วันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2553

หนังสือ1ซามูเอล ครั้งที่17 อาทิตย์ที่13:6:2010

ดู1ซมอ.13-15 หลังจากที่คว้าเอาหอกกับเหยือกน้ำของก.ซาอูลไปแล้ว ดาวิด กับอาบีชัยก็ย่องออกจากวงล้อมของทหารที่กำลังหลับสนิท แต่พอหลุดจากกองทหารไป..ดาวิดกับอาบีชัยก็เดินผ่านที่ราบแล้วก็เลยขึ้นไปบนภูเขา พอขึ้นถึงยอดเขาดาวิดก็ตะโกนเรียกอับเนอร์อย่างดัง จริงๆคงตั้งใจจะปลุกให้ตื่นทุกคน แต่เขาเจาะจงไปที่อับเนอร์ แล้วอับเนอร์ก็จำเสียงดาวิดไม่ได้..ถึงตะโกนถามกลับไปว่า..ใครมาร้องเรียกพระราชา ดาวิดตอบกลับไป..ว่าท่านไม่ใช่ลูกผู้ชาย..เป็นองครักษ์แต่ปกป้องพระราชาไม่ได้ เพราะเมื่อกี๊อ่ะ..มีคนเข้าถึงตัวพระราชาแล้วก็เกือบจะฆ่าท่านไปแล้ว (แต่ you หลับอุตุไม่รู้เรื่อง) จริงๆที่ดาวิดพูดก็ถูกทุกอย่าง..เพราะตอนที่บุกเข้าไปถึงตัวซาอูลเนี่ย..อาบีชัยจะฆ่าซาอูลจริงๆ แต่เขาก็ต้องขออนุญาตดาวิดก่อน ก็เลยไม่ได้ทำ..เพราะดาวิดไม่อนุญาต แล้วอย่างงี้จะเรียกว่าใครเป็นคนปกป้องพระราชา..ใช่อับเนอร์มะ..ใช่ทหารสามพันคนรึเปล่า ไม่ใช่เลยแต่เป็น..ดาวิด
ดู1ซมอ.26:16 ดาวิดชี้ให้ทหารทั้งกองพันเห็นว่า..ทุกคนบกพร่องในหน้าที่ ไร้ความสามารถที่จะปกป้องชีวิตของกษัตริย์ แล้วความผิดพลาดนี้มีโทษถึง”ตาย” ไม่ใช่แค่อับเนอร์คนเดียวแต่คือทหารทั้งกองพัน เพราะตอนที่กษัตริย์ต้องอยู่ในอันตราย..ทหารสามพันคนกับอับเนอร์ที่นอนอยู่ข้างๆเนี่ย..ช่วยอะไรก็ไม่ได้ ถ้าดาวิดไม่ห้ามอาบีชัยไว้..ป่านนี้ซาอูลตายไปแล้ว เพราะฉะนั้น ดาวิดไม่ได้พูดเล่น..ความผิดนี้ ถ้าจะพิพากษากันอย่างตรงไปตรงมา อับเนอร์กับทหารทั้งสามพัน..ต้องถูกประหารชีวิตทั้งหมด
มาถึงจุดนี้ เราถึงเข้าใจ..ว่าดาวิดฉลาดมากกกก เขาวางแผนไว้ตั้งแต่แรก.ตอนที่ขออาสาสมัคร..ดาวิดรู้อยู่ว่าอาบีชัยต้องเสนอตัว แล้วรู้ด้วย..ว่าถ้าอาบีชัยเข้าถึงตัวซาอูลแล้ว..จะอยากฆ่าซาอูลทันทีแต่ดาวิดก็ยังยอมให้อาบีชัยตามมา จะได้เป็นไปตามแผนที่คิดไว้..เขาจะได้พิสูจน์ตัวเองได้อย่างชัดเจน
ดู1ซมอ.26:17-18 ซาอูลคงได้ยินเสียงดาวิดกับอับเนอร์ตะโกนคุยกัน อับเนอร์จำเสียงดาวิดไม่ได้..แต่ซาอูลจำแม่น เลยร้องถามออกไปว่า”ดาวิดลูกพ่อ นั่นเสียงเจ้าใช่มั๊ย” ดาวิดตอบว่า..ใช่ นี่ข้าพระบาทเอง ทำไมพระราชาถึงยังตามล่าเขาไม่เลิก..เขาทำผิดอะไร (ถามจนเบื่อแล้วเนี่ย) จริงๆวันนี้..เขาก็พิสูจน์ให้เห็นอีกชั้นนึงแล้ว..ว่าเขาซื่อสัตย์กับซาอูลแค่ไหน เพราะในเวลาที่ทหารทั้งกองทัพปกป้องซาอูลไม่ได้ เขาเองคือคนที่ช่วยชีวิตซาอูลไว้..แล้วซาอูลมาตามล่าเขาทำไม...
ดู1ซมอ.26:19 ดาวิดพูดกับซาอูลว่า..ถ้าเขาทำผิดแล้วพระเจ้าคือผู้เร้าใจให้ซาอูลมาจัดการเขา ก็ขอให้แจ้งข้อหามา..ว่าผิดอะไร เขาจะได้ไปถวายเครื่องบูชาเพื่อลบความบาป..ให้เป็นที่พอพระทัยของพระเจ้า แล้วซาอูลจะได้ไม่ต้องตามล่าเขาอีก..
แต่ถ้าซาอูลอยากกำจัดเขาเพราะเชื่อคนอื่น..ที่ยุยงว่าดาวิดเป็นตัวอันตราย ก็ไม่ใช่เขาแล้วที่สมควรต้องรับโทษ แต่เป็นคนที่ใส่ร้ายต่างหากที่จะถูกพระเจ้าลงโทษเอง ข้อที่19 นี้บอกว่า..”เพราะเขาได้ขับไล่ข้าพระบาทออกไปในวันนี้มิให้ได้ส่วนมรดกของพระเจ้า โดยกล่าวว่า..จงไปปรนนิบัติพระอื่น” ดาวิดกำลังบอกว่าคนที่ใส่ร้ายเขาต่างหากที่มีความผิด เพราะมีส่วนทำให้ซาอูลตามล่าเขา..จนต้อง”กระเด็นไปอยู่นอกประเทศหลายครั้ง” แล้วการบีบบังคับเชื้อสายอิสราเอลแท้ให้จากบ้านเกิดไป ในสมัยนั้นมันถือเป็นการผลักดันให้เขาไปไหว้พระอื่น เรามาดูตัวอย่างที่สนับสนุนความจริงในข้อนี้กัน..
เปิดไปดูนรธ.1:15-16 ข้อนี้นาโอมีบอกรูธว่า..”พี่สะใภ้ของเจ้ากลับไปหาชนชาติของเขา(คือ โมอับ) และหาพระของเขาแล้ว” เด็กๆสังเกตุดู..ว่าเขาพูดเหมือนมันเป็นเรื่องเดียวกัน เพราะเมื่อรูธบอกแม่สามีว่า..”แม่ไปไหน ชั้นไปด้วย อยู่ไหน..อยู่ด้วย ญาติแม่จะเป็นญาติชั้น ยิ่งไปกว่านั้น “พระเจ้าของแม่จะเป็นพระเจ้าของชั้นด้วย” เพราะรูธเลือกจะอยู่ที่อิสราเอลกับนาโอมี เธอจึงยินดีจะปรนนิบัติพระเจ้าของอิสราเอลด้วย ส่วนพี่สะใภ้ที่อยู่โมอับก็ปรนนิบัติพระของโมอับไป คล้ายๆจะเป็นวิถีปฏิบัติ..ว่าอยู่ที่ไหนก็ไหว้พระของที่นั่น ดาวิดถึงบอกว่า..คนที่ใส่ร้ายเขาจะต้องมีความผิดและถูกพิพากษา ไม่ใช่แค่ข้อหาเป็นพยานเท็จหรือพยายามฆ่าผู้บริสุทธิ์ แต่เพราะมีส่วนผลักดันให้เขาไปไหว้พระอื่นและถูกตัดสิทธิ์จากดินแดนที่เป็นมรดกของพระเจ้า
ทำไมการอยู่นอกประเทศอิสราเอลสมัยนั้น ถึงมีผลกระทบมากมายต่อความเชื่อของพวกเขา...ถ้าต้องอยู่นอกอิสราเอลแต่ใจอยู่กับพระเจ้า เขาจะปรนนิบัติหรือเชื่อพระเจ้าได้มั๊ย..คำตอบคือ..ก็อาจจะได้ แต่มันจะมีข้อจำกัดของแต่ละชนชาติ..ที่ทำให้เป็นอุปสรรคในการที่จะดำเนินกับพระเจ้า ไม่เหมือนอยู่ในอิสราเอล..เพราะอิสราเอลหรือคานาอันเป็นแผ่นดินที่พระเจ้าเลือกไว้ ถือเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์และเป็นแหล่งพระพรของสมัยนั้น..เรามาเรียนเรื่องนี้กันนิดนึง
ดูปฐก.28:10-13/16-19 เมื่อยาโคบเอาสิทธิบุตรหัวปีไปจากเอซาว เขาก็ต้องออกจากคานาอันไป แต่ก่อนหน้านั้นพระเจ้าทรงสื่อกับยาโคบถึงเรื่องที่สำคัญมาก พระองค์บันดาลให้เขาฝัน ข้อที่12 ในฝันยาโคบเห็นบันไดอันนึงตั้งขึ้นบนแผ่นดินโลก ยอดสูงถึงฟ้าสวรรค์แล้วทูตสวรรค์ก็ขึ้นลงอยู่ที่บันไดนั้น ข้อที่13 บอกว่า”พระเจ้าประทับยืนอยู่เหนือบันไดนั้น และตรัสว่า..เราคือเยโฮวาห์พระเจ้าของอับราฮัม เมื่อยาโคบตื่นขึ้นเขาพูดว่า..”พระเจ้าทรงสถิต ณ ที่นี้ แน่ทีเดียวแต่ข้าหารู้ไม่..สถานที่นี้ศักดิ์สิทธิ์นัก มิใช่อื่นไกล”เป็นที่ประทับของพระเจ้า และประตูฟ้าสวรรค์”...พระเจ้ากำลังบอกกับยาโคบว่า..ที่ๆเขากำลังนอนอยู่ในขณะนั้น..เป็นดินแดนที่เป็นจุดเชื่อมระหว่างโลกกับสวรรค์ และเป็นที่รองพระบาทของพระเจ้า ข้อที่18 บอกว่า ยาโคบเลยลุกขึ้นแต่เช้ามืดเอาก้อนหินตั้งขึ้นเป็นเสาศักดิ์สิทธิ์ เทน้ำมันบนยอดเสานั้น และเรียกสถานที่นั้นว่า”เบธเอล” (อยู่ที่ไหน)..ก็คานาอันหรืออิสราเอลที่ปัจจุบันเรียกกันว่าดินแดนปาเลสไตน์นี่แหละ เข้าใจรึยัง..ว่าทำไมถึงแย่งกันนัก รบกันไม่เลิกซักที..ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันเพราะอยากครอบครองดินแดนนี้ เพราะเป็นที่ประทับของพระเจ้าแล้วประตูหรือจุดเชื่อมกับสวรรค์ก็อยู่ตรงนั้น (อยู่ตรงนั้นจริงๆ) ถ้าต้องใช้ประตูนั้นเพื่อเข้าแผ่นดินสวรรค์..เราก็ต้องไปรบกะเขาด้วยสิ เราต้องย้ายบ้านไปอยู่อิสราเอลด้วยรึเปล่า..ไม่ใช่เลย
เปิดไปดูยอห์น1:50-51 เรื่องนี้ก็คือ นาธานาเอลเชื่อว่าพระเยซูเป็นพระบุตรของพระเจ้า เพราะพระองค์บอกเขาว่า..พระองค์เห็นเขานั่งอยู่ใต้ต้นมะเดื่อ(คือเห็นทั้งที่อยู่คนละที่) แต่พระเยซูบอกเขาว่า..ท่านเชื่อเพราะเรื่องแค่นี้เหรอ ท่านจะได้เห็นเรื่องที่ใหญ่กว่านั้นหลายเท่า คือ “ท่านจะได้เห็นท้องฟ้าเบิกออก และบรรดาทูตสวรรค์ของพระเจ้าขึ้นและลงอยู่เหนือบุตรมนุษย์” พระเยซูบอกว่าทุกคนจะได้เห็นประตูแห่งสวรรค์เปิดออก แล้วทูตสวรรค์ก็ขึ้นลงอยู่เหนือ”บุตรมนุษย์” เหมือนที่ยาโคบเห็น..ภาพเดียวกัน..ความหมายเดียวกันคือทางที่เป็นจุดเชื่อมระหว่างโลกกับสวรรค์ แต่ข้อนี้พระเยซูทรงบอกว่า..ทางนั้นหรือจุดเชื่อมต่อนั้นอยู่เหนือ”บุตรมนุษย์” คือ พระองค์เอง..พระเยซูคริสต์เจ้าของเรา (ไม่ใช่คานาอัน อิสราเอลหรือปาเลสไตน์) แต่พระเยซูคือหนทางที่เชื่อมสวรรค์และโลก พระองค์คือทางนั้น..ทางเดียวที่คนบาปบนโลกจะสามารถเดินผ่านเพื่อเข้าแผ่นดินสวรรค์
เพราะฉะนั้น สิ่งที่ยาโคบฝัน..แท้จริงแล้วเป็นหมายสำคัญจากพระเจ้า..ที่เล็งถึงพระเยซูคริสต์..เพราะพระองค์ทรงเกิดที่ไหน..ที่ปาเลสไตน์นี่ไง ดังนั้นประตูแห่งสวรรค์ที่พระเจ้าบอกไว้แท้จริงแล้วหมายถึง..พระเยซูคริสต์ที่จะบังเกิดบนแผ่นดินนั้น ส่วนคานาอันหรืออิสราเอลเป็นแค่ภาพจำลอง เพราะถ้าเป็นของจริงเด็กๆว่า..จะมีกี่คนที่ได้เข้าแผ่นดินสวรรค์ (น้อยมาก) แต่ที่เห็นยังแย่งกันอยู่ก็เพราะ..คนกลุ่มนั้นเขาไม่เชื่อพระเยซู ถึงได้ยึดติดอยู่กับดินแดนศักดิ์สิทธิ์หรือปาเลสไตน์..(ก็คงต้องแย่งชิงกันต่อไป)
กลับมาที่หนังสือ1ซมอ.26:20 ดาวิดขอร้องซาอูลอย่าให้โลหิตของเขาต้องตกในต่างแดน ที่ต้องไกลจากพระพักตร์พระเจ้า..เพราะเป็นเรื่องที่น่าเศร้าและทำร้ายจิตใจที่สุดสำหรับเชื้อสายของอิสราเอล ในสมัยนั้น..สุดยอดแห่งชีวิตของพวกเขา..คือการได้อยู่ในแผ่นดินอิสราเอลตั้งแต่เกิดจนตาย..ได้ดำเนินกับพระเจ้าอย่างใกล้ชิดจนวาระสุดท้าย..แล้วก็ฝังร่างลงบนแผ่นดินที่รองพระบาทของพระเจ้า อารมณ์นี้พอเข้าใจได้..เพราะคริสเตียนก็จะอยากอยู่ใกล้พระเจ้าตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง..ตอนจะตาย (จริงมะ) ดาวิดเลยขอร้องซาอูล..ว่าอย่าบีบให้เขาต้องระเห็ดไปอยู่ที่อื่นอีกเลย การตามล่าเขาก็เหมือนกับไล่หมัดหรือนกกระทาตัวเดียว..ที่ซาอูลได้ไม่คุ้มเสีย
ดู1ซมอ.26:21-22 “..ข้าผิดไปแล้ว..ดาวิด”ซาอูลดูคล้ายๆจะสำนึกผิดที่เอาแต่ตามล่าดาวิด แต่ที่สำคัญสุดคือ “จงกลับเถิด” เพราะซาอูลต้องมีส่วนในความบาปอย่างแรง ถ้าดาวิดไปไหว้พระอื่น เพราะเขาเป็นตัวการที่ทำให้ดาวิดต้องไปอยู่นอกประเทศ ซาอูลเลยรับปาก (อีกครั้ง)..ว่าเขาจะเลิกละ..ไม่ตามล่าดาวิดอีกแล้ว ดาวิดเลยบอกซาอูล..ให้ส่งคนมาเอาหอกคืนไป เขาไม่เคยคิดจะเก็บหอกของซาอูลไว้ เพราะหอกเป็นสัญญลักษณ์ของสิทธิอำนาจเหมือนคทา พวกเบดูอินหรือคนอาหรับเร่ร่อนปัจจุบันก็ยังใช้หอกเป็นเครื่องหมายของสิทธิอำนาจอยู่ คือถ้าเต๊นท์ไหนมีหอกปักอยู่ตรงทางเข้า ก็จะรู้กัน..ว่าเต๊นท์นั้นเป็นที่พักของชีคหรือหัวหน้าเผ่า
ดู1ซมอ.26:23 ดาวิดย้ำอีกครั้งว่า..พระเจ้าเป็นผู้ประทานบำเน็จแก่ทุกคนตามความชอบธรรมและสัตย์ซื่อของมนุษย์ ดาวิดตั้งใจจะบอกว่า..รางวัลชีวิตของเขาอยู่ที่พระเจ้า ที่เขาไว้ชีวิตซาอูล..เขาก็ไม่ได้หวังว่าซาอูลจะมาตอบแทนอะไรเขา เพราะคนเราถ้าทำดี..แล้วหวังว่าคนอื่นต้องให้สิ่งที่ดีตอบแทน เด็กๆว่า..ชาตินี้เราจะทำดีได้ซักกี่ครั้ง เดี๋ยวก็เข็ด..เพราะมนุษย์เอาแน่ไม่ได้ แต่ถ้าเรามองว่าพระเจ้าคือผู้มอบรางวัล..แล้วรางวัลของพระเจ้าก็มีค่าที่สุด น้าตุ๊กเชื่อว่า..ทุกคนจะทำสิ่งที่ดีได้อย่างไม่มีปัญหา เพราะชั้นไม่สนใจ..ว่าทำแล้วคุณจะว่าไง (เพราะนั่นมันเรื่องของคุณ ไม่ใช่เรื่องของชั้น แล้วถ้าคุณจะถูกพิพากษาเพราะทำสิ่งร้าย ตอบแทนความดี..มันก็คือปัญหาของคุณ ไม่ใช่ปัญหาของชั้น) เพราะชั้นทำสิ่งที่ดี ถวายพระเจ้า..ไม่ใช่เอาใจมนุษย์ สุดท้ายซาอูลก็ขอพรพระเจ้าให้ดาวิด แล้วทั้งคู่ก็แยกจากกันไป (อีกครั้ง)
บทที่ 27 ดาวิดไปอยู่ในหมู่คนฟิลิสเตีย (ทำไม)
ดู1ซมอ.27:1-2/3-4 เท่าที่เห็นในบทนี้..ไม่มีข้อความไหนที่ระบุว่าดาวิดถูกกดดันหรือถูกทำให้ต้องหนีไปที่อื่น ดาวิดที่เพิ่งขอร้องซาอูล..ว่าอย่าบีบให้เขาต้องไปจากแผ่นดินอิสราเอล กำลังสมัครใจที่จะไปซะเอง ทั้งที่ซาอูลก็รับปากว่าจะไม่ฆ่าเขาแล้ว (..จะเชื่อได้หรือไม่ก็ตาม..) แต่ตอนนี้ซาอูลยังไม่ได้ลงมือ ดาวิดคิดเอง..ว่าควรไปอยู่ที่ฟิลิสเตีย ซาอูลจะได้เลิกตอแยกับเขาจริงๆซะที ข้อที่2 บอกว่า “ดาวิดจึงลุกขึ้นยกข้ามไปที่ฟิลิสเตีย..” คราวก่อนที่ไปเมืองกัท..เขาเองที่รู้สึกไม่ปลอดภัย ถึงต้องแกล้งบ้าจนเขาปล่อยตัวมา แต่คราวนี้..ดาวิดกลับตัดสินใจไปที่นั่นอีกครั้ง..ไม่ใช่คนเดียว..มีผู้ติดตามอีกหกร้อยกับภรรยาสองคนของเขาด้วย
แต่อย่างน้อยดาวิดก็คิดถูกเรื่องนึง เพราะข้อที่4 บอกว่า..พอซาอูลรู้ว่าดาวิดหนีไปเมืองกัทแล้ว เขาก็ไม่ติดใจที่จะตามล่าดาวิดอีก หมายความว่า..ถ้าดาวิดยังอยู่ในอิสราเอล ซาอูลจะยังรังควาญเขาอยู่มั๊ย (อันนี้ก็ไม่แน่ใจ)
ดู1ซมอ.27:5-7 ดาวิดร้องขอที่อยู่ส่วนตัวจากก.อาคีช เขากับพรรคพวกจะได้อยู่เป็นสัดเป็นส่วน ซึ่งอาคีชก็โอเค..เพราะฟังดูก็สมเหตุสมผล กษัตริย์ฟิลิสเตียเลยยกเมืองศิกลากให้ ศิกลากอยู่ห่างจากเมืองกัทไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 40 กิโล แล้วก็ไม่ไกลจากอิสราเอล ดาวิดเลยได้ที่อยู่ส่วนตัว..แต่ที่สำคัญกว่าคือได้ห่างไกลจากสายตาของอาคีช ข้อที่7 บอกว่า..ดาวิดอยู่ที่ฟิลิสเตียเป็นเวลา1ปีกับ4เดือน แต่ศิกลากได้กลายเป็นที่อยู่ถาวรของคนอิสราเอลไปเลย
ดู1ซมอ.27:8-10/11-12 ดาวิดได้ที่ส่วนตัวแล้วก็จริงแต่ต้องหากินเอง เขาเลยใช้ศิกลากเป็น..คล้ายๆกองบัญชาการ แล้วก็ออกปล้นบรรดาเมืองที่เป็นศัตรูของอิสราเอล..ตัวอย่างที่เรารู้จักดีก็คือ”ชาวอามาเลข” ส่วนบางชื่อที่พระคำภีร์บอกเราอาจไม่รู้จัก แต่ก็เป็นชาวคานาอันพื้นเมืองเดิมที่พระเจ้าเคยสั่งให้กำจัด แต่ครั้งนี้น่าจะพูดได้ว่า..ดาวิดคงไม่ได้ทำลายคนเหล่านี้”ภายใต้คำสั่งของพระเจ้าหรอก เพราะข้อที่9 บอกว่า..ดาวิดฆ่าคนทั้งหมดแต่เก็บเอาฝูงสัตว์กับทรัพย์สินของพวกเขาไว้ เราถึงเข้าใจว่าดาวิดน่าจะทำเพื่อปากท้อง คือเป็นเรื่องของความอยู่รอดมากกว่า เพราะถ้าเป็นสงครามของพระเจ้าต้องทำลายทั้งหมด..เก็บอะไรไว้ไม่ได้ ข้อที่10 บอกว่า แต่เมื่ออาคีชถาม..ว่าวันนี้ไปปล้นใครมา ดาวิดจะโกหก..ว่าเขาไปปล้นคนอิสราเอลมา เพราะอย่างงี้เขาถึงต้องฆ่าทุกคน..ความลับจะได้ไม่รั่วไหล ข้อที่12 บอกว่า อาคีชเลยไว้ใจดาวิดมาก..เชื่อสนิทว่าเขาปล้นคนชาติเดียวกัน แต่ความจริงไม่ใช่..ดาวิดปล้นศัตรูของอิสราเอลแต่อาศัยร่มเงาของพวกฟิลิสเตียคุ้มหัวไว้ ซึ่งปลอดภัยชัวร์เพราะซาอูลไม่เคยขยันอยากจะรบกับฟิลิสเตียแน่ (ฉลาดสุดๆ..ดาวิด ได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง) แต่ต้องดูต่อไปว่าจะแฮปปี้อีกนานมั๊ย..
ดู1ซมอ.28:1-2 ฟิลิสเตียกำลังจะไปรบกับอิสราเอลอีกครั้ง อาคีชเลยบอกข่าวให้ดาวิดรับรู้และเตรียมตัวไปรบด้วยกัน (เอาล่ะสิ)..ดาวิดตกใจรึเปล่าไม่รู้แต่เราตกใจ แล้วก็งงได้อีกเพราะข้อที่2 ดาวิดตอบว่า “ดีทีเดียวฝ่าบาท จะได้ทราบว่าผู้รับใช้ของฝ่าบาททำอะไรได้มั่ง..” ประมาณว่า..ดีเหมือนกัน ฝ่าบาทจะได้เห็นฝีมือเขาเต็มๆซะที ดาวิดจะหมายความตามที่พูดจริงๆรึเปล่ายังไม่รู้ แต่อาคีชพอใจมากที่ดาวิดพูดอย่างงั้น ถึงกะแต่งตั้งดาวิดให้เป็นองครักษ์ตลอดชีพ น่าสนใจมาก..เพราะเราจะได้เห็นดาวิด..ที่ครั้งนึงเคยเป็นคนถือเครื่องอาวุธให้ซาอูล กลายเป็นองครักษ์ของกษัตริย์ฟิลิสเตีย และกำลังจะไปรบกับอิสราเอลพวกเดียวกัน เรื่องนี้จะเกิดขึ้นจริงๆมั๊ยต้องดูต่อไปเรื่อยๆ
หมดเวลาแล้วค่ะ แล้วพบกันใหม่
ขอพระเจ้าอวยพรค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น