วันจันทร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2553

หนังสือ1ซามูเอล ครั้งที่16 อาทิตย์ที่6:6:2010

ดาวิดและนางอาบีกายิล
ดู1 ซมอ.25:1 ข้อนี้บันทึกถึงมรณะกรรมของซามูเอล บุคคลที่สำคัญค่อนข้างมากในพระธรรมเล่มนี้ ซามูเอลเป็นผู้เจิมตั้งซาอูลให้เป็นกษัตริย์ เป็นคนเผยพระวจนะว่าซาอูลจะต้องถูกปลด แล้วซามูเอลก็ยังเป็นคนเจิมดาวิดขึ้นมาแทนที่ซาอูลอีกด้วย เพราะฉะนั้นพอซามูเอลตาย ทั้งดาวิดและคนอิสราเอลจำนวนมากก็ไปที่รามาห์บ้านเกิดของเขา..เพื่อไว้อาลัยให้กับซามูเอลผู้รับใช้ที่ยิ่งใหญ่คนนึงของพระเจ้า พอเสร็จงานดาวิดก็กลับไปอยู่ที่ปาราน..
ดู1ซมอ.25:2-3 ข้อนี้บอกว่า มีชายคนนึงชื่อ”นาบาล” ฐานะร่ำรวย เขามีบ้านอยู่ที่มาโอน แล้วก็มีฝูงปศุสัตว์อยู่ที่คารเมล ห่างไปจากบ้านซักประมาณสี่..ห้ากิโล คืออยู่ใกล้ๆกับที่ดาวิดและคนของเขาซ่อนตัวอยู่ ข้อที่3 บอกว่านาบาลมีภรรยาชื่อ”อาบีกายิล” เป็นคนสวยมากแล้วก็ยังฉลาดหลักแหลมซะด้วย ส่วนนาบาลนั้นตรงกันข้าม เพราะพระคำภีร์ระบุว่า..เขาเป็นคนชั่วช้าสามานย์..คงจะสมชื่อ เพราะจริงๆแล้ว นาบาลแปลว่าโง่..
ดู1ซมอ.25:4-6/7-8 ดาวิดรู้มาว่านาบาลกำลังจะตัดขนแกะ อย่าเข้าใจผิดว่าดาวิดอยากจะได้ขนแกะนะ..ไม่ใช่ ประเด็นมันอยู่ที่ตอนตัดเสร็จ เพราะเขาจะมีการเลี้ยงฉลองให้คนงานกับคนที่อยู่แถวนั้น พูดง่ายๆก็คือ ดาวิดเลยส่งคนไปขอแบ่งปันอาหาร ซึ่งจริงๆก็เป็นเรื่องปกติ เพราะถ้าเราจำได้ในฉธบ.ของโมเสส พระเจ้าได้กำชับให้คนอิสราเอลห้ามละเลยคนยากจนหรือคนด้อยโอกาส ข้อที่5บอกว่า ดาวิดสั่งให้คนของเขาไปทักทาย..อวยพรนาบาลในนามของดาวิด และขอร้องให้นาบาลเห็นแก่มิตรภาพที่เขากับพรรคพวก คอยเป็นหูเป็นตา..ระวังภัยอันตรายให้คนงาน..กับฝูงสัตว์ของนาบาล และอยากจะขอให้นาบาลตอบแทนน้ำใจคนของเขาบ้าง..ด้วยอาหารหรือของฝากเล็กๆน้อยๆก็ยังดี
ดู1ซมอ.25:10-12 นาบาลตอบกลับคนของดาวิดว่า..ดาวิดเป็นใคร ใหญ่มาจากไหน..เขาไม่รู้จัก แล้วเรื่องอะไรต้องแบ่งข้าวของให้..คือทำเป็นไม่รู้จัก แต่จริงๆแล้วนาบาลต้องรู้จักดาวิด เพราะเขาพูดออกมาเองว่า..ดาวิดลูกเจสซี แล้วนาบาลก็เป็นคนตระกูลคาเลบ แต่โอเค..