เราจบลงตรงช่วงชีวิตที่พลิกผันที่สุดของโมเสส เมื่อเขาฆ่าคนอียิป์ตาย ชีวิตก็พลิกผันไปในชั่วข้ามคืนจากเจ้าชายอียิปต์..กลายเป็นคนเร่ร่อนต้องหนีหัวซุกหัวซุนไปอย่างไม่รู้จุดหมายปลายทาง แต่เราจะเห็นบทสรุปของพระเจ้าว่า..
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับโมเสสครั้งนี้ ”ดียอดเยี่ยมจริงๆ” เพราะจุดพลิกผันนี้มันเต็มไปด้วยพระประสงค์ของพระเจ้า ...ต้องหนีใช่มั้ย..โมเสสเลยได้ไปเรียนรู้การใช้ชีวิตในถิ่นทุรกันดาร..เพราะพระเจ้าเลือกแล้ว..ว่าจะใช้โมเสสให้เป็นคนปลดปล่อยและก็นำยิวหรืออิสราเอลกลับบ้าน..ไปอยู่แผ่นดินคานาอันที่พระเจ้าเตรียมไว้ แม้ว่าตอนนั้นโมเสสจะไม่รู้ว่าเรื่องแย่ๆเหล่านี้ทำไมต้องเกิดขึ้น..เหมือนพวกเราที่ไม่เข้าใจ..ว่า หลายครั้งทำไมเรื่องแย่ๆ มันต้องเกิดขึ้นกับเรา แต่..อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าพระเจ้าไม่รัก..ทุกอย่างจะต้องแย่อยู่อย่างนั้น..ตามสิ่งที่ตามองเห็น..ไม่จริง
พระเจ้ามีแผนที่จะใช้ทุกสถานการณ์ที่แย่ๆของเรา..เป็นเครื่องมือที่จะทำให้เกิดผลดีกับชีวิตเรา.แน่นอน เอเมนมั้ยคะ
ดู อพย.2:16-18 /19-21 มาถึงเรื่องราวในแผ่นดินมีเดียน “มีเดียน” เป็นดินแดนที่อยู่ระหว่างถิ่นทุรกันดารซีนายกับทะเลทรายอาระเบีย..ฟังดูก็รู้ว่าต้องเป็นดินแดนที่แห้งแล้งมาก ข้อนี้บอกว่า “ปุโรหิตคนมีเดียนมีลูกสาว 7 คน ปุโรหิตคนนี้คือ “เรอูเอล”
หรือ มีอีกชื่อก็คือ “เยโธร”
ในขณะที่โมเสสนั่งอยู่ริมบ่อน้ำ..ลูกๆของเรอูเอลก็มาตักน้ำที่บ่อเพื่อไปเลี้ยงแกะ..และถูกคนเลี้ยงแกะเจ้าอื่น..รังแก
คือ บ่อน้ำตามถิ่นทุรกันดารในสมัยนั้นจะเป็นของมีค่ามากที่ทุกคนแย่งชิงกัน
เพราะถ้าไม่มีน้ำจะทำอะไรไม่ได้เลยปลูกพืชก็ไม่ได้..เลี้ยงสัตว์ก็ไม่ได้
รวมถึงมนุษย์จะมีชีวิตอิยู่ก็ไม่ได้ด้วย..ถ้าขาดน้ำ แล้วทุกวันนี้ ก็ยังเป็นอย่างนี้อยู่..บางประเทศแถบตะวันออกกลางและอาฟริกาที่พื้นที่ส่วนใหญ่แห้งแล้งหรือเป็นทะเลทรายก็ยังคงขาดแคลนน้ำอยู่..ยังใช้การไปตักน้ำจากบ่อเหมือนในพระคำภีร์อยู่
เพราะฉะนั้น ทุกวันนี้ ถ้าตื่นขึ้น..เปิดก๊อกปุ๊บ ! น้ำไหลปั๊บ
ก็จงก้มศีรษะลงน้อมรำลึกโมทนาพระคุณพระเจ้าบ้างที่ประทานความสุขสบายให้เรานะคะ
แค่นี้มันก็อัศจรรย์มากแล้ว..มันไม่ใช่เรื่องชิลด์ ๆ ลองดูถ้าวันไหน น้ำไม่ไหล..เดือดร้อนมั้ยคะ..เดือดร้อนมาก
ยิ่งกว่าไม่มีไฟอีก แล้วอย่าคิดว่า..มันเป็นไปไม่ได้ที่เราจะไม่มีน้ำ..ไม่มีไฟใช้..มันเป็นไปได้แน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
นี่คือยุคสุดท้ายที่อะไรๆก็เกิดขึ้นได้
แต่น้าตุ๊กไม่ได้จะพูดให้เรากลัว
แต่พูดเพื่อให้เด็กๆเอาใจติดยึดกับพระเจ้าให้มากขึ้นกว่าเดิม
เอเมนมั้ย
เรามาดูพระคำหนุนใจสำหรับเรื่องนี้กันนืดนึง เปิดไป..
