วันจันทร์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2553

หนังสือ1ซามูเอล ครั้งที่ 9 อาทิตย์ที่ 11:4:2010

ดู1ซมอ.14:24-27 ข้อนี้พระคำภีร์กำลังพูดถึงคำสาบานที่ไม่สร้างสรรค์ของซาอูลทำไมถึงบอกว่าไม่สร้างสรรค์..เพราะซาอูลบังคับทหารอิสราเอลให้สาบานว่าจะไม่กินอะไรเลยจนกว่าจะค่ำ..ทหารที่กำลังสู้รบอย่างเข้มข้น เด็กๆคิดดู..ว่าคำบนบานอันนี้มันสมเหตุผลมั๊ย เออ..ถ้าเราจะอดอาหาร..เพื่ออธิฐานอย่างเจาะจงในเรื่องใดเรื่องหนึ่งก็ว่าไปอย่าง เพราะมันก็ไม่ได้ฝืนธรรมชาติของร่างกายซักเท่าไหร่..อย่างมากก็นั่งหลับเพราะอ่อนแรง แต่ซาอูลดันไปสั่งทหารอิสราเอลที่กำลังรบจนเหงื่อท่วม..ให้อดอาหารจนกว่าจะค่ำ??
ข้อที่25 บอกว่า..พอคนอิสราเอลตามพวกฟิลิสเตียเข้าไปในป่า..เจออะไร น้ำผึ้งไหลย้อยอยู่เต็มไปหมด แล้วกินได้มะ..ไม่ได้ เดี๋ยวผิดคำสาบานที่ซาอูลบนไว้กับพระเจ้า
ข้อที่27 บอกต่อไปว่า..แต่โยนาธานไม่รู้เรื่องคำสาบาน เลยกวาดน้ำผึ้งใส่ปากซะเลย แล้วเป็นไง..พระคำภีร์บอกว่า..”ตาของเขาก็แจ่มใสขึ้นทันที” เพราะความหวานของน้ำผึ้งเป็นพลังงานประเภทที่ร่างกายสามารถดูดซึมเอาไปใช้ได้ทันที โยนาธานถึงรู้สึกสดชื่นขึ้นอย่างรวดเร็ว
ดู1ซมอ.14:29-30 โยนาธานไม่รู้เรื่องคำสาบานของพ่อเพราะไร..ก็มัวแต่ไปสู้กับพวกฟิลิสเตีย ใจก็คิดแต่อยากจะกู้ชาติอย่างเดียว เลยไม่ทันได้อยู่ฟังคำบนบานของซาอูล..(ที่เกิดจะเฮี้ยนลุกขึ้นมาตั้งสัตย์ปฎิญาณตอนหน้าสิ่วหน้าขวาน)..อยู่ตั้งนานอะไรก็ไม่ทำ พอลูกชายจุดกระแสขึ้นมาซาอูลก็เกิดจะฮึดขึ้นมามั่ง การบนบานไม่ให้ทหารกินข้าวเนี่ย..ซาอูลอาจจะอ้างว่าไม่อยากให้เสียเวลา..แต่จริงๆแล้วไม่ใช่หรอก ยังไงทุกคนก็ดูออก..ว่าซาอูลตั้งกฎคำสาบานอย่างงี้ทำไม..เขารู้สึกเสียหน้าไง..เพราะตอนนี้มันชัดเจนแล้ว..ว่าโยนาธานคือคนที่จุดประกายความสำเร็จนี้ให้อิสราเอล..ไม่ใช่เขา ซาอูลเลยต้องการที่จะ ”สำแดงจุดยืนอะไรซักอย่าง..เพื่อกู้หน้าตัวเอง” แต่ด้วยความสิ้นคิด..จุดยืนของเขาเลยสำแดงออกมาด้วยการบังคับไม่ให้ทหารกินข้าว..(เน้น..ทหารที่กำลังต้องใช้พลังงานอย่างมากในสนามรบ)
แต่โอเค..การหยุดกินอาหารก็คงทำให้เสียเวลาเหมือนกัน ถ้าต้องมานั่งเตรียมกันเหมือนมื้อปกติ..แต่ดูอาหารที่พระเจ้าเตรียมไว้ให้สิ ข้อที่ 25 บอกว่าพอคนอิสราเอลไล่ตามฟิลิสเตียเข้าไปในป่า..มีอะไร..น้ำผึ้งไหลย้อยอยู่เต็มไปหมด..มันต้องเสียเวลาเตรียมซะที่ไหน..โยนาธานคงใช้เวลาไม่ถึงนาทีด้วยซ้ำ..ตอนที่เขากวาดน้ำผึ้งเข้าปากอ่ะ สมัยนั้นไม่มีหรอกฟาสต์ฟูด..แต่อาหารจานด่วนที่พระเจ้าเตรียมให้ก็วิเศษสุดแล้ว..หยิบใส่ปากก็สดชื่นเลย
ข้อที่29 โยนาธานถึงบอกว่า..”บิดาของข้ากระทำให้แผ่นดินลำบาก..เพราะขนาดเขาได้กินน้ำผึงแค่นิดเดียว..ก็ยังรู้สึกสดชื่นเลย แล้วคิดดูถ้าทหารได้กินเต็มที่..จะดีแค่ไหน
ดู1ซมอ.14:31-33 คนอิสราเอลไล่ตามพวกฟิลิสเตียไปถึงอัยยาโลน จากมิคมาชถึงอัยยาโลนก็ประมาณ 40 กิโล ทหารไม่ได้พักเลยแล้วก็ไม่ได้กินอะไรด้วย พอไปเจอแกะกับวัวที่ศัตรูทิ้งไว้ ก็เลยฆ่ากินกันอย่างไม่ถูกต้อง..คือกินพร้อมเลือด ซึ่งมันผิดกฎของพระเจ้าในสมัยนั้น แล้วทั้งหมดนี้ก็เพราะความไม่ค่อยฉลาดของซาอูล
แต่พอมีคนไปบอกเรื่องนี้กับซาอูล ไม่ใช่แค่ไม่สำนึกนะ..ว่าเป็นความผิดของตัวเอง ยังมีหน้าไปโทษทหารที่หิวจนตาลายอีก..ว่าทรยศพระเจ้า น้าตุ๊กขอยืนยันว่าทหารไม่ผิด..เพราะพระเจ้าไม่เคยโปรดให้มนุษย์ต้องทำอะไรที่ฝืนธรรมชาติจนเกินกำลัง เพราะฉะนั้น เด็กๆจำไว้ได้เลยว่า..ถ้าพฤติกรรมไหนหรือความเชื่อไหน..ที่ดูแล้วมันวิปริต ผิดธรรมชาติมากๆ อันนั้นไม่ได้มาจากพระเจ้าแน่นอน..เพราะอัศจรรย์เป็นของพระองค์..หมายความว่า ถ้าพระเจ้าจะให้มีอัศจรรย์หรือให้มีเรื่องพิเศษที่เกินกำลังมนุษย์เกิดขึ้น..พระองค์จะกำหนดเอง ไม่ใช่มาจากสติปัญญาอันโง่งมของมนุษย์ พระองค์อาจสำแดงผ่านมนุษย์แต่ไม่ใช่ลักษณะอย่างซาอูล..ที่พูดเอง..เออเอง เพราะอันนี้พระเจ้าไม่ได้คอนเฟิร์ม
ดู1ซมอ.14:34-35 ซาอูลแก้ไขสถานการณ์..การกินผิดประเภท ที่ผิดกฎบัญญัติของทหารด้วยการสร้างแท่นบูชาถวายพระเจ้า และข้อที่ 35 บอกว่า..อันนี้เป็นแท่นแรกที่ซาอูลสร้างถวายพระเจ้า แล้วก็สร้างเพื่อไถ่บาปให้ทหารอิสราเอล..ที่ทำผิด(เพราะความสิ้นคิดของตัวเอง) ยังไงมันก็คนละอารมณ์กับแท่นบูชาของอับราอัม อิสอัค ยาโคบ โยชูวา แล้วก็ซามูเอล เพราะทุกคนที่พูดมา..เขาสร้างเพื่อระลึกถึงพระคุณพระเจ้า ไม่เหมือนซาอูลที่สร้างเป็นแท่นแรก..เพื่อลดความเสียหายที่ทหารทำบาป นี่ถ้าไม่กลัวความผิดเขาจะสร้างมั๊ยเนี่ย???
ดู1ซมอ.14:37-38 พอมื้ออาหารที่ผิดบาปกับการสร้างแท่นบูชาผ่านไปแล้ว ซาอูลก็อยากไปโจมตีพวกฟิลิสเตียต่อ แต่พวกปุโรหิตอยากให้เขาปรึกษาพระเจ้าก่อน..ซาอูลก็เลยโอเคให้ปุโรหิตถามพระเจ้าตามวิธีของสมัยนั้น..แต่พระเจ้าไม่ตอบ พอพระเจ้าไม่ตอบปุ๊บ..ซาอูลสรุปทันที..ต้องมีคนทำผิด พูดจริงๆเลยนะ..ถ้าเป็นน้าตุ๊กๆจะคิดว่า..เอ๊ะ!หรือชั้นขอผิด..พูดอะไรผิดที่ไม่ใช่น้ำพระทัย แล้วก็จะอยู่เฉยๆรอก่อน..ว่าพระเจ้าจะว่าไง (อันนี้ไม่ได้บอกว่าตัวเองดีนะ..แต่ธรรมชาติของเราเป็นอย่างงี้จริงๆ) ส่วนซาอูลไม่เคยสงสัยตัวเอง..ไม่เคยรอ แต่จะตัดสินทันทีและชี้ความผิดไปที่คนอื่นเสมอ
ดู1ซมอ.14:39 แล้วข้อนี้ซาอูลก็พูดว่า “แม้ความผิดอยู่ที่โยนาธาน..” แปลว่าไร สงสัยโยนาธานไง..นี่ยังไม่ได้พิสูจน์อะไรเลยนะ..จะเจาะจงคนผิดได้ไง แล้วyou เป็นกษัตริย์นะ..จริงๆแล้วมามั่วอย่างงี้ไม่ได้ แต่ต่อให้โยนาธานผิดจริง..แล้วรู้ยังว่าเขาทำไรผิด..ยังไม่รู้..แต่คาดโทษเขาถึงตายไปแล้ว..เพราะในข้อที่39 ซาอูลพูดว่า..”ถ้าโยนาธานทำผิด..เขาต้องตาย..” พระคำภีร์บอกต่อไปว่า “ไม่มีใครเออ..ออ กับซาอูลซักคน ทุกคนเงียบกริบ” เพราะไม่เห็นด้วยที่เขาเพ่งเล็งลูกตัวเองขนาดนั้น
ดู1ซมอ.14:40-42 แล้วซาอูลก็ขอให้พระเจ้าสำแดงตัวคนผิดโดยการจับฉลาก ซาอูลแบ่งอิสราเอลออกเป็นสองฝ่าย คือประชาชน..ฝ่ายนึง แล้วอีกฝ่ายนึง คือ เขากับโยนาธาน ครั้งแรกจับถูกเขากับโยนาธาน..ประชาชนรอดไป พอครั้งที่สองจับได้..โยนาธาน เพราะปฏิญาณไว้ยังไงก็ต้องเป็นตามนั้น ไม่ว่าจะพูดไปด้วยความโง่แค่ไหน..มนุษย์ก็ต้องรับผิดชอบสิ่งที่สาบานไว้กับพระเจ้าเสมอ ซึ่งในกรณีนี้..ถ้าซาอูลรักลูก เขาต้องเจ็บปวดแน่นอน..
เด็กๆคงจำได้..เหมือนเยฟธาห์ ที่บนว่า..ถ้าเขารบชนะ จะสังเวยชีวิตคนที่ออกจากบ้านมารับเขาเป็นคนแรก ซึ่งกลายเป็น..ลูกสาวตัวเอง เยฟธาห์เลยต้องเสียลูก..เพราะการสาบานที่ขาดซึ่งวุฒิภาวะ แล้วเขาก็เจ็บปวดมาก
พระเยซูก็เคยสอนเรื่องนี้ไว้ในหนังสือมัทธิว เด็กๆเปิดไปดูมธ.5:34-37
พระเยซูบอกว่า..อย่าสาบานเลย ไม่ว่าจะอ้างฟ้าสวรรค์หรือแผ่นดินโลกก็อย่าทำ แล้วก็อย่าสาบานโดยอ้างถึงศีรษะของตนด้วย (เอาหัวเป็นประกันเลย อะไรประมาณเนี้ย) เพราะมนุษย์จะทำให้ผมตัวเองขาวหรือดำไปซักเส้นนึงก็ยังไม่ได้ (บางคนบอกย้อมได้..อันนั้นไม่เกี่ยว..เพราะใช้ตัวช่วย) แต่ความหมายของพระเยซูก็คือ..มนุษย์ไม่ได้มีฤทธิ์อำนาจอะไร..ที่จะเอามาค้ำประกันในคำสาบานของตัวเองได้เลย แล้วก็ไม่ได้ฉลาดรอบคอบมากมายอะไร ช่วยตัวเองก็ยังไม่ได้ ถ้าขืนสาบานอะไรโง่ๆออกไป..แล้วทำไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องมานั่งรับผลแห่งความปากพล่อยของตัวเอง เพียงแต่ผลที่ซาอูลได้รับเนี่ย..มันไปเข้าทางเขาพอดี ดูเหมือนอยากจะกำจัดลูกตัวเองอยู่แล้ว เพราะรู้สึกจะทำอะไรเกินหน้าเกินตาพ่อ “แต่ด้วยความสัตย์ซื่อเที่ยงธรรมของพระเจ้า”..ยังไงโยนาธานก็คือผู้ที่ต้องโดนฉลาก เพราะเขาทำผิดในสิ่งที่ซาอูลสาบานไว้กับพระเจ้าจริงๆ (ถึงจะโดยไม่รู้เรื่องและไม่ตั้งใจก็ตาม) แต่กฎก็คือกฎ..พระเจ้าไม่เคยต้องเปลี่ยนกฎของพระองค์เพื่อใคร ถ้าพระองค์จะทรงกู้ผู้ใดไว้ ก็จะสำแดงได้ด้วยทางอื่นเสมอ..ไม่เคยต้องเปลี่ยนกฎ! (oh!my god,how smart you are...) นี่คือความยิ่งใหญ่และสง่างามแบบสุดๆ
ดังนั้น..พระเยซูถึงสอนว่า “ถ้าอันไหนจริงก็ว่าจริง อันไหนไม่ใช่ก็บอกว่าไม่ใช่ พูดแค่นี้พอแล้ว ไม่ต้องสาบานหรือรายละเอียดเยอะ ถ้าพูดมากไป..นั่นก็มาจากความชั่ว เพราะอะไร..ก็เพราะคนที่คิดชั่วหรือโกหกจะพูดสั้นไม่ค่อยได้..เพราะกลัวคนไม่เชื่อ เขาเลยต้องเป็นประเภทที่ชอบชักแม่น้ำทั้งห้ามาบรรยาย จะสั้นๆนิ่งๆไม่เป็น..(ลองสังเกตดูสิ..ว่าจริงมะ)
ดู1ซมอ.14:43-45 พอโยนาธานโดนฉลาก ซาอูลถามเลย”เจ้าไปทำไรมา” อ้าว..ก่อนหน้านี้คาดโทษตายเขาไปแล้วไม่ใช่เหรอ นึกว่ารู้แล้วซะอีก..ว่าเขาไปทำอะไรมา ส่วนโยนาธานก็สารภาพทันที..ว่าเขากินน้ำผึ้งที่ติดปลายไม้มา..กินโดยที่ไม่รู้ว่าพ่อสั่งห้าม แล้วโยนาธานก็บอกเลย”เขายอมตาย” โยนาธานไม่แก้ตัวซักคำ ฝ่ายซาอูลก็ไม่รอช้า..ยืนยันทันที. ”โยนาธานเจ้าต้องตาย” (นี่ถ้าน้าตุ๊กเป็นโยนาธานนะ..จะถามซาอูลว่า..นี่แกมีอะไรในใจกะชั้นป่าวเนี่ย)
แต่ในที่สุดประชาชนก็หมดความอดทน หลังจากที่ปิกปากเงียบมานาน ข้อที่25บอกว่า..พวกเขาออกปากคัดค้านซาอูล เพราะไม่เห็นด้วย..ที่โยนาธานต้องรับโทษถึงตาย ทุกคนรู้อยู่แก่ใจ..ว่าโยนาธานคือคนที่”ลุกขึ้น”ทำให้อิสราเอลได้ชนะ..แล้วทำผิดแค่นี้ต้องถึงตายเลยเหรอ ประชาชนที่ทนดูซาอูลเล่นละครอยู่นาน มาตอนนี้..ทนไม่ไหวแล้ว พวกเขายอมออกหน้าเพื่อรักษาชีวิตโยนาธาน ซาอูลก็เลยอดฆ่าลูกตัวเอง การรบกับฟิลิสเตียก็เลยต้องครึ่งๆกลางๆอีก..ความผิดใครไม่สำคัญ มันสำคัญตรงที่เรียนเรื่องนี้แล้วเราได้อะไรมั๊ย
มาถึงบทส่งท้ายที่พูดถึงความสำเร็จของซาอูล
ดู1ซมอ.14:49-52 พระคำช่วงนี้บอกเล่าถึงวงศ์วานของก.ซาอูล ทั้งพ่อ..ลูก..มเหสีรวมทั้งทหารคนสำคัญที่มีบทบาทในสมัยของเขา ข้อที่53 พระคำภีร์ยืนยัน..ตลอดสมัยของก.ซาอูลเขาทำสงครามกับพวกฟิลิสเตียบ่อยมาก แล้วยังสงครามกับคนอัมโมน (ที่เราเรียนกันไปแล้ว) และเดี๋ยวตอนหน้าก็จะเป็นสงครามกับคนอามาเลข พระคำตอนนี้กำลังชี้ให้เราเห็นอะไร..ยังไงซาอูลก็ต้องมีข้อดี ถ้าพระเจ้าเลือกใครแล้ว..คนนั้นต้องมีจุดที่พระองค์ใช้ได้ อย่างซาอูลอาจจะขาดคุณธรรม..ไม่มั่นคงในความเชื่อ แต่ความโผงผาง ดุเดือด เลือดพล่านของเขา..มันอาจจะเป็นประโยชน์ในสนามรบก็ได้ แล้วพระเจ้าก็ทรงใช้เขาเพราะจุดนี้
เพราะฉะนั้น ความผิดพลาดหรือความผิดบาปของซาอูลกับอีกหลายๆคนในพระคำภีร์..ไม่ได้ถูกบันทึกไว้เพื่อให้เราเกลียดชังเขานะ แต่พระเจ้าบันทึกไว้เพื่อสอนและเตือนเรา..จะได้ไม่หลงผิดในแบบเดียวกัน เพราะจริงๆแล้ว เรื่องอย่างงี้”มันเกิดได้กับทุกคน” ถ้าเราไม่ระวัง
บทที่15 ความไม่เชื่อฟังและคำบัญชาถอดถอนก.ซาอูล(อีกครั้ง)
ดู1ซมอ.15:1-3 ข้อนี้เป็นคำสั่งจากพระเจ้า..ให้ซาอูลกวาดล้างชาวอามาเลขให้สิ้นซาก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกนะ..ที่พระเจ้าสั่งให้ทำลายคนชาตินี้แต่พระองค์ทรงบัญชาหลายครั้ง มีบันทึกไว้ทั้งในสมัยอพยพ กันดารวิถี แล้วก็เฉลยธรรมบัญญัติด้วย
หลายคนคงสงสัย..ว่าทำไมดูโหดร้ายจัง เพราะในข้อที่3 บอกว่า..”จงฆ่าเสียทั้งผู้ชาย ผู้หญิง ทารก รวมถึงสัตว์เลี้ยงด้วย” ที่ต้องสั่งให้ฆ่าล้างเผ่าพันธ์ขนาดนี้เพราะชนชาตินี้ชั่วร้ายมาก และความโหดเหี้ยมถ่ายทอดกันรุ่นสู่รุ่น หมายความว่า คนรุ่นหลังๆโตขึ้นมาก็ชั่วร้ายหรือชั่วกว่าบรรพบุรุษซะอีก และตัวอย่างความร้ายกาจของคนอามาเลขคือ..
ดู1ซมอ.15:33 อากัก ก็คือ กษัตริย์ของคนอามาเลข ข้อนี้ซามูเอลพูดชัดเจน..ว่าชาวอามาเลขชอบทำให้ผู้หญิงไร้บุตร แปลว่าอะไร..ชอบฆ่าผู้เยาว์ไง อาจจะโดยเหตุผลทางความเชื่อ เช่น เอาเด็กมาเซ่นสังเวย หรือ แม้แต่ฆ่าโดยไม่มีเหตุผล มันก็ชั่วร้ายทั้งนั้น
แล้วสัตว์เลี้ยงล่ะ..ทำไมต้องฆ่า นักวิชาการบางคนสรุปว่า “มีโรคระบาดร้ายแรงในหมู่ชาวอามาเลข” ที่แพร่ไปถึงพวกสัตว์ด้วย..ซึ่งอาจจะเป็นกามโรค เพราะมันมีหลักฐานการตายด้วยโรคพวกนี้จริงๆในสมัยคานาอัน ก็เลยต้องฆ่าทุกอย่างที่หายใจได้ ส่วนของใช้ก็มีทั้งให้เอาไปลวกไฟแล้วใช้ได้ไปจนถึงต้องเผาทำลาย..อันนี้ก็แล้วแต่พระเจ้าสั่ง
ดู1ซมอ.15:7-9 เรื่องนี้เราเคยเรียนไปครั้งนึงแล้ว(ถ้าจำได้นะ) ข้อนี้บอกว่า..ซาอูลเอาชนะคนอามาเลขได้..แล้วก็ฆ่าประชาชนตายหมด แต่ในข้อที่9 บอกว่า..ซาอูลได้ไว้ชีวิตก.อากัก และสัตว์ที่ดีที่สุด มีแกะ โคตัวอ้วนพี คือเก็บแต่ของดีๆเอาไว้
ซาอูลทำถูกหรือผิด..เพราะพระเจ้าสั่งว่า “จงฆ่าเสียทั้งผู้หญิง ผู้ชาย เด็ก แล้วก็สัตว์เลี้ยงด้วย” ถ้าซาอูลไว้ชีวิตเด็กๆ..เราคงพอเข้าใจได้..ว่าเขาคงเป็นคนมีเมตตาถึงฆ่าเด็กไม่ลง แต่ซาอูลไม่มีปัญหาที่จะฆ่าผู้หญิงหรือเด็ก เพราะข้อที่8 บอกว่า..ซาอูลฆ่าจนเรียบไม่มีเหลือ แต่เว้นอากักไว้ ซาอูลไว้ชีวิตอากักทำไม....
เพราะสมัยนั้น การมีกษัตริย์ที่แพ้สงครามมาร่วมโต๊ะเสวยด้วย..ถือเป็นการประกาศศักดาอย่างหนึ่งของผู้ชนะ..จะฆ่าก็ไม่ฆ่าเก็บเอามาร่วมโต๊ะอาหารให้อึดอัดเล่นซะงั้น ดังนั้น..นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ซาอูลเก็บก.อากักเอาไว้ก็ได้ เพื่อประกาศชัยชนะของตัวเอง..เหมือนหัวเก้ง หัวกวางที่นายพรานโชว์ไว้ตามฝาผนัง ใครไปใครมาจะได้รู้ว่าข้าเก่ง..
ดู1ซมอ.15:10-11 ไม่บ่อยครั้งที่เราจะได้ยินพระเจ้าตรัสว่า”พระองค์เสียใจ”แต่ข้อนี้บอกชัดๆ..ถึงพระวจนะของพระเจ้าที่มาถึงซามูเอล “เราเสียใจแล้วที่ตั้งซาอูลเป็นกษัตริย์” ฟังแล้วรู้สึกยังไงบ้าง น้าตุ๊กฟังแล้วสะเทือนใจ (อย่างแรง) บอกไม่ถูกว่าเพราะอะไร..แต่พออ่านประโยคต่อไปถึงเข้าใจเพราะพระคำภีร์บอกว่า..”ซามูเอลก็โกรธเหมือนกัน เขาอธิฐานกับพระเจ้าคืนยันรุ่ง” อารมณ์ร่วมที่ตรงกันอย่างงี้ จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเรามีจิตวิญญาณที่เชื่อมโยงกับพระเจ้า คริสเตียนทุกคนน่าจะมี..ซามูเอลก็มี และเมื่อพระเจ้าทรงหัวเราะหรือเสียพระทัย..เราผู้ซึ่งมีจิตวิญญาณเชื่อมโยงกับพระองค์..ก็จะมีอารมณ์ร่วมไปกับพระองค์ด้วย พระเจ้าเป็นศูนย์กลาง เรากับซามูเอลและอีกหลายๆคนในพระคำภีร์เป็นส่วนหนึ่งของพระองค์ อารมณ์ที่ตรงกันมันจึงเกิดขึ้นผ่านทางพระเจ้าผู้ทรงเป็นศูนย์กลางของเรา
จิตวิญญาณที่ผูกพันลึกซึ้งกับพระเจ้า..เป็นประสบการณ์ส่วนตัวที่ทุกคนต้องสัมผัสเอง รูปแบบอาจจะแตกต่างกัน แต่ส่งผลที่เหมือนกันแน่นอน..คือเราจะรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของพระเจ้าและในพี่น้องของเราด้วย ขอให้เด็กๆติดสนิทกับพระเจ้าเสมอ แล้วพระองค์จะทรงสำแดงความรักและความผูกพันให้เราได้ประจักษ์อย่างแน่นอน
พบกันใหม่สัปดาห์หน้า ขอพระเจ้าอวยพรค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น