คาเลบคือตระกูลใหญ่แล้วก็มีชื่อเสียงมากเพราะคาเลบเขาสร้างชื่อเอาไว้ ส่วนเจสซีอาจจะดูต่ำต้อย แต่ยังไงก็เป็นเผ่ายูดาห์เหมือนกัน แล้วข้อที่10 นาบาลยังพูดว่า “สมัยนี้มีคนใช้เป็นอันมากที่หนีไปจากนายของตน” แปลว่าไร นาบาลไม่ใช่แค่รู้จักดาวิด..แต่ต้องรู้จักเป็นอย่างดีเลยหละ เพราะเขารู้ข้อพิพาทย์ระหว่างซาอูลกับดาวิดด้วย ข้อที่12 บอกว่า คนของดาวิดเลยต้องตากหน้ากลับมารายงานเรื่องทั้งหมดให้ดาวิดฟัง
ดู1ซมอ.25:13 พอฟังลูกน้องเล่าจบ..ดาวิดก็ถึงจุดเดือด คุมตัวเองไม่อยู่..ตะโกนสั่งลูกน้อง400คนให้เอาดาบคาดเอวทันที ตั้งใจจะให้นาบาลได้จ่ายราคาอย่างสาสม คือ”จ่ายด้วยชีวิตของตัวเองกับผู้ชายในครอบครัวทั้งหมด หลายคนคงสงสัยว่า..เฮ้ย! ทำไมตอนนี้ดาวิดใจร้อนจัง แค่ไปขออาหารแล้วเขาไม่ให้ กับถูกถางนิดหน่อย..ถึงขนาดจะไปฆ่าเขายกครัวเลยเหรอ นี่มันผิดวิสัยที่เขาเคยปฏิบัติกับซาอูลอย่างสิ้นเชิง แล้วอะไรทำให้ดาวิดเสียศูนย์ได้ขนาดนั้น..
เหตุผลแรกก็คือ ดาวิดเป็นมนุษย์..โอกาสที่จะล้มไปในความบาปมันมีอยู่ตลอด ถึงเราจะเห็นความเชื่อของเขาเต็มขนาดขึ้นในสิ่งที่เขาทำกับซาอูล (ทำไงก็ไม่โกรธ โทษตัวเองอยู่นั่น) แต่พอมาถึงนาบาล..กลายเป็นคนขี้โมโหไปได้ไง..แค่เขาพูดผิดหูนิดเดียว..ไปฆ่ามันทิ้งทั้งบ้านซะเลย แล้วความเชื่อที่เต็มขนาดแบบที่เคยปฏิบัติกับซาอูลหายไปไหน พระคำภีร์บทนี้เลยทำให้เรารู้ว่า..ถึงเราจะเคยชนะความบาปได้ในอดีตหรือปัจจุบัน มันก็ไม่ได้เป็นการการรันตี..ว่าเราจะไม่ทำบาปอีกหรือชนะตลอดไป เราถึงต้องพึ่งพระเจ้าตลอดเวลา
ข้อที่สองก็คือ เพราะซาอูลคือเจ้านายของดาวิดแล้วที่สำคัญ..เขาเป็นคนที่พระเจ้าเจิมไว้ ส่วนนาบาล..ไม่ใช่ อันนี้ก็น่าจะมีส่วน ที่ทำให้การตอบสนองไม่เหมือนกัน (หรือ..ดาวิดเก็บกดรึเปล่า เพราะเขาเทใจหมอบราบคาบแก้วให้ซาอูลไปแล้ว..ชั่วโมงนั้นก็เลยไม่พร้อมที่จะให้ใครทำร้ายได้อีก(แม้แต่นิดเดียว เหมือนฟางเส้นสุดท้าย) เพราะน้าตุ๊กมองว่า..คนเราถ้าต้องทนกับอะไรมากๆมันจะมีจุดที่อารมณ์จะเปราะบางเป็นพิเศษ
เหตุผลอีกข้อให้เด็กๆดูข้อที่21.. ดาวิดดันไปคาดหวัง..ว่าเมื่อเขาทำสิ่งดี นาบาลก็ควรต้องทำสิ่งดีตอบ ซึ่งมันไม่ใช่..ข้อนี้พลาดสุดๆ..ดาวิดรู้อยู่ พระเจ้าสอนให้เราทำหน้าที่เพื่อถวายพระองค์ เพราะ”พระองค์” คือรางวัลของเรา..ไม่เคยสอนให้เราคาดหวังที่จะได้รางวัลหรือสิ่งตอบแทนจากมนุษย์ แต่มนุษย์มักจะไม่เสถียร..เราถึงยังแพ้การทดลองอยู่เสมอ