ดู สดุดี 91:1-4 / 5-8 “พระเจ้าจะทรงช่วยท่านให้พ้นจากกับของพรานนกและจากโรคภัยอย่างร้ายแรงนั้น..” เราจะเห็นว่าทุกวันนี้มันมีการล่อลวงมากมาย..ในการที่จะทำให้คนของพระเจ้าทำบาปหรือหลงไปจากทางของพระองค์ แต่พระองค์บอกว่า..พระองค์จะทรงปกเราไว้ด้วยปีกของพระองค์ เราจะวางใจอยู่ใต้ปีกของพระองค์ และ..เราจะไม่ถูกล่อลวงให้หลงไปจากทางของพระเจ้า...(ถ้า
เราติดสนิทและยึดพระองค์ไว้ตลอดเวลา..ย้ำ ตลอดเวลา) ข้อที่ 5 บอกว่า “ท่านจะไม่กลัวความสยดสยองในกลางคืน
หรือกลัวลูกธนูที่ปลิวไปในกลางวัน”
.....สมัยนี้อาจจะไม่มีแล้วลูกธนู
มีแต่ เอ็ม 79 หรือ อาร์ พี จี..ใช่มะ..ที่วันดี คืนดี
เราก็จะได้ยินข่าวของการยิงถล่มกันเป็นว่าเล่น
แต่ไม่ว่าจะเป็นอาวุธร้ายแรง..ภัยพิบัติแผ่นดินไหวอะไรต่างๆ เราก็ไม่ต้องกลัวเพราะสิ่งเหล่านี้พระเจ้าก็เป็นผู้ควบคุมอยู่ ข้อที่ 6 บอกว่า “หรือโรคภัยที่ไล่มาในความมืด
หรือความพินาศที่เกิดความหายนะในเที่ยงวัน พันคนจะล้มอยู่ที่ข้างๆท่าน
หมื่นคนที่มือขวาของท่าน แต่ภัยนั้นจะไม่มาใกล้ท่าน ท่านจะมองดูด้วยตาเท่านั้น ...” ...ไม่ว่าจะเป็นภัยร้ายในรูปแบบไหน ก็แตะต้องจิตวิญญาณของเราไม่ได้ คำว่า “พันคนจะล้มอยู่ข้างเรา
หมื่นคนที่มือขวาของเรา
แต่เราจะมองดูด้วยตาเท่านั้น..ยังมีความหมายอีกด้วยว่า ไม่ว่าข่าวสถานการณ์จะเป็นอย่างไร
ดูแล้วน่าตกใจขนาดไหน..เรามองแล้วก็จะเฉยๆ
คือ มองแค่ตา..มันแตะต้องใจเรา..ไม่ได้ ภัยเหล่านั้นจะทำให้เรากลัวไม่ได้เลย เพราะเรารู้ว่าพระเจ้าทรงเป็นผู้ควบคุมและพระองค์สัญญาว่าเราจะปลอดภัย
ไม่ว่าจะตายหรือมีชีวิต..จิตวิญญาณของเราปลอดภัยแน่นอน เอเมน)
กลับมาที่ หนังสืออพยพ ข้อที่ 17 บอกว่า
โมเสสได้ช่วยลูกๆของเยโธรไม่ให้ถูกรังแก คงจะมีการต่อสู้กัน..ซึ่งคนเลี้ยงแกะธรรมดาๆคงไม่มีทางสู้โมเสสได้ เพราะอย่าลืมว่าโมเสสโตขึ้นมาในวัง
และได้รับการฝึกฝนเรียนรู้..ศิลปะการต่อสู้มาเป็นอย่างดี ดังนั้น
ก็คงจะเอาชนะคนเลี้ยงแกะหลายคนได้อย่างสบายๆ
(เหมือนพระเอกในหนังเลยเนอะ)
