วันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

หนังสือ 2ซมอ.ครั้งที่13 อาทิตย์ที่13:2:2011

ดู2ซมอ.19:1-3 แทนที่ความชื่นชมยินดีจะแผ่กระจายในแผ่นดินอิสราเอล เพราะทหารฝ่ายดาวิดได้รับชัยชนะ..อับซาโลมก็ตายแล้ว ข้อนี้ บอกว่าบรรดานักรบผู้กล้าหาญของดาวิดกลับต้องเดินคอตกย่องเข้า..ย่องออกจากเมืองเหมือนไปทำความผิดอะไรมา ตอนไปรบ..ก็ไปอย่างอึดอัดมาก เพราะดาวิดสั่งไว้ไม่ให้แตะต้องอับซาโลม ไม่รบก็ไม่ได้..เพราะมันเป็นหน้าที่ พอชนะกลับมา ดาวิดกลับเอาแต่ร้องไห้..พวกทหารเลย..งง ชีวิต ไม่รู้ว่าทำถูกหรือทำผิดที่อุตส่าห์ไปเสี่ยงตายเพื่อประเทศชาติกับดาวิด

ดู2ซมอ.19:5-6 “วันนี้ฝ่าพระบาทได้ทำให้ทุกคนต้องละอาย” เพราะดาวิดแสดงออกว่า..เขารักศัตรูมากกว่าประเทศชาติและทุกๆคนที่อุตส่าห์ยอมตายเพื่อเค้า ถึงศัตรูจะเป็นลูกเขาเอง แต่ลูกคนนี้..มันจะฆ่าพ่อตัวเอง อับซาโลมน่าจะได้รับโทษตั้งแต่ที่เขาฆ่าอัมโนนแล้ว..แต่ดาวิดก็ทำเฉย แล้ววันนี้ การที่อับซาโลมกบฎ..ตามฆ่าพ่อตัวเองก็คือผลของการไม่ลงวินัยเมื่อลูกทำผิด มาถึงตอนนี้ ดาวิดก็ยังจะไม่สนใจใยดีพวกทหาร..ข้าราชการที่ยอมตายเพื่อเขา.. ข้อที่ 6 โยอาบพูดต่อไปว่า “ต้องให้อับซาโลมยังอยู่ แล้วทหารของดาวิดตายทั้งหมดใช่มั๊ย..ดาวิดถึงจะพอใจ” งานนี้ อยากจะมอบช่อดอกไม้ให้โยอาบจริงๆ อยากจะให้ตั้งแต่ที่เขาฆ่าอับซาโลมแล้วล่ะ เด็กๆเห็นมั๊ยว่า..ถึงโยอาบจะไม่ใช่คนดีเท่าไหร่ มีความคดในข้องอในกระดูกอยู่มาก แต่พระเจ้าก็ยังใช้เขาได้อยู่ดี และครั้งนี้ โยอาบทำถูก..ที่กล้าเตือนดาวิด ถึงดาวิดจะเป็นกษัตริย์แต่ถ้าทำผิด..ก็ต้องยอมรับคำเตือน.. พวกเราก็เหมือนกัน..ที่จะต้องยอมรับเมื่อถูกเตือน

ดู มัทธิว 5:1-6 เด็กๆจะต้องเป็นคนที่”สอนได้..เตือนได้” เพราะความผิดพลาดหรือความบกพร่อง..ไม่ใช่เรื่องน่าอายหรือเลวร้ายอย่างให้อภัยไม่ได้ในสายพระเนตรพระเจ้า พระองค์ทรงรู้จักมนุษย์ดี..ว่ามนุษย์มีจุดอ่อนมากน้อยแค่ไหน เพราะพระองค์สร้างขึ้นมาเองกะมือ เพราะฉะนั้น พระเยซูถึงตรัสว่า “บุคคลใดรู้สึกบกพร่องฝ่ายวิญญาณ..หิวกระหายความชอบธรรม ผู้นั้นก็เป็นสุข” เพราะคนเหล่านี้จะเป็นคนที่สอนได้..เตือนได้ เนื่องจากยอมรับว่าตัวเองอ่อนแอ..บกพร่อง ไม่เคยคิดว่าฉันคือผู้ชอบธรรมหรือฉันดีพอแล้ว เด็กๆก็จำเป็นที่จะต้องเป็นคนที่สอนได้..เตือนได้..เพื่อที่เราจะถูกสร้างใหม่ให้งดงามกว่าเดิม แล้วเราก็ไม่ควรที่จะจำกัดด้วยว่า..ฉันจะยอมให้แค่บางคน..เตือนเท่านั้น ถ้าไม่ใช่คนนั้น..ไม่ใช่คนนี้ อย่าบังอาจมาเตือนฉัน..อย่าคิดอย่างงี้.......บางครั้ง ศัตรูหรือคนที่ไม่ชอบหน้าเรา อาจจะเป็นนักวิจารณ์ที่มีประโยชน์ที่สุดสำหรับเราก็ได้ เพราะไร..เขาจะกล้าพูดเรื่องที่บางครั้ง..เพื่อนสนิทหรือคนที่รักเราไม่กล้าพูด จริงมะ เพราะฉะนั้น เมื่อถูกเตือนหรือถูกตำหนิ จะโดยใครก็ตามก็ขอให้เด็กๆถ่อมใจลง..ถึงมันจะยากแต่ต้องทำ..รับฟัง..อธิฐานแล้วกลับหันสำรวจตัวเอง เปิดใจให้กว้างนิดนึง เพราะสุดท้ายภายใต้คำวิจารณ์ที่แสนจะเจ็บปวด..เราเองที่จะได้ประโยชน์