ดู1ซมอ.25:14-16 มีคนงานของนาบาลคนนึงวิ่งไปหาอาบีกายิล..ภรรยาคนเก่งของนาบาล เขาเล่าให้อาบีกายิลฟังว่า..ดาวิดส่งคนมาคารวะเจ้านายแต่นาบาลด่าเขากลับไป คนงานคนนี้ยังเล่าความดีของดาวิดกับพวกให้อาบีกายิลฟังด้วย..ว่าพวกเขาทำงานได้อย่างสบาย ไม่ต้องกลัวว่าใครจะมาทำร้ายทั้งกลางวันกลางคืน ปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะดาวิดกับคนของเขาเป็นเหมือนกำแพงคุ้มกันอยู่ตลอด ข้อที่17 เขาบอกว่า..อาบีกายิลต้องรีบทำอะไรซักอย่าง เพราะตอนนี้ดาวิดโกรธมากกำลังจะมาฆ่ายกครัวนาบาล แล้วที่เขาไม่ไปพูดกับนาบาล เพราะรู้อยู่ว่านายเป็นคนสามหาว ก็คือ ไม่มีเหตุผล หรือจะพูดให้ชัดก็คือไม่ฉลาดเท่าไหร่ บอกไปก็คงไม่มีประโยชน์ (ขนาดลูกน้องยังรู้ไส้)
ดู1ซมอ.25:18-20 พอรู้เรื่องทั้งหมด สิ่งแรกที่อาบีกายิลทำ..คือรีบจัดอาหารอย่างมโหฬาร..แล้วให้คนใช้ล่วงหน้าไปก่อน ตอนนี้ที่สำคัญก็คือต้องเร็ว..เพราะดาวิดกำลังยกพวกมา ข้อที่19 บอกว่า “..อาบีกายิลสั่งการและลงมือทำทุกอย่างโดยไม่บอกให้สามีรู้” อันนี้เห็นด้วย เพราะถ้ารู้แล้วงี่เง่าหรือทำให้ทุกอย่างแย่ลง..ก็อย่ารู้เลย บางคนอาจจะสงสัยว่า..แล้วตกลงอาบีกายิลเป็นเมียที่ดีรึเปล่า เพราะเมียที่ดีต้องเชื่อฟังสามีแต่อาบีกายิลทำในสิ่งที่ตรงข้ามกับสามี จริงอยู่ที่การเชื่อฟัง(ส่วนใหญ่) ต้องแสดงออกด้วยการเดินตามการตัดสินใจของผู้นำ แต่บางครั้งเราก็ไม่จำเป็นต้องเดินตามถ้าทางที่สามีหรือผู้นำเลือกเดิน..มันค้านกับน้ำพระทัยพระเจ้า อย่างเช่นกรณีของนาบาลกับอาบีกายิลนี้เป็นต้น เพราะเราต้องไม่ลืม..ว่าการเชื่อฟังในแบบของพระเจ้า ก็คือ เชื่อฟังพระเจ้าก่อน..เอาพระวจนะของพระองค์เป็นเกณฑ์ แล้วรองลงมาถึงจะเป็นมนุษย์..ในแนวทางที่พระองค์สอนไว้
หลังจากที่อาหารถูกส่งไปแล้ว อาบีกายิลก็ขี่ลาลงมาจากภูเขา แล้วก็สวนกับดาวิดพอดีแต่ทีแรกมีสันเขาบัง..ก็เลยมีโอกาสได้ยินดาวิดพูดหมายหัวจะเอาชีวิตนาบาลกับคนในครอบครัว แล้วนาทีต่อมาทั้งคู่ถึงได้ประจัญหน้ากัน