เพราะงั้น เมื่อชนะก็ได้ครอบครองบ่อน้ำซึ่งถือว่ามีค่ามาก..บ่อน้ำคือชีวิต ดังนั้น
ข้อต่อไปเราจะเห็นว่าสุดท้ายเยโธรก็ยกลูกสาวให้แต่งงานกับโมเสสคนนึง คือ นาง”ศิโปราห์” แล้วทั้งคู่ก็มีลูกด้วยกัน
ชีวิตในถิ่นทุรกันดารของโมเสสก็เริ่มต้นขึ้นในจุดนั้น
ดู อพย.2:23-25
เสียงร้องคร่ำครวญถึงความทุกข์ยากของคนยิวดังฟ้องขึ้นไปถึงฟ้าสวรรค์ ข้อนี้ บอกว่า พระเจ้าทรงดับฟังเสียงคร่ำครวญของเขา และทรงระลึกถึงพันธสัญญาของพระองค์กับอับราฮัม
อิสอัค และยาโคบ หมายความว่า
พระเจ้าทรงตรัสถึงการนำชนชาติอิสราเอลกลับมาที่แผ่นดินคานาอันไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เปิดไป..
ดู ปฐก.15:13-16
“จงรู้แน่เถิดว่าเชื้อสายของเจ้าจะเป็นคนต่างด้าวในแผ่นดินที่ไม่ใช่ของพวกเขาและจะรับใช้พวกนั้น
พวกนั้นจะกดขี่ข่มเหงพวกเขาสี่ร้อยปี..(ก็คือ ในประเทศอียิปต์) ...เราจะพิพากษาประเทศนั้นและต่อมาพวกเขาจะออกมาพร้อมกับทรัพย์สิ่งของเป็นอันมาก...
ในชั่วอายุที่สี่พวกเขาจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง”....ข้อนี้
พระเจ้ากำลังตรัสกับอับราฮัมเมื่อครั้งที่เขาอาศัยอยู่ที่แผ่นดินคานาอัน น้าตุ๊ก คาดว่าราว 800 กว่าปีก่อนหน้าสมัยโมเสสนี้ หมายความว่า
แม้เวลาจะผ่านไปกี่ร้อย..กี่พันปี
พระเจ้าไม่เคยลืมพระสัญญาของพระองค์
พระองค์ไม่เคยพลาด..ไม่เคยลืมว่าพระองค์พูดอะไรไว้มั่ง และทุกสิ่งที่พระเจ้าพูดไว้ในพระคัมภีร์มันต้องเกิดขึ้นจริงอย่างครบถ้วน ดังนั้น
ที่พระองค์ยืนยันว่าเราจะได้อยู่ในสวรรค์ร่วมกับพระองค์นิรันดรกาลมันก็ต้องเป็นจริงด้วย
เอเมน และอีกแง่นึง
พระสัญญาข้อนี้ที่พระเจ้าให้ไว้กับอับราฮัม..นานแค่ไหน กว่าจะเป็นจริง..เกือบพันปี ดังนั้น
จงตระหนักไว้ว่า”การช่วยกู้ของพระเจ้า
อาจจะไม่ได้มาในเวลาที่ทันใจเราเสมอไป
แต่พระองค์ไม่เคยสาย..โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องความทุกข์ยากเล็กๆน้อยๆของเรา..ไม่ต้องรอเป็นพันปีหรอก เรื่องเล็กๆอย่างงี้รอแปบนึง
พระเจ้ามาทันเวลาแน่นอน เอเมนมั้ยคะ
ดู อพย. 3:1-4