ดู2ซมอ.19:7-8 หลังจากที่ตำหนิดาวิด..ว่าเขาทำไม่ถูก ดาวิดกำลังให้ทุกคนเสียใจโดยไม่รู้ตัว แล้วโยอาบก็พูดเหมือนยื่นคำขาดว่า..”ขอฝ่าพระบาทจงลุกขึ้น..” ประมาณว่า พอแล้ว..หยุดร้องไห้ แล้วออกไปพูดชมเชยให้ทุกคนชื่นใจซะที ถ้าไม่อย่างงั้น..คืนนี้จะไม่มีทหารเหลืออยู่กับดาวิดเลยแม้แต่คนเดียว แล้วนี่จะเป็นเรื่องที่ร้ายแรงที่สุดเท่าที่ดาวิดเคยเจอมา ปรากฎว่า..ได้ผล ยังดีที่ดาวิดยังมีสติรับฟังคำพูดของโยอาบ..ยอมออกไปกล่าวต้อนรับพวกทหารที่ประตูเมือง ทั้งที่ไม่มีแก่ใจ..แต่ยังไงก็ยังออกไป

เหมือนทุกอย่างจะจบลงด้วยดีเพราะตอนนี้ ดาวิดพร้อมแล้วที่กลับไปครองบัลลังก์ที่เยรูซาเล็ม แต่!เรื่องก็ยังไม่ง่ายอยู่ดี เพราะที่ผ่านมา..คนอิสราเอลส่วนใหญ่ มีใจเข้าข้างอับซาโลม..เลือกอยู่ข้างอับซาโลม ไม่ได้เข้าข้างดาวิด ตอนนี้ ก็เลยต้องวุ่นวายนิดนึง..เพราะยังทำตัวไม่ถูก

ดู2ซมอ.19:9-10 เมื่ออับซาโลมตาย ความวุ่นวายก็เกิดขึ้นในหมู่คนอิสราเอล ข้อนี้บอกว่า มีการถกเถียงกันในหมู่คนอิสราเอล บ่นกันไป..บ่นกันมา ประมาณว่า..ทีแรกกษัตริย์ดาวิดก็หนีอับซาโลมไป มาตอนนี้ อับซาโลมที่พวกเขายกให้เป็นกษัตริย์แทนก็ตายไปซะแล้ว พวกเขาจะทำยังไงดี จริงๆ ก็อยากให้ดาวิดกลับมาปกครองพวกเขาอีก เพราะทุกคนก็รู้อยู่แก่ใจว่า ดาวิดเป็นกษัตริย์ที่เข้มแข็ง..แต่ยังไง พวกเขากลับไปสนับสนุนอับซาโลม แล้วตอนนี้ จะทำยังไงกัน..จะเอาหน้าที่ไหนไปหาดาวิด ใครจะเป็นคนออกหน้า..ไปเชิญดาวิดกลับมา นี่คือ ปัญหาของคนอิสราเอลตอนนี้

ดู2ซมอ.19:11-12/13-14 ดาวิดเดาสถานการณ์ออก..ว่าตอนนี้คนอิสราเอลคงกำลังสับสน..ทำตัวไม่ถูก..เขาก็เลยหาทางออกให้ ด้วยการ..ประสานไปที่ศาโดกกับอาบียาธาร์ ปุโรหิตที่อยู่ในเยรูซาเล็ม ดาวิดให้ทั้งสองคนไปบอกผู้นำของเผ่ายูดาห์..ให้เป็นคนออกหน้า ในการเชิญตัวเขากลับสู่เยรูซาเล็ม พร้อมทั้งประกาศแต่งตั้ง”อามาสา”ขึ้นเป็นแม่ทัพแทนโยอาบ ชาวยูดาห์ก็รู้สึกว่าจะถูกใจที่ดาวิดทำอย่างงี้ เลยพร้อมใจกันไปรวมตัวที่กิลกาลเพื่อต้อนรับก.ดาวิดกลับสู่เยรูซาเล็ม

ดู2ซมอ.19:16-17/18-19 ในบรรดาคนที่มาต้อนรับดาวิดให้กลับไปเป็นกษัตริย์..ไม่ได้มีแต่พวกยูดาห์เท่านั้น แต่มีคนอิสราเอลเผ่าอื่นๆอีกเป็นพัน ในจำนวนนี้มีศิบา..เมฟีโบเชท (ที่เป็นง่อย) แล้วก็”ชิเมอี”รวมอยู่ด้วย ชิเมอีที่ตามด่าดาวิดตอนหนีออกจากเยรูซาเล็ม ยังจำได้ใช่มั๊ย.. วันนี้ชิเมอีมาในมาดใหม่นำคนเบนยามินอีกเป็นพันมาเชิญดาวิดกลับไปเป็นกษัตริย์ของอิสราเอล อะไรจะกลับใจเร็วขนาดนั้น..ชิเมอีบอกว่า”ขอเจ้านายของข้าพระบาทอย่าถือโทษและจดจำความผิดที่เขาทำวันนั้นเลย” ชิเมอีบอกว่า”เขาผิดไปแล้ว ดาวิดอย่าถือสาเขาเลย ดูสิ..วันนี้เขามารอต้อนรับดาวิดเป็นคนแรกของตระกูลเลยนะ..” แต่น้าตุ๊กว่า..พอชิเมอีรู้ข่าวว่าดาวิดเป็นฝ่ายชนะเขาคงเสียวสันหลัง และคิดได้..ว่าเขาพลาดอย่างแรง..ที่ไปทำอย่างงั้นกับดาวิด วันนี้ก็เลยรีบเสนอหน้ามาก่อนที่จะเดือดร้อน

ดู2ซมอ.19:21-22 จุดยืนของอาบีชัยยังคงเหมือนเดิม คือ อยากจะฆ่าชิเมอี เขาไม่เข้าใจว่าดาวิดจะเก็บคนอย่างงี้ไว้ทำไม บังอาจด่าดาวิดซึ่งเป็นผู้ที่พระเจ้าทรงเจิมไว้..อาบีชัยคิดว่าคนอย่างงี้สมควรตาย แต่ดาวิดยังยืนยันที่จะไม่เอาผิดกับชิเมอี ข้อที่22 ดาวิดบอกว่า “บุตรทั้งสองของนางเศรุยาห์เอ๋ย เรามีธุระอะไรกับท่าน..”หมายความว่า งานนี้โยอาบคงมีเอี่ยวอีกตามเคย เพราะดาวิดใช้คำว่า ”บุตรทั้งสอง” แสดงว่าต้องไม่ใช่อาบีชัยคนเดียวที่อยากจะฆ่าชิเมอี ดาวิดพูดประมาณว่า..นี่มันเรื่องอะไร โยอาบกับอาบีชัยถึงอยากจะทำสิ่งที่ขัดแย้งกับเขา วันนี้เป็นวันแห่งการคืนดี..เป็นวันที่ดาวิดจะกลับมาเป็นกษัตริย์ของอิสราเอล แล้วเขาก็ไม่อยากให้ใครตายทั้งนั้น ถึงชิเมอีจะมีความผิดแต่ดาวิดก็ยังยืนยันว่า”เขาจะไม่ถึงตาย”