ดู1ซมอ.25:23-25 พอเจอหน้ากัน อาบีกายิลรีบลงจากหลังลา..ซบหน้าลงถึงดินกราบที่เท้าของดาวิด แล้วอ้อนวอนให้ดาวิดช่วยฟังหน่อย..ว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น มันเป็นความผิดของเธอคนเดียว อย่าเอาเรื่องนาบาลเลย..เพราะเขาเป็นคนโง่ ปากเสียพูดอะไรไม่คิด ชื่อก็บอกอยู่แล้ว คือ นาบาลแปลว่าโง่..ก็เลยโง่สมชื่อ ส่วนตอนที่คนของดาวิดมาที่บ้าน..เธอไม่เห็นเลยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ดู1ซมอ.25:26-27 อาบีกายิลพยายามพูดให้ดาวิดเข้าใจว่า..วันนี้พระเจ้าทรงเป็นผู้ยับยั้ง..ไม่ให้เขาทำบาป..จากการทำให้เลือดของผู้ไร้ความผิดตก เพราะตามธรรมบัญญัติของโมเสสก็คือ”ตาแทนตา ฟันแทนฟัน” แล้วนาบาลทำไรดาวิดรึยัง..ยังเลย เขาก็แค่พูดจาดูหมิ่นดาวิด ส่วนผู้ชายในบ้านยิ่งไปกันใหญ่..ยังไม่ได้ทำอะไรผิดเลย ถ้าดาวิดจะฆ่าเขาเพราะเหมารวม ก็เท่ากับดาวิดเจตนาจะฆ่าผู้บริสุทธิ์ แล้วอาบีกายิลก็ขอให้ดาวิดรับของที่เธอจัดมาให้ จากนั้นก็ยังหนุนใจดาวิด..ว่าดาวิด”ทำสงครามอยู่ฝ่ายพระเจ้า” หมายถึงเป็นคนที่ทำตามน้ำพระทัยพระเจ้ามาตลอด เพราะฉะนั้น ดาวิดไม่ต้องกลัว..พระเจ้าไม่ยอมให้ใครแตะต้องเขาอยู่แล้ว
ดู1ซมอ.25:32-33 พออาบีกายิลพูดจบ..ดาวิดรู้ทันทีว่าพระเจ้าคือผู้ที่ส่งผู้หญิงคนนี้มาเตือนเขาไม่ให้ทำบาป แล้วทุกคำที่อาบีกายิลพูดก็มาจากพระเจ้าเพราะดาวิดฟังแล้วกลับใจใหม่ทันที เขายอมรับว่าความสุขุมรอบคอบของอาบีกายิลทำให้เขามีสติ..ยอมละการแก้แค้นไว้ที่พระเจ้า นี่ก็คือข้อดีอีกอันนึงของดาวิด คือยอมฟังผู้ที่ด้อยกว่า เพราะหลายคนชอบคิดว่าความรู้หรือพระวจนะของพระเจ้า ต้องมาจากคนที่ดูเหนือกว่า..อยู่สูงกว่าหรือมีศักยภาพมากกว่าเรา...ซึ่งไม่ใช่ เพราะพระเจ้าใช้ใครก็ได้ แล้วของประทานก็ไม่ได้ถูกจำกัดไว้กับผู้ที่มีอำนาจสูงส่งเท่านั้น บางครั้งพระเจ้าอาจสอนเราผ่านทางน้องสาว น้องชาย ลูก คนรับใช้ คนกวาดถนน คนเก็บขยะ หรือแม้แต่ผู้เชื่อใหม่..เราก็ต้องฟังด้วยความถ่อมใจ ถ้าสิ่งที่เขาพูดมันตรงกับที่พระเจ้าสอนไว้ หรือฟังแล้วรู้สึกได้ว่าสิ่งนี้มาจากพระเจ้า..เราก็ต้องฟัง จะมัวคิดว่า..ชั้นเชื่อมาสิบปีส่วนเธอเพิ่งมาเชื่อเดือนเดียว..จะมารู้จริงได้ไง อันนี้คือความเย่อหยิ่งและใจแคบ ข้อที่34 ดาวิดบอกว่า..ถ้าอาบีกายิลไม่รีบคิดแก้ไขเรื่องต่างๆโดยเร็ว พรุ่งนี้ทุกอย่างคงสายเกินแก้..แล้วดาวิดก็รับของกำนัลจากอาบีกายิล แล้วรับปาก..ว่าจะไม่เอาเรื่องนาบาล เสร็จแล้วก็ส่งนางกลับบ้านไป