“ฝ่ายโมเสสที่กำลังเลี้ยงฝูงแพะแกะ..ได้พาฝูงแพะแกะไปด้านหลังของถิ่นทุรกันดาร
และมาถึงภูเขาของพระเจ้า คือโฮเรบ (ซึ่งมีอีกชื่อ ว่า ภ.ซีนาย)
จากเจ้าชายอียิปต์..มากลายเป็นคนเลี้ยงแกะ
เรื่องอย่างงี้ถ้าไม่เกิดขึ้นกับเราจริงๆ น้าตุ๊กว่า
คิดภาพไม่ออกหรอก..ว่ามันจะรู้สึกรันทดขนาดไหน
แต่ในความรันทดที่พระเจ้าหยิบยื่นให้..สิ่งนึงที่จะเกิดขึ้น คือ “ความถ่อมใจ”
จุดนี้ พระเจ้ากำลังเตรียมโมเสสให้พร้อมกับงานรับใช้
เพราะความทุกข์ยากและปัญหาเป็นเครื่องมือเดียวที่จะสามารถขัดเกลาให้เราเข้มแข็งได้ ความสุขสบายมีแต่จะทำให้คนเสียนิสัย ขี้เกียจ เหยียดยาว
เคยชินกับอะไรๆที่มันได้ดั่งใจตลอดเวลา
จริงมะ ดังนั้น เด็กๆจำไว้ว่าภาวะที่เป็นอันตรายต่อทั้งร่างกายและจิตวิญญาณ..ไม่ใช่เวลาที่เรามีความทุกข์หรือปัญหา
แต่เป็นเวลาที่ทุกอย่างมันได้ดั่งใจไปหมด..ต่างหาก..ที่เราต้องระวังให้มากเป็นพิเศษ และ ตอนนี้
พระเจ้ากำลังเตรียมโมเสสให้กล้าหาญและเข้มแข็งพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับฟาโรห์..และพร้อมจะเป็นผู้นำคนจำนวนมากในการใช้ชีวิตผ่านถิ่นทุรกันดาร..แต่ตอนนั้นโมเสสยังไม่รู้.. ข้อที่ 2 บอกว่า
“ทูตสวรรค์ของพระเจ้าปรากฎแก่โมเสสในเปลวไฟซึ่งอยู่กลางพุ่มไม้
โมเสสเลยแวะเข้าไปดูเพราะคิดว่า..ทำไมต้นไม้ที่มีไฟลุกขนาดนี้มันถึงไม่ไหม้ และเมื่อเดินเข้าไปพระเจ้าก็ตรัสเรียกเขาว่า
“โมเสส โมเสส แล้วโมเสสก็ตอบว่า
ข้าพระองค์อยู่นี่”
ดู อพย. 3:5-6
เมื่อโมเสสขานตอบพระเจ้าแล้ว “พระองค์ทรงบัญชาให้โมเสส”ถอดรองเท้าออก”
..ที่ตรงนั้นเป็นที่บริสุทธิ์..ทำไมถึงบริสุทธิ์เพราะขณะนั้นพระเจ้าทรงสถิตอยู่ ดังนั้น ที่ๆพระเจ้าทรงสถิตอยู่เราต้องให้ความเคารพยำเกรง ทุกวันนี้พระเจ้าสถิตอยู่ที่ไหน อยู่ในใจเรา
นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงสถิตอยู่ในขณะที่เรานมัสการพระองค์ด้วย
แล้วส่วนใหญ่เรานมัสการพระเจ้าที่ไหน..ที่โบสถ์ เพราะฉะนั้น
คิดเอาเองละกัน..ว่าขณะที่เรามาอยู่ต่อหน้าพระเจ้าเนี่ย..เรามาด้วยท่าทีแบบไหน..แล้วก็แต่งตัวยังไง
