วันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2553

หนังสือ 1ซามูเอล ครั้งที่ 11 อาทิตย์ที่ 25:4:2010

บทที่ 17 ดาวิดฆ่าโกลิอัท
ดู 1ซมอ.17:1-3 หลังจากที่โยนาธานไล่ตีพวกฟิลิสเตียจนกระจายไปตอนนั้น เราคงจำได้..ว่าอิสราเอลกวาดล้างพวกฟิลิสเตียได้ไม่หมด พูดจริงๆแล้วการที่ซาอูลไม่ยอมให้ทหารกินข้าวก็มีส่วนมากที่ทำให้เกิดปัญหาตามมา..การไล่ตามพวกฟิลิสตียก็เลยต้องจบลงก่อนเวลา
มาครั้งนี้พวกฟิลิสเตียก็เลยยกทัพมา..ตั้งใจจะแก้แค้นคนอิสราเอลเพื่อกู้ศักดิ์ศรีคืน.. เพราะคราวที่แล้วอิสราเอลก็เล่นเอาพวกฟิลิสเตีย”เสียรูป”ไปเหมือนกัน
ดู1ซมอ.17:4-7 / 10-11 ข้อนี้บอกว่า..มีชายคนนึงชื่อโกลิอัท เป็นยอดทหารของคนฟิลิสเตีย..ออกมายืนขู่คำราม ข่มขวัญคนอิสราเอล ท้าทายให้ส่งคนออกมาดวลกับเขา.. ข้อที่ 11บอกว่า ซาอูลกับคนอิสราเอลก็กลัวโกลิอัทมากก เพราะไร..พระคำภีร์บอกว่า..โกลิอัทสูงถึงหกศอกคืบ คือประมาณ “เกือบสิบฟุต” แถมยังมีแอ๊กเซสเซอรรี่เพียบ ทั้งหมวก..เสื้อเกราะ..สนับแข้งทอง แล้วยังมีหอกด้วย และทั้งหมดนี้ทำด้วยทองสัมฤทธิ์ แต่ละอันหนักหลายร้อยหลายพันเชเขล (ฟุล ออฟชั่น) คนอิสราเอลมองแล้วก็ขนลุก..เลยยังไม่มีใครกล้ารับคำท้า
ดู1ซมอ.17:14-16 “ดาวิดเป็นบุตรคนสุดท้อง เขาเทียวไปเทียวมาระหว่างกองทัพของซาอูลกับบ้านที่เลี้ยงแกะของพ่อ..” ลักษณะที่พระคำภีร์พูดถึงดาวิด..ต่างจากโกลิอัทอย่างสิ้นเชิง ไม่มีการบรรยายถึงยศฐาบรรดาศักดิ์หรืออาวุธที่น่าเกรงขามของดาวิด พระคำภีร์เพียงแต่พูดถึงครอบครัวของเขา..ที่อ่านแล้วน้าตุ๊กได้กลิ่นอายของชาวนาชาวไร่ ไม่ใช่บรรยากาศในรั้วในวังและพระคำภีร์ก็บอกเราว่าดาวิดเป็นลูกคนเล็ก(อีกต่างหาก) แค่นั้น....
จุดนี้เป็นสิ่งที่พระเจ้าย้ำกับเราอีกครั้งนึง..ว่าพระองค์มองไม่เหมือนที่มนุษย์มอง แล้วถ้าพระองค์เลือกใครแล้ว “เขาไม่ต้องมีอะไรเลยก็ได้” เหมือนดาวิด..ที่เดี๋ยวจะปราบโกลิอัทได้ด้วยอาวุธกระจอกๆ (จริงๆแล้วแทบจะมือเปล่าเลยด้วยซ้ำ)
ดู1ซมอ.17:17-18 เจสซีสั่งให้ดาวิดเอาอาหารไปส่งให้พี่ชาย..ที่ประจำการอยู่ในสนามรบ แต่หลักๆแล้วคือ..เจสซีอยากรู้ข่าวพี่ๆของดาวิด..ว่ายังสบายดีมั๊ย และประเด็นหลักของข้อนี้ก็ยังคงชี้ให้เราเห็นภาพลัษณ์ที่ต่าง..ระหว่างดาวิดกับโกลิอัทอยู่ คือในขณะที่โกลิอัทมีตำแหน่งใหญ่โตเป็นถึงยอดทหารของฟิลิสเตีย..มีการฝึกฝนมาอย่างดี แล้วดาวิดเป็นใคร..เด็กส่งข้าวหรือเด็กส่งเสบียง..หน้าที่หลักๆก็เลี้ยงแกะ สลับกะไปดีดพิณให้ซาอูลฟัง เพราะฉะนั้น..ถ้ามองฝ่ายโลกแล้ว”ดาวิดไม่ใช่คนสำคัญอะไร”
แต่ถึงยังไง..พระคำตอนนี้ก็ยังทำให้น้าตุ๊กเห็นถึงความโดดเด่นบางอย่างของดาวิด..เรื่องอะไร..”ความเชื่อฟังไง” เรารู้ว่าดาวิดต้องเป็นคนว่าง่าย ใช้ง่าย เชื่อฟัง..พ่อบอกให้ทำอะไรก็ทำ..เพราะจากประสบการณ์ตัวเองแล้ว..ถ้าลูกคนไหนใช้ยากก็จะไม่อยากใช้ แล้วอย่างระยะทางที่ดาวิดต้องไปหาพี่ๆเนี่ย..ก็ไกลอยู่..ซัก 6-7กิโลได้มั้ง แต่ดาวิดไม่บ่นซักคำ มันทำให้เราเห็นว่า..ด้วยเหตุผลเดียวกันนี้..พระเจ้าจึงพอพระทัยและเลือกใช้ดาวิด ตรงจุดนี้พระองค์ยังทำให้เรารู้อีกว่า..”คนที่จะเชื่อฟังพระเจ้าได้ ต้องเป็นคนที่เชื่อฟังพ่อแม่ด้วย” เพราะพระเจ้าทรงสะท้อนความสัมพันธ์ของเรากับพระองค์ในแบบเดียวกับที่ลูกพึงมีต่อพ่อแม่” เพราะฉะนั้น..มันเป็นไปไม่ได้เลย..ที่เราจะเชื่อและกระทำตามพระเจ้าอย่างสุดใจ ในขณะที่ยังดื้อดึง..หรือมองไม่เห็นหัวพ่อแม่ (นี่เรื่องจริง) แต่โอเค..ถ้าคุณยืนยันว่าคุณรักพระเจ้า ในขณะที่ยังไม่ลงรอยกับพ่อแม่..ก็ไม่เป็นไร จงยึดมั่นความรักที่มีต่อพระเจ้าเอาไว้ แล้วหันกลับไปนับหนึ่ง..กับพ่อแม่หรือกับครอบครัวก่อนจะดีกว่า
ดู1ซมอ.17:20-21/25-27 ข้อนี้ย้ำชัดเจนอีกครั้งนึง..ว่าดาวิดตื่นแต่เช้ามืดเพื่อจะเอาอาหารไปส่งให้พี่ๆที่อยู่ในสนามรบตาม”ที่พ่อสั่ง” พอไปถึงเขตแนวรบ..ดาวิดก็เข้าไปทักพี่ชาย พอดีกะที่..โกลิอัทก็ออกมาข่มขวัญท้าให้คนอิสราเอลมาสู้กับเขา แล้วดาวิดก็เห็นทหารอิสราเอลตกใจ..หนีกันกระจาย..รวมทั้งพี่ชายของเขาด้วย ข้อที่25 บอกว่า..ดาวิดได้ยินคนอิสราเอลพูดว่า ก.ซาอูลจะมอบรางวัลอย่างงามให้ใครก็ตามที่ฆ่าโกลิอัทได้ สิ่งที่ดาวิดได้ยินทำให้เขางงมาก ถึงกะต้องถามซ้ำอีกครั้งนึง..ว่าถ้าใครฆ่าโกลิอัทได้..ซาอูลจะให้อะไรนะ
ตรงนี้..เด็กๆอย่าเข้าใจผิด..ว่าดาวิดกำลังตาโตกับรางวัลของซาอูล ที่เขาถามซ้ำเพราะดาวิดคิดว่า..เฮ้ย รางวัลมากมายขนาดนี้ใครได้ยินก็น่าจะอยากได้ แล้วดาวิดก็มองว่าการฆ่าโกลิอัทอ่ะ..ง่ายยิ่งกว่าปลอกกล้วยซะอีก..เพราะไร
ก็ฟิลิสเตียคนนี้..มันสาปแช่งพระเจ้า เพราะงั้นพระองค์ไม่เอามันไว้แน่ ขอแค่กล้าออกไป..ใครก็ได้ ต้องชนะอยู่แล้ว แล้วทำไม..ไม่มีใครกล้าซักคน ดาวิดไม่เข้าใจจริงๆถึงได้ถามซ้ำแล้วซ้ำอีก
ดู1ซมอ.17:28-30 พอ”เอลีอับ” พี่ชายคนโต เห็นดาวิดพูดเรื่องโกลิอัทกับทหารคนอื่น ก็โกรธ.(จะโกรธทำไมเนี่ย) เขาหาว่าดาวิดคิดชั่ว หน้าที่ตัวเองมีไม่ทำ..ทะเยอทะยาน..อยากจะมารู้เรื่องในสนามรบ ดาวิดเลยบอกว่า..เขายังไม่ได้ทำไรเลยนะ แค่ถามคำเดียวเอง ที่มานี่ก็พ่อใช้มา..เอาข้าวมาให้เอ็งอ่ะแหละ แล้วเขาก็ไม่ได้ทิ้งงานด้วยเพราะฝูงแกะก็มีคนดูแทน
ดู1ซมอ.17:31-33 เราจะเห็นว่า..ดาวิดไม่ได้ท้อถอยกับคำเหยียดหยามของเอลีอับ (พี่ชายคนโต) แต่กลับยืนยันตามความเชื่อของตัวเอง..ว่าใครๆก็สามารถปราบโกลิอัทได้ แต่ในเมื่อไม่มีใครกล้าทำ ดาวิดก็เลยอาสาที่จะทำเอง
พอซาอูลรู้ข่าวก็ให้คนมาตามดาวิด ดาวิดบอกซาอูลว่า..”อย่าให้จิตใจของผู้ใดฝ่อไปเพราะชายคนนั้นเลย..” คือดาวิดพูดลักษณะให้กำลังใจ ทุกๆคนรวมทั้งซาอูลด้วย..ว่าอย่ากลัวลิอัทเลย เดี๋ยวเขาจะจัดการให้ แต่ซาอูลก็เตือนดาวิดว่า..”เจ้าสู้โกลิอัทไม่ได้หรอก เพราะเขาเป็นทหารที่ชำนาญการรบ ส่วนดาวิดอ่ะ..ยังเด็กแล้วก็ขาดประสบการณ์” คือ ซาอูลก็พูดอย่างถนอมน้ำใจ ไม่ได้ติว่าดาวิดตัวเล็ก..ดูแล้วเทียบโกลิอัทไม่ได้ แต่ซาอูลพูดอย่างมีน้ำใจ
ดู1ซมอ.17:34-36 ดาวิดไม่เปลี่ยนใจ..ยืนยันขอไปสู้กับโกลิอัท เขาอธิบายให้ซาอูลฟังว่าเขาเคยดูแลแกะให้พ่อ..เวลาที่สิงโตหรือหมีมาเอาแกะไป เขาก็จะไล่ตาม..ไปเอาลูกแกะกลับมา ดาวิดยังยืนยันด้วยว่า..เขาเคยฆ่าสัตว์ร้ายพวกนั้นมาแล้ว ไม่ใช่ตัวเดียว..หลายตัว (เพราะในฉบับภาษาอังกฤษ จะเป็นพหูพจน์) ข้อที่36 ดาวิดบอกว่า..”ฟิลิสเตียผู้มิได้เข้าสุนัตคนนี้ก็เป็นเหมือนสัตว์ร้ายตัวนึง..”
ดาวิดต่างจากคนอื่น เพราะเขา”มีความเชื่อ” และความเชื่อก็ทำให้ดาวิดมองสถานการณ์นี้..เป็นเหมือนเรื่องปกติที่เขาเจอในชีวิตประจำวันตอนเลี้ยงแกะ ไม่ใช่เรื่องแปลกใม่หรือน่าตกใจ เพราะไร..
โกลิอัทแข็งแรง ฆ่าคนได้ใช่มะ สิงโตกับหมีก็เหมือนกัน...
แล้วโกลิอัทก็ยังปากเสีย ดูหมิ่นพระเจ้า แล้ววันๆก็เอาแต่ขู่คนอิสราเอล..เหมือนสิงโตกับหมีที่เจอทีไรมันต้องคำรามใส่ทุกที แต่ทั้งหมดนี้..ดาวิดก็เคยฆ่ามาหมดละ เพราะพระเจ้าช่วยเขา (ดาวิดเชื่อ) เพราะฉะนั้น ในสายตาของดาวิด..โกลิอัทก็เหมือนสัตว์ร้ายตัวนึงเท่านั้นเอง...แล้วทำไมเขาต้องกลัวด้วย
ดู1ซมอ.17:38-40 ในที่สุดซาอูลก็โอเค..ยอมให้ดาวิดออกไปสู้กับโกลิอัท แต่ที่น่าสังเกตุก็คือ..ข้อที่38 บอกว่า..ซาอูลลงทุนเอาชุดนักรบของตัวเองให้ดาวิดใส่ อะไรจะใจดีขนาดนั้น ..เพราะเครื่องทรงของกษัตริย์..มันไม่ใช่จะผลัดกันใส่ได้ง่ายๆ หรือซาอูลคิดอะไรในใจ..มองไกลๆคนจะคิดว่าเขาออกไปสู้เองรึเปล่า (อันนี้ก็ไม่รู้นะ) แต่พอดาวิดใส่แล้ว..ก็อึดอัด เพราะไม่ชินกะชุดนักรบ..เลยถอดออก แล้วเลือกที่จะไปสู้กับโกลิอัทด้วยอาวุธบ้านๆที่เขาถนัด ข้อที่40 บอกว่า..เขาหยิบหินห้าก้อนใส่ย่าม ในมือถือสลิง..แล้วก็ตรงไปหาโกลิอัทเลย...
ดู1ซมอ.17:41-43 โกลิอัทคงช็อคเล็กๆ..ตอนที่เห็นหน้าคู่ต่อสู้ พอหายงงก็เริ่มใช้ไม้เดิม..คือพูดจาดูถูกข่มขวัญดาวิด เพราะพระคำภีร์บอกว่า “ดาวิดเป็นคนหนุ่ม ผิวแดงๆ รูปร่างงามน่าดู..” คงใกล้เคียงกะบอยแบรนด์เกาหลีสมัยนี้.. ข้อที่43 โกลิอัทพูดว่า..”เห็นข้าเป็นหมารึไง ถึงได้ถือไม้เท้ามา..” เพราะไร..เวลาที่เราจะไล่หมา ก็จะถือไม้อันนึงไว้คอยไล่มัน โกลิอัทคงรู้สึกเหมือนโดนตบหน้าที่อิสราเอลส่ง”บอยแบรนด์มาสู้กะเขา” อย่างงี้มันดูถูกกันชัดๆ โกลิอัทก็เลยด่าดาวิดเป็นการใหญ่..
ดู1ซมอ.17:44-46 โกลิอัทโกรธจัด..ที่เห็นอิสราเอลส่งเด็กเมื่อวานซืนออกไปสู้กับเขา..ก็เลยขู่ว่าจะฆ่าดาวิด..แล้วเอาศพไปเป็นอาหารนกกับสัตว์ในทุ่งนา คิดว่าดาวิดจะกลัวมะ..ไม่เลย เขาบอกโกลิอัทว่า.youอาจจะมีอาวุธครบมือ..แต่เขาจะสู้ในนามของพระเจ้าแห่งอิสราเอล..แล้วคอยดู..วันเนี้ยเขาจะตัดหัวโกลิอัท..แล้วคนที่จะต้องเป็นอาหารของนกกับสัตว์ป่า ก็คือพวกฟิลิสเตีย..ไม่ใช่เขา
คำพูดของดาวิดทำให้ทุกคนเห็นว่า..การสู้ครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว เขาทำเพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า แล้วชัยชนะก็มาจากพระองค์ โดยพระองค์และเพื่อพระองค์ เพราะข้อที่46 ดาวิดบอกว่า.. ”เพื่อทั้งภิภพจะได้รู้ว่า มีพระเจ้าพระองค์หนึ่งในอิสราเอล” แต่น้าตุ๊กขอแปลว่า..เพื่อที่ทุกคนจะได้รู้ว่า มีพระเจ้าของอิสราเอลเท่านั้นที่ยิ่งใหญ่สูงสุด..
ดู1ซมอ.17:48-49 พอโกลิอัทเริ่มเคลื่อนไหว ดาวิดก็วิ่งเข้าใส่เลย..ไม่รอให้เขามาถึงตัว วิ่งไปก็หยิบหินออกมาก้อนนึงใส่สลิง แล้วยิงไปที่หัวของโกลิอัท ถึงอาวุธจะไม่ได้หรูหราอลังการ..เพราะมันเป็นแค่หนังสติ๊ก ดูแล้วก็ไม่น่าประทับใจเท่าไหร่ (ไม่เหมือนพวกที่ยิงอาพีจี) แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็ทำให้โลกต้องตะลึง เพราะมันฝังเข้าไปในกะโหลก ตัดจุดตาย..ไม่พลาดเพราะฉะนั้น เราอย่าไปคิดว่าการช่วยกู้ของพระเจ้า จะต้องมาพร้อมกับวิธีที่อัศจรรย์พันลึก หรือต้องมีอะไรที่มันเหนือธรรมชาติ..ดูหลอนๆแรงๆ..ไม่ใช่ เพราะพระเจ้าสามารถใช้วิธีง่ายๆได้เสมอ..ในการช่วยคนของพระองค์
อย่างดาวิดเนี่ย..พระเจ้าทรงประทานสติปัญญาให้ เขาถึงรู้จักใช้ความแม่นยำกับความเร็วเอาชนะความแข็งแกร่งของโกลิอัท ซึ่งถ้าเขาเชื่อซาอูล..ใส่ชุดเกราะเต็มยศออกไปสู้..ก็คงจะรุกฆาตไม่ได้เร็วขนาดนี้ หรืออาจจะแพ้ไปเลยก็ได้
ดู1ซมอ.17:50-52 พอโกลิอัทล้มลงดาวิดก็รีบวิ่งเข้าไปตัดหัวโกลิอัท แค่นั้นแหละคนฟิลิสเตียก็วงแตก เพราะไร..ยอดทหารของเขาตายซะแล้ว พระคำภีร์บอกว่า..วันนั้นคนอิสราเอลไล่ฆ่าพวกฟิลิสเตีย ไปจนถึงเมืองกัทและเมืองเอโครน ศพของพวกฟิลิสเตียตายเกลื่อนตั้งแต่สนามรบไปจนถึงประตูเมือง
นี่คืออัศจรรย์ของพระเจ้าแห่งอิสราเอล..เพราะจริงๆแล้วอิสราเอลไม่มีอะไรสู้เขาได้เลย เหมือนพวกเราที่ไม่มีวันจะสู้กับความบาปได้เลย เด็กๆเห็นมะ..ว่าสองเรื่องนี้มันภาพเดียวกัน แล้วพระเจ้าก็ส่งดาวิดมาช่วยอิสราเอล เหมือนที่ส่งพระเยซูคริสต์มาช่วยเรา ด้วยรูปแบบที่เรียบง่ายประมาณกัน เรามีหน้าที่แค่ต้อง”เชื่อ”ในพระองค์..เท่านั้นเอง

บทที่18 ความสัมพันธ์ระหว่างโยนาธาน กับ ดาวิด
ดู1ซมอ.18:1-4 “จิตใจของโยนาธานก็ผูกสมัครรักใครกับจิตใจของดาวิด..” เพราะอะไร..พระคำภีร์ไม่ได้บันทึกไว้ชัดเจน แต่ส่วนตัวแล้ว..น้าตุ๊กคิดว่าโยนาธานคงสัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณที่มีความเชื่อของดาวิด..เพราะโยนาธานเองก็มีพระเจ้าอยู่เต็มขนาดเหมือนกัน..มันก็เลยจูนกันติด (อย่างไม่ต้องมีเหตุผลทางโลก) มันเป็นเรื่องฝ่ายจิตวิญญาณ คนที่มีพระเจ้าด้วยกันถึงจะสัมผัสได้ แล้วจริงๆเด็กๆก็น่าที่จะต้องเคยมีประสบการณ์อย่างงี้..บ้างเหมือนกัน ตัวอย่างง่ายๆก็เช่น บางทีเราอาจจะรู้สึกผูกพันกับเพื่อนที่โบสถ์มากกว่าญาติบางคนซะอีก..รู้สึกรัก..รู้สึกเป็นห่วงอย่างไม่มีเหตุผล ก็เพราะเราเป็นกายเดียวกันในพระคริสต์ จิตวิญญาณมันเลยสื่อถึงกัน..ผูกพันกัน เหมือนดาวิดกับโยนาธาน (อย่าไปคิดเลอะเทอะเรื่องรักผิดประเภทนะ..เพราะบางคนอ่านแล้วรู้สึกว่าแหม..ทำไมรักกันดื่มด่ำขนาดนั้น น้าตุ๊กจะบอกให้..ว่าจริงๆแล้ว คริสเตียนควรจะรักกันอย่างจริงใจ เพราะเรารักแบบพระเจ้า เพราะฉะนั้น..ไอ้เรื่องรักผิดประเภทอ่ะ.ไม่ใช่แน่นอน) ข้อที่ 3 บอกว่า..”โยนาธานรักดาวิด อย่างกับรักชีวิตของตัวเอง” ที่เขาเรียกว่า”เพื่อนตายไง” ข้อที่4 ยังบอกด้วยว่า..โยนาธานถอดเสื้อคลุมของตัวเองให้ดาวิดไปพร้อมทั้งเครื่องประดับแล้วก็อาวุธของเขาด้วย..ทำอย่างงี้แปลว่าไร
ก็แปลว่าโยนาธานรู้แล้วว่า..ดาวิดคือคนที่พระเจ้าเลือกให้เป็นกษัตริย์คนต่อไป เพราะเสื้อคลุมเป็นสัญญลักษณ์ของสิทธิอำนาจ ทั้งเสื้อคลุมของโยเซฟ เสื้อคลุมของอาโรนที่ส่งต่อให้เอเลอาร์ซาร์ เสื้อคลุมของเอลียาห์ที่ทิ้งลงบนตัวเอลีชา ทั้งหมดนี้มีความหมายอย่างเดียวกัน..คือเป็นสัญญลักษญ์ของการส่งต่อสิทธิอำนาจที่มาจากพระเจ้า
ยังมีบันทึกชื่ออัคคาเดียน..ที่เขียนเรื่องราวในศตวรรษที่13 เกี่ยวกับกษัตริย์ที่หย่าร้างกับภรรยา..ว่าถ้ามกุฎราชกุมารเลือกที่จะอยู่กับแม่..ก็ต้องสละราชบัลลังก์ แล้วก็ต้องแสดงสัญญลักษณ์ของการสละตำแหน่งโดยการทิ้งเสื้อคลุมไว้ที่บัลลังก์ด้วย เพราะฉะนั้น การที่โยนาธานมอบเสื้อคลุมให้ดาวิด ก็เลยเป็นสิ่งที่ทำให้เราเห็น..ว่าเขายินดีเปิดทางให้กับคนที่พระเจ้าเลือก(ด้วยความเต็มใจ) เห็นมะ..โยนาธานสำแดงความเชื่อฟังอีกละ..เพราะอย่างเงี้ยะ เขาถึงสัมผัสดาวิดได้..รู้สึกถูกใจ เพราะดาวิดก็มีพระเจ้าเต็มขนาดเหมือนกัน
น้าตุ๊กขอฝากไว้แค่นี้ก่อนนะคะ จนกว่าจะพบกันใหม่
ขอพระเจ้าอวยพรค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น