ดู1ซมอ.25:36-38 ตอนที่อาบีกายิลกลับถึงบ้าน นาบาลยังฉลองไม่เลิก แล้วก็ไม่ได้สังวรณ์ซักนิดว่า..ตัวเองเกือบชะตาขาดซะแล้ว ยังมัวแต่กินดื่มสนุกสนานเฮฮา (เหมือนงานเลี้ยงของพระราชา..) อาบีกายิลเห็นว่าสามีเมามากเลยยังไม่พูดอะไร (ฉลาด..เพราะพูดกับคนเมาอ่ะ..ไม่พูดดีกว่า) อาบีกายิลเลยรอจนเช้า..พอนาบาลเริ่มสร่างเมาถึงได้เล่าทุกอย่างให้ฟัง ข้อที่37 บอกว่า”จิตใจของนาบาลก็ตายเสียภายใน แล้วเป็นเหมือนก้อนหิน” ช็อคไปเลยเหมือนหัวใจวายแล้วก็เป็นอัมพาตทั้งตัว สิบวันต่อมาพระเจ้าก็เอาชีวิตนาบาลไป
ดู1ซมอ.25:39-40 พอดาวิดรู้ข่าวการตายของนาบาล..เขาก็สรรเสริญโมทนาพระคุณพระเจ้า (ในใจคงคิดว่า..เกือบไปแล้ว) เกือบจะฆ่าเองกะมือซะแล้ว ถ้าพระเจ้าไม่ยับยั้งเขาไว้... ดาวิดต้องรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต ซึ่งไม่คุ้มเลย..กับความสะใจชั่วขณะ ตอนนี้ดาวิดเห็นชัดเจน..ว่าอย่างงี้มันดีกว่าเยอะ คิดไปคิดมา..คงนึกถึงอาบีกายิลที่มีส่วนในการกลับใจของเขา ข้อที่39บอกว่า ดาวิดเลยส่งคนไปขออาบีกายิลมาเป็นภรรยา.. สงสัยจะโดนใจตั้งแต่แรก เพราะอาบีกายิลสวยมากแถมฉลาดได้ใจ ข้อที่40 คนของดาวิดเลยไปหาอาบีกายิลแล้วบอกว่า “ดาวิดให้มาพาตัวเธอไปเป็นภรรยา..” เลยไม่รู้ว่า ตกลงมาขอหรือมาสั่งกันแน่เนอะ
ดู1ซมอ.25:41-42 พอได้ยินอย่างงั้น อาบีกายิลก็ซบหน้าลงถึงดิน แล้วพูดด้วยความถ่อมใจว่า..เธอไม่เคยหวังสูงขนาดนั้น เธอน่าจะเป็นแค่คนล้างเท้าให้ผู้รับใช้หรือลูกน้องของดาวิดเท่านั้น แต่ถึงไงก็ไม่ปฏิเสธ..รีบลุกขึ้นขี่ลาตามเขาไปพร้อมสาวใช้อีกห้าคน อาบีกายิลเลยเป็นภรรยาของดาวิดตั้งแต่นั้นมา ข้อที่43 บอกว่าดาวิดยังรับนางอาหิโนอัมชาวยิสเรเอลมาเป็นภรรยาด้วย หมายถึง ดาวิดมีนาหิโนอัมเป็นภรรยาอยู่ก่อนแล้ว ส่วนมีคาลภรรยาคนแรก(ที่เป็นลูกสาวซาอูล)..พระคำภีร์บอกว่า ซาอูลยกให้คนอื่นไปแล้ว
ดาวิดไว้พระชนม์ซาอูลที่ศิฟ
ดู1ซมอ.26:1-2 คุ้นมะ..ชาวศิฟ คราวก่อนก็ทีละ..ไปแจ้งเบาะแสของดาวิดให้ซาอูลรู้ จนซาอูลเกือบจะจับดาวิดได้ ถ้าพวกฟิลิสเตียไม่มาขัดคอซะก่อน มาคราวนี้ชาวศิฟยังไม่เลิกลา มาแจ้งเบาะแสดาวิดให้ซาอูลรู้อีกครั้ง ซาอูลที่คราวก่อนร้องห่มร้องไห้..ให้สัญญาว่าจะวางมือจากดาวิด ก็ลุกขึ้นทันที ทำเหมือนเดิมเลยเกณฑ์คนสามพันออกไปล่าดาวิด (นี่มัน..ไม่มีสัจจะหรือสมองเสื่อมก็ไม่แน่ใจนัก) ข้อนี้บอกว่า ขณะที่ซาอูลตั้งค่ายอยู่ดาวิดก็ส่งคนไปสอดแนม พอรู้ว่ามาแน่..เลยไปดูให้เห็นกับตา ปรากฎว่าเห็นซาอูลนอนหราอยู่กลางค่ายมีหอกด้วย แล้วอับเนอร์ที่เป็นทั้งลุงและแม่ทัพก็นอนอยู่ใกล้ๆ ส่วนทหารสามพันคนก็นอนล้อมอยู่รอบนอกอีกที (เหมือนจะปลอดภัยสุดๆ)
ดู1ซมอ.26:7-9 ดาวิดถามลูกน้องสองคนคือ”อาหิเมเลค”(คนละคนกับปุโรหิตที่ถูกซาอูลฆ่า)กับอีกคนคือ”อาบีชัย” ว่าใครจะอาสาลงไปค่ายของซาอูลกับเขา อาหิเมเลคเฉย..แต่อาบีชัยขอไปด้วย เด็กๆลองนึกภาพ..ค่ายทหารที่ดาวิดกับอาบีชัยต้องย่องเข้าไป ซาอูลนอนอยู่ตรงกลางพร้อมหอก ข้างๆมีอับเนอร์แม่ทัพคนเก่ง แล้วยังกองทหารที่นอนรอบเขาอีกสามพันคน ถ้าเป็นเราจะกล้าเดินเข้าไปมะ..เกิดสะดุดใครซักคนตื่นขึ้นมาล่ะยุ่งเลย
พอทั้งคู่เข้าถึงตัวซาอูลแล้ว..อาบีชัยคงกลัวเหตุการณ์จะเหมือนตอนที่อยู่ในถ้ำ คือดาวิดไม่ยอมฆ่าซาอูล ข้อที่8 อาบีชัยเลยกระซิบที่ข้างหูดาวิดว่า”วันนี้พระเจ้าได้มอบซาอูลไว้ในมือของท่านอีกแล้ว..ให้ผมจัดการเขาเองนะ รับรองแทงครั้งเดียวตายสนิท” คืออาสาจะฆ่าให้เพราะคิดว่า ดาวิดก็น่าจะเข็ดแล้ว เพราะเห็นอยู่..ว่าซาอูลไม่รักษาสัญญา
ดู1ซมอ.25:10-12 ดาวิดห้าม..ไม่ให้อาบีชัยฆ่าซาอูล เขาหนุนใจอาบีชัย..ว่าพระเจ้าจะฆ่าเขาเอง ไม่รู้ด้วยวิธีไหนเพราะพระองค์มีหนทางมากมายหลากหลาย ซาอูลอาจจะตายเองตามธรรมชาติหรือตายในสนามรบก็ได้ แต่ที่แน่ๆดาวิดจะไม่แตะต้องเขา น้าตุ๊กว่าครั้งนี้ดาวิดยิ่งต้องมั่นใจ เพราะมีกรณีของนาบาลเป็นตัวอย่าง แล้วดาวิดก็สั่งให้อาบีชัยหยิบเอาหอกกับเหยือกน้ำของซาอูลไป ข้อที่12 บอกว่า พอได้หอกกับเหยือกน้ำแล้ว ทั้งคู่ก็เดินออกจากค่ายไป ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเห็น ไม่มีใครตื่น เพราะพระเจ้าทรงบันดาลให้หลับสนิททุกคน
หมดเวลาแล้วค่ะ..จนกว่าจะพบกันใหม่
ขอพระเจ้าอวยพรค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น