คิดว่ามาหาเพื่อนหรือมาหาพระเจ้าจอมกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ มาแบบชิลด์ๆหลับๆตื่นๆ นุ่งขาสั้น..รองเท้าแตะ นั่งนมัสการก็ไขว่ห้าง ล้วงกระเป๋า
หรือเราก้มศรีษะลงด้วยใจถ่อม
อะไรต่างๆเหล่านี้มันจะสำแดงให้เห็นถึงท่าทีในใจ..ว่าเราโฟกัสที่พระเจ้าแค่ไหน (พวกเราโตแล้ว พูดหลายครั้งแล้ว ถ้าโตไปกว่านี้ก็จะไม่มีใครเตือนแล้ว แล้วท่าทีที่ไม่น่าดูต่างๆเหล่านี้
มันก็จะติดตัวเรากลายเป็นหนังสืออะไรไม่รู้..ซึ่งไม่ใช่หนังสือของพระคริสต์)
ข้อที่ 6 บอกว่า ”....เมื่อพระเจ้าเรียก..โมเสสขานรับทันที และพระองค์ก็บอกโมเสสว่า “ เราเป็นพระเจ้าของบิดาเจ้า เป็นพระเจ้าของอับราฮัม
อิสอัค และยาโคบ” ...ที่พระเจ้าแนะนำพระองค์เองอย่างนั้น หมายความว่าโมเสสต้องรู้จักพระองค์ โมเสสต้องรู้จักพระเจ้าของบรรพบุรุษตัวเอง น้าตุ๊กเชื่อว่า นางโยเคเบด
(แม่แท้ๆของโมเสส)..ต้องสอนโมเสสตั้งแต่เล็กให้รู้จักพระเจ้า เพราะงั้น นี่คือ บทเรียนสำหรับเรา
ต่อไปเด็กๆมีครอบครัวสิ่งสำคัญที่สุดคือต้องสอนให้ลูกหลานของเรารู้จักพระเจ้า..สอนให้พวกเขาติดสนิทกับพระองค์เพื่อที่เมื่อโตขึ้น..เขาจะไวต่อเสียงเรียก..เสียงเตือนของพระองค์ ไม่ใช่พระเจ้าเตือนแล้ว..เตือนอีก
ก็ยังไม่ได้ยิน แยกแยะไม่ออกว่าอันไหนคือน้ำพระทัย..อันไหนไม่ใช่ อันนี้
ก็ฝากไว้ด้วย
เพราะไม่ใช่เรื่องไกลตัวจนเกินไป
ดู อพย.3:9-11 “บัดนี้คำร่ำร้องของชนชาติอิสราเอลมาถึงเราแล้ว
เพราะฉะนั้น จงมาเถิด เราจะใช้เจ้าไปเฝ้าฟาโรห์ เพื่อนำชนชาติอิสราเอล ออกจากอียิปต์" พอพระเจ้าตรัสอย่างนั้น..โมเสสว่าไง
“ข้าพระองค์เป็นผู้ใดเล่า
ซึ่งข้าพระองค์จะไปเฝ้าฟาโรห์และจะสามารถพาคนอิสราเอลออกจากอียิปต์ได้”...น้าตุ๊กว่า
โมเสสต้องตกใจอย่างแรง
ปฏิเสธพระเจ้าแทบไม่ทัน
แล้ว..ถ้าพระเจ้าพูดกะเราอย่างนี้ เราจะตอบว่าไร..เลยพระองค์เจ้าข้าเชิญใช้มาเลย ลูกจะทำตาม..รึเปล่า ไม่หรอกน้าตุ๊กว่าส่วนใหญ่ก็เป็นเหมือนโมเสสนี่แหละ ข้อที่ 12 พระเจ้าจึงตรัสกับโมเสสว่า “เราจะอยู่กับเจ้าแน่ และนี่จะเป็นหมายสำคัญ
คือ ให้เจ้ารู้ว่า เจ้าทั้งหลายจะมาปรนนิบัติพระเจ้าบนภูเขานี้" ....พระเจ้าอุตส่าห์ยืนยันว่าพระองค์จะอยู่ด้วยตลอดเวลา เพราะงั้น โมเสสไม่ต้องกลัว
แล้วพระองค์ก็ยืนยันล่วงหน้าด้วย..เชื่อเถอะ..ว่าเจ้ากับคนอิสราเอลทั้งหมดจะได้มานมัสการพระองค์ที่ภูเขานี้
คือ ซีนายหรือโฮเรบที่โมเสสกำลังคุยกับพระองค์อยู่ตอนนี้ คือ
พูดง่ายๆว่าพระเจ้าบอกผลลัพธ์ล่วงหน้าเลย..ว่าโมเสสจะทำได้สำเร็จ เพราะพระองค์จะอยู่ด้วย แต่ถึงอย่างงั้น โมเสสก็ไม่ฟัง ..ยังมีข้ออ้าง
ดู อพย. 3:13-14 “เมื่อข้าพระองค์ไปหาชนชาติอิสราเอล
และบอกพวกเขาว่า `พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของท่านทั้งหลายทรงใช้ข้าพเจ้ามาหาท่าน และเขาจะพูดกับข้าพเจ้าว่า
`พระองค์ทรงพระนามว่ากระไร ข้าพระองค์จะกล่าวแก่เขาอย่างไร" ขนาดพระเจ้ายืนยันว่าโมเสสจะชนะเพราะพระองค์ทรงอยู่ด้วย..โมเสสก็ยังมีข้ออ้าง เพราะคนอิยิปต์จะมีพระมากมาย แล้วมนุษย์ก็ตั้งชื่อกันไปตามใจชอบ เพราะงั้น
ถ้าคนอิสราเอลถามว่าพระเจ้าที่ใช้โมเสสมามีชื่อว่าอะไร..โมเสสจะตอบพวกเขายัง ข้อที่ 14 “พระเจ้าจึงตรัสกับโมเสสว่า "เราเป็นผู้ซึ่งเราเป็น" .....ความหมาย คือ
เราก็เป็นเรานี่แหละ..ไม่ต้องมาตั้งชื่อให้
และคำว่า “ยาเวห์” ในภาษาฮีบรู ก็แปลว่า “เราเป็น” เพราะงั้น รู้ไว้แค่นี้..พระเจ้า คือ พระเจ้า
พระองค์ใหญ่จริงและไม่จำเป็นต้องอธิบายหรือโปรโมทอะไรมากมาย แต่มนุษย์ชอบมากที่จะใส่คาแร็คเตอร์ให้พระต่างๆตามจินตนาการและความพอใจของตัวเอง
เช่น อยากได้ลูก..อยากอายุยืน..อยากรวย..อยากนู้น..อยากนี้ ก็ไปแต่งตั้งพระต่างๆขึ้นมา..เสร็จก็เรียกชื่อใส่คุณสมบัติตามที่ตัวเองต้องการ..แล้วก็เอามากราบไหว้บูชา ดังนั้น พระเหล่านั้น..ล้วนแล้วแต่เป็นพระที่มนุษย์สร้างขึ้น แต่พระเจ้า..ไม่ใช่
พระองค์คือผู้สร้าง..ไม่ใช่พระที่มนุษย์จะมาอุปโลกหรือกำหนดให้เป็นอะไร..ไปตามใจชอบ พระองค์คือผู้ควบคุม..ไม่ใช่มนุษย์
พอเห็นภาพมั้ยคะ
พบกันใหม่สัปดาห์หน้านะคะ ขอพระเจ้าอวยพรค่ะ