะก็ยังพูดให้อาสาย้อนคิดอีกว่า..ท่านจำไม่ได้หรือไง ตอนที่เอธิโอเปียยกมาตียูดาห์ ครั้งนั้นอิสราเอลมีคนน้อยกว่าเป็นเท่าตัว..ยังชนะได้เลยเพราะท่านพึ่งพระเจ้า ดังนั้น ต่อไปบ้านเมืองที่เคยสงบ..จะไม่สงบอีกต่อไป เพราะพระเจ้าจะบันดาลให้มีสงคราม” พอฮานานีพูดจบแทนที่อาสาจะเข้าใจหรือสำนึกผิด..เปล่า อาสากลับโกรธแล้วก็สั่งขังคนของพระเจ้า สรุปแล้ว ก.อาสาที่เริ่มต้นค่อนข้างดี มาตอนนี้ก็ชักจะเลอะไปอีกคน..

ดู1พกษ.15:25-26/27-28 ตอนนี้เราตัดภาพจากราชวงศ์ยูดาห์กลับมาที่อิสราเอลฝ่ายเหนือบ้าง ข้อนี้บอกว่า เมื่อเยโรโบอัมสิ้นพระชนม์แล้วนาดับโอรสของเยโรโบอัมก็ขึ้นครองราชย์แทน แล้วนาดับนี้ก็ทำความผิดบาปเหมือนพ่อเขาเลย คือ พูดง่ายๆว่า..พ่อเริ่มต้นไว้ยังไง..นาดับก็เดินตามอย่างงั้น ข้อที่27 บอกว่า “บาอาชาได้คิดกบฎต่อนาดับ (บาอาชา คนเดียวกับที่ยกไปตียูดาห์ในข้อที่แล้ว คือ พระคำภีร์บางทีจะไม่ได้เรียงลำดับเหตุการณ์ก่อนหลัง) ข้อนี้บอกว่า นาดับครองราชย์ได้แค่สองปีเท่านั้นก็ถูกปฎิวัติ แล้วก็ถูกบาอาชาฆ่าตาย และเมื่อบาอาชาขึ้นครองปุ๊บเขาก็ฆ่าพงศ์พันธ์ของเยโรโบอัมจนเกลี้ยงเลย..อันนี้ก็ทำให้สำเร็จตามพระวจนะที่พระเจ้าตรัสไว้ทางอาหิยาห์ แล้วลูกของเยโรโบอัมที่ป่วยตายก็เป็นคนเดียวจริงๆที่ได้ตายดี..อย่างที่พระเจ้าบอกไว้

ดู1พกษ.16:6-7 พระคำภีร์บอกว่า..แต่เมื่อบาอาชาขึ้นครองบัลลังก์ของอิสราเอลแล้ว เขาก็ยังไปไหว้รูปวัวทองคำตามเยโรโบอัมอยู่ดี อันนี้คือ..อิทธิพลของผู้นำหรือคนหัวแถว คือเมื่อเยโรโบอัมเริ่มต้นมาอย่างงั้น..ก็ไม่มีใครซักคนในอิสราเอลที่กล้าจะล้มล้างแล้วกลับใจใหม่ไปทำสิ่งที่ถูกต้อง แล้วเหตุผลของเยโรโบอัมคืออะไร..”กลัว”ใช่มั๊ย กลัวคนจะกลับไปเข้าข้างยูดาห์ถ้าปล่อยให้ไปนมัสการพระเจ้าที่เยรูซาเล็ม เพราะฉะนั้น “นี่คือความอ่อนแอที่แท้จริงของมนุษย์ ไม่ใช่ความฉลาดหรือความเก่งกล้าสามารถอะไร..อย่าเข้าใจผิด” เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่มนุษย์หันหลังให้พระเจ้า..ไม่ติดสนิทกับพระองค์ มนุษย์ก็จะตกเป็นทาสของความกลัว กิเลสตัณหาของเนื้อหนังก็จะเริ่มรุมเร้า และผลแห่งการกระทำที่เยโรโบอัมเริ่มต้นไว้ก็คือไม่มีกษัตริย์อิสราเอลซักเข้มแข็งพอที่จะนำคนกลับไปนมัสการพระเจ้าที่เยรูซาเล็ม เพราะไร..โดยสติปัญญาของมนุษย์แล้ว..ทำอย่างงั้นมันเสี่ยง เสี่ยงที่จะเสียอาณาจักรกลับไปให้ยูดาห์ ความกลัวที่จะเสียอาณาจักรไปมันขึ้นสมองเพราะเขาไม่วางใจพระเจ้า..ไม่พึ่งพาพระองค์ แต่เลือกที่จะพึ่งพาสติปัญญาและทำตามความคิดของตัวเอง แทนที่จะเชื่อในฤทธิ์อำนาจอันเที่ยงแท้ของพระเจ้า

ดู1พกษ.16:8-10 เมื่อบาอาชา..กษัตริย์ของฝ่ายเหนือสิ้นพระชนม์แล้ว เอลาห์บุตรชายของเขาก็ขึ้นครองราชย์แทน แต่อยู่ได้แค่สองปีเอลาห์ก็ถูกผู้บัญชาการทหารที่ชื่อ”ศิมรี”ปฏิวัติ แล้วศิมรีก็ฆ่าเอลาห์ตาย..ราชวงศ์ของบาอาชาก็จบลงแค่คนที่สองเหมือนราชวงศ์ของเยโรโบอัม..ที่มีเขากับนาดับสองคน เพราะข้อที่11บอกว่า..เมื่อศิมรีชิงบัลลังก์มาได้แล้วเขาก็ฆ่าล้างเผ่าพันธ์ของบาอาชาจนหมดสิ้น..ก็สำเร็จตามที่พระเจ้าพิพากษาไว้อีกเหมือนกัน แต่แล้วศิมรีคนนี้ก็ครองราชย์ได้แค่เจ็ดวัน..ก็ถูกชิงอำนาจอีก เด็กดูตามไปในข้อที่15 พระคำภีร์บอกว่า..พวกทหารอยากให้แม่ทัพของเขาที่ชื่อ”อมรี”เป็นกษัตริย์แทนเอลาห์มากกว่า ก็เลยปฏิวัติกัน สุดท้าย พอศิมรีคิดว่าตัวเองแพ้แน่..เขาก็ตัดสินใจเผาตัวเองตายไปพร้อมกับวัง อมรีก็เลยได้ขึ้นครองอาณาจักรอิสราเอล แต่หลังจากนั้น อิสราเองฝ่ายเหนือก็ยังมีการแตกออกเป็นสองฝ่ายอีก..ฝ่ายแรกก็ติดตามอมรี ส่วนอีกฝ่ายนึงติดตามทิบนี..ในข้อที่21-22 ในที่สุดฝ่าย อมรีเข้มแข็งกว่าก็เอาชนะฝ่ายทิบนี อิสราเอลถึงได้กลับเป็นปึกแผ่นอีกครั้ง แล้วราชกิจที่สำคัญของก.อมรีก็คือ เขาย้ายเมืองหลวงจากทีรซาร์ไปที่”สะมาเรีย” สิ่งที่บทเรียนตอนนี้ชี้ให้เราเห็นก็คือ อิสราเอลฝ่ายเหนือขาดเสถียรภาพจริงๆ มีการโค่นล้มแย่งชิงบัลลังก์..ฆ่าล้างเผ่าพันธ์กันอยู่ตลอดเวลา แม้แต่เมืองหลวงยังถูกย้ายตั้งสามครั้ง..ในขณะที่ยูดาห์ไม่เคยย้ายเมืองหลวงจากเยรูซาเล็มเลยตั้งแต่สมัยดาวิด แล้วที่น่าเศร้าก็คืออิสราเอลฝ่ายเหนือไม่มีกษัตริย์ที่ชอบธรรมเลยซักคน..ใครขึ้นมาก็ไหว้วัวทองคำตามเยโรโบอัมกันหมด และยิ่งหนักกว่า เมื่ออมรีสิ้นพระชนม์..ลูกชายของเขาคือก.อาหับจะขึ้นมาแทน แล้วอาหับคนนี้ก็สำคัญ..พระคำภีร์บันทึกว่าอาหับกระทำชั่วในสายพระเนตรพระเจ้ายิ่งกว่ากษัตริย์ทุกองค์ที่มีมาก่อนหน้าเขา

ดู1พกษ.16:30-31 ข้อนี้ บอกว่าอาหับทำชั่วยิ่งกว่ากษัตริย์องค์อื่นของอิสราเอล เยโรโบอัมที่ว่า..แย่แล้ว อาหับยิ่งแย่กว่าและที่เขาแย่ได้สุดๆก็เพราะไปรับ”เยเซเบล” ธิดาของคนไซดอน..ซึ่งเป็นหญิงต่างชาติมาเป็นมเหสี..ทั้งที่พระเจ้าก็ห้ามไว้แล้วในธรรมบัญญัติ ตรงจุดนี้ สิ่งที่พระคำภีร์สำแดงแก่เราก็คือ วิบัติทั้งหลายทั้งปวงของเราและอิสราเอลเนี่ยมันมาจากความ “ไม่เชื่อฟัง”..ไม่ข้อใดก็ข้อนึงเสมอ และสาเหตุที่เป็นท็อปเท็นอันดับต้นๆก็คือ “ไปเอาคนต่างชาติหรือคนที่ไม่เชื่อพระเจ้ามาเป็นภรรยา และต่อไปเราก็จะเห็นว่าคนที่ร้ายที่สุดไม่ใช่อาหับแต่เป็นมเหสีของเขา..คือ “เยเซเบล” เยเซเบลร้ายกาจมากจนถูกบันทึกไว้ในหนังสือวิวรณ์ กลายเป็นสัญญลักษณ์ของความชั่วร้าย..ที่อิสราเอลถ้ามีลูกสาวจะไม่ตั้งชื่อว่า”เยเซเบล”เด็ดขาด ถามว่าอาหับเชื่อพระเจ้ามั๊ย..ดูภายนอกก็คล้ายๆว่าจะเชื่อ เชื่อพระบาอัลมั๊ย..เชื่อพระบาอัลอย่างแรง และสำหรับพระเจ้า..แค่นี้ก็ใช้ไม่ได้แล้ว เพราะความเชื่อ..มีแค่เชื่อ กับ ไม่เชื่อ ไม่มีเชื่อครึ่ง..ไม่เชื่อครึ่ง แล้วก็ไม่มี50เต็ม100..70เต็ม100 หรือแม้แต่ 99เต็ม100ก็ไม่มี มีแค่0กับ100คะแนนเต็ม ในข้อที่32 บอกว่า..”พระองค์สร้างแท่นบูชาพระบาอัลไว้ในเมืองสะมาเรีย” ขณะที่ศูนย์กลางนมัสการพระเจ้าของอิสราเอล(วัวทองคำสองตัว) อยู่ที่ไหน..เมืองดานกับเบธเอล แต่นิเวศน์พระบาอัลกลับอยู่ที่”สะมาเรีย”เมืองหลวงเลย..อย่างงี้มันหมายความว่าไง หมายความว่าอิสราเอลให้ความสำคัญกับพระบาอัลมากกว่าพระเจ้า แล้วนี่ก็คืออิทธิพลของใคร..ของเยเซเบล..ที่ขับเคลื่อนเรื่องนี้อย่างสุดฤทธิ์สุดเดชโดยอาศัยอำนาจของการเป็นกษัตริย์..แล้วเรื่องของเรื่อง..อาสาก็ยอมภรรยาอีกตามเคย

ดู1พกษ.16:34 ข้อนี้..เป็นเหตุการณ์เกี่ยวกับเมืองเยรีโค..ซึ่งสำคัญมาก เพราะมันสืบเนื่องมาจากสมัยของโยชูวา อยากให้เด็กๆเปิดไปดูหนังสือโยชูวาก่อน

ในยชว.6:26-27 ตอนนั้น เมื่อโยชูวาบุกยึดเมืองเยรีโคได้แล้ว พระเจ้าก็ให้โยชูวาตรัสคำแช่งสาปไว้..ว่าใครก็ตามที่สร้างเมืองเยรีโคนี้ขึ้นมาใหม่ คนๆนั้นจะต้องเสียบุตรหัวปี แล้วใครก็ตามที่ตั้งประตูเมืองขึ้นมา..จะต้องเสียลูกคนสุดท้อง ปรากฎว่าพอมาถึงสมัยของอาสาในหนังสือพกษ.นี้ พระคำภีร์บอก..ฮีเอล ชาวเมืองเบธเอลก็ได้ทำทั้งสองอย่างโดยที่ต้องเสียลูกทั้งลูกหัวปี..กับลูกคนสุดท้องไป..ตามที่โยชูวาแช่งไว้ แล้วสมัยของโยชูวากับอาหับ..ก็ห่างกันถึงประมาณ530ปี เพราะฉะนั้น เห็นชัดเจนว่าพระคำของพระเจ้านี้..ยังไงก็ต้องเกิดขึ้นจริงเสมอไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม พระคำทั้งพระพร..พระสัญญา หรือแม้แต่คำแช่งสาปก็ไม่มีวันที่จะสูญสลายไป เหมือนที่พระเยซูคริสต์ตรัสไว้ใน..

หนังสือมัทธิว5:18 ว่า ”เพราะเราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ถึงฟ้าและดินจะล่วงไป แม้อักษรขีดๆหนึ่งหรือจุดๆหนึ่งก็จะไม่สูญไปจากพระบัญญัติ จนกว่าจะสำเร็จทั้งสิ้น หมายความว่าทุกอย่างที่พระคำภีร์บันทึกไว้ต้องเกิดขึ้นจริงอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ เราเลยสบายใจได้..เพราะที่พระเจ้าบอกเชื่อพระเยซูคริสต์แล้ววิญญาณของเราจะรอด..ได้ไปสวรรค์ มันก็ต้องเป็นตามนั้นจริงๆอย่างที่พระเจ้าบอกไว้..เหมือนพระคำอีกหลายๆข้อที่เราได้เรียนกัน

ทีนี้ เรากลับมาที่ก.อาหับ เด็กๆคิดว่าเขาทำชั่วขนาดนี้พระเจ้าจะเตือนมะ..เตือนแน่นอน เพราะฉะนั้น ข้อต่อไปก็ถึงเวลาที่พระเจ้าจะส่งผู้เผยพระวจนะมาอีกครั้ง นี่คือบุคลิกภาพของพระเจ้าที่เป็นพระคุณจริงๆ เพราะขนาดเวลาที่มนุษย์ชั่วร้ายอย่างมืดมนที่สุด ทำไมถึงบอกว่ามืดมนที่สุด เพราะสำหรับน้าตุ๊กแล้ว..น้าตุ๊กเลิกตกใจกับความบาปชั่วของมนุษย์มานานแล้ว..ไม่ว่ามันจะชั่วแบบสุดๆแค่ไหน..มันก็บาปเท่ากัน แต่การที่มนุษย์มองไม่เห็นความชั่วของตัวเองต่างหาก..ที่มันน่ากลัว..น่าเศร้า..แล้วก็น่าสมเพชที่สุดแล้ว แต่พระเจ้าก็ยังทรงเมตตา เพราะไม่เคยซักครั้งที่พระองค์จะลงโทษโดยไม่เตือน แล้วครั้งนี้พระองค์ก็ส่งคนที่เรียกว่าพอฟัดพอเหวี่ยงมาเป็นคู่ปรับกับอาหับและเยเซเบล คนนี้ดังมาก คือ “เอลียาห์”

ดู1พกษ.17:1 ข้อนี้บอกว่า”เอลียาห์”เป็นชาวทิชบี ทิชบีนี้อยู่ทางฝั่งตะวันออกของน.จอร์แดน แล้วก็เป็นเมืองเล็กๆที่ค่อนข้างห่างไกลจากความเจริญ แต่พระเจ้าก็ทรงเลือกเอลียาห์ให้มาเป็นเหมือนกระบอกเสียงของพระองค์ ในการที่จะเผยพระวจนะกับอาหับ ข้อที่1 นี้..เอลียาห์เลยไปบอกกับอาหับว่า "พระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลผู้ซึ่งข้าพระองค์ปฏิบัติทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด จะไม่มีน้ำค้างหรือฝนในปีเหล่านี้ นอกจากตามคำของข้าพระองค์" คือ คนต่างชาติเขาเชื่อว่าพระบาอัลเป็นพระที่ควบคุมฝน ฝนจะตกหรือไม่ตกชาวไซดอนและชาวคานาอันเชื่อว่าเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับพระบาอัล เพราะฉะนั้น ตอนนี้พระเจ้าก็เลยบันดาลไม่ให้ฝนตกเลยสามปีกว่า จะได้รู้กันใสๆ..ว่าผู้ที่ควบคุมฝนหรือแม้แต่ธรรมชาติทุกอย่าง แท้จริงแล้วคือ พระเยโฮวาห์..พระเจ้าของอิสราเอลไม่ใช่พระบาอัล ตอนนี้อิสราเอลถูกพระเจ้าตีตรงๆเลย เพราะถ้าฝนไม่ตก..เรื่องใหญ่แน่นอน เพราะอย่าลืมว่าสมัยนั้นไม่มีเขื่อนหรือการชลประทานอะไรทั้งสิ้น พืชพรรณธัญญาหารที่จะได้กินได้ใช้กัน..ต้องรอฝนอย่างเดียว เพราะงั้น ถ้าฝนไม่ตกก็อาจถึงตายได้ทั้งคน..ทั้งสัตว์

ดู1พกษ.17:2-5 พอเผยพระวจนะเสร็จ พระเจ้าบอกให้เอลียาห์หนีไปอยู่ที่ข้างลำธารเครีท..ทางฝั่งตะวันออกของน.จอร์แดน เพราะไรพระเจ้ารู้นิสัยอาหับกับเยเซเบลดี..ว่าถ้าเอลียาห์มาพูดอย่างงี้นะ..เดี๋ยวอาหับจะต้องตามล่าเขา พระเจ้าเลยเตรียมทางหนีทีไล่ไว้ให้เอลียาห์เสร็จสรรพ แล้วพระองค์ก็ยังใช้ให้อีกาคาบอาหารมาเลี้ยงเอลียาห์อีกด้วย ทำไมถึงเป็นอีกา..พระเจ้าทำไรไม่เคยธรรมดา เพราะอีกาได้ชื่อว่าเป็นสัตว์ที่ตะกละแล้วก็โลภมากสุดๆ มันจะหวงอาหารที่คาบมาสุดชีวิต เพราะฉะนั้น ที่พระเจ้าใช้อีกาไปเลี้ยงเอลียาห์..ก็เพื่อเอลียาห์จะได้เชื่อมั่นแล้วก็ไว้ใจพระเจ้ามากขึ้น..ว่าพระองค์ทำได้ทุกอย่าง จะเปลี่ยนสัญชาติญาณของสัตว์หรือระบบของธรรมชาติก็ยังได้ เพราะฉะนั้นถ้ารับใช้พระองค์..เอลียาห์ไม่ต้องกลัวใคร แต่เดี๋ยวต่อไปเราจะเห็นว่ายังมีบางตอนเหมือนกัน..ที่เอลียาห์ถอดใจกับงานรับใช้ จากนั้น ข้อที่7 บอกว่า..เอลียาห์อยู่ที่นั่นได้ไม่นานลำธารก็แห้ง พระเจ้าเลยบอกให้เอลียาห์ย้ายที่..ไปอยู่ที่เมืองไซดอน แล้วพระเจ้าจะให้หญิงม่ายคนนึงเลี้ยงเอลียาห์..แต่จะเลี้ยงอย่างไรหญิงม่ายคนนี้จะฐานะดีขนาดไหน เรามาต่อกันคราวหน้านะคะ..สำหรับวันนี้เวลาหมดแล้ว จนกว่าจัพบกันใหม่ ขอพระเจ้าอวยพรค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น