ดู2ซมอ.19:25-26 ตอนที่ดาวิดได้เป็นกษัตริย์ใหม่ๆ เขาคิดถึงโยนาธานมาก..ก็เลยอยากจะทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับโยนาธาน ถามไปถามมาก็รู้ว่า..ยังมีลูกของโยนาธานเหลืออยู่คนนึง คือ เมฟีโบเชทที่เป็นง่อย ตอนนั้น ดาวิดเลยคืนที่ทางที่เป็นสมบัติของซาอูลให้กับเมฟีโบเชททั้งหมด แล้วก็สั่งศิบาให้คอยดูแลเมฟีโบเชทให้ดี นอกจากนี้ ถ้าเด็กๆจำได้..ดาวิดยังให้เกียรติเมฟีโบเชทได้ร่วมต๊ะเสวยกับเขาด้วย แต่วันที่ดาวิดต้องหนีจากเยรูซาเล็ม เขากลับไม่เห็นเมฟีโบเชทมาแสดงความจงรักภักดีกับเขา มีแต่ศิบาคนรับใช้ที่เอาเสบียงมาส่งให้ดาวิดกับทหาร มาวันนี้..วันที่ดาวิดจะได้กลับสู่เยรูซาเล็ม..เขาได้เห็นเมฟีโบเชทมารับเสด็จ ดาวิดเลยถามทันที..ว่าตอนที่เขาหนีจากเยรูซาเล็ม..เมฟีโบเชทหายไปไหน!! ทำไมไม่ไปกับเขา เมฟีโบเชทแก้ตัวว่า..”จริงๆเขาเตรียมผูกอานลาจะตามดาวิดมาอยู่แล้ว แต่ถูกศิบาใส่ร้ายหาว่าเขาจะเฝ้าอยู่ที่เยรูซาเล็ม เผื่อว่าจะมีโอกาสได้บัลลังก์ของปู่คืนมา” น้าตุ๊กว่าฟังไม่ขึ้นนะ เพราะถ้าแค่ถูกใส่ร้าย ไม่ได้ถูกขัดขวาง..ก็น่าจะตามดาวิดไป เพราะไม่มีใครห้ามเขาไม่ให้ไปซะหน่อย..แล้วทำไมไม่ไป

ดู2ซมอ.19:29-30 ดาวิดไม่รู้หรอกว่าใครพูดจริง..แล้วใครโกหก แต่ก่อนหน้านี้ศิบาก็อุตส่าห์ขนเสบียงมาให้ดาวิดตอนที่เขากำลังลำบาก พอดาวิดถามถึงเมฟีโบเชท..ศิบาก็บอกว่า เขาเลือกที่จะอยู่ในเยรูซาเล็ม เพราะยังหวังว่าจะได้บัลลังก์ของปู่ (คือซาอูล) คืนมา ดาวิดฟังแล้ว..ก็เลยเอ่ยปากยกสมบัติของเมฟีโบเชทให้ศิบาไป มาตอนนี้เมฟีโบเชทกลับไม่ยอมรับ..หาว่าศิบาใส่ร้าย แล้วเมฟีโบเชทก็พร่ำพรรณาทำนองว่า..พงพันธ์ของเขาจริงๆก็สมควรตาย แต่ดาวิดยังอุตส่าห์เมตตาแล้วก็ให้เกียรติเขามากมาย มาถึงตรงนี้ ดาวิดคงไม่รู้จะเชื่อใครหรืออาจจะรู้ก็ได้..แต่ก็เลือกที่จะตัดรำคาญไป เขาบอกกับเมฟีโบเชทประมาณว่า..พอละๆไม่ต้องพูด ตกลงให้ศิบากับเมฟีโบเชทแบ่งสมบัติกันคนละครึ่งละกัน แต่เมฟีโบเชทบอก..เขาไม่เอา แค่ดาวิดกลับมาอย่างปลอดภัย..เขาก็พอใจแล้ว มาปากหวานตอนนี้..จะทันไม่เนี่ย

ดู2ซมอ.19:32-34 “บารซิลลัย”เป็นเศรษฐีคนนึง อายุ 80 แล้ว..มีน้ำใจกับดาวิดมาก น้าตุ๊กว่า..บารซิลลัยคงเป็นคนเก่าแก่ที่น่าจะรู้จักดาวิดมานานแล้ว เขาต้องเห็นดาวิดมานานอาจจะตั้งแต่ที่ดาวิดยังเป็นเด็กเลี้ยงแกะอยู่รึเปล่า แล้วบารซิลลัยน่าจะรู้ด้วยว่าพระเจ้าทรงเจิมดาวิดไว้ให้เป็นกษัตริย์ของอิสราเอล (อันนี้ เป็นความเห็นส่วนตัวน้าตุ๊กนะ เพราะเมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ก็เห็นภาพว่ามันน่าจะเป็นอย่างงั้น) แล้วคนเก่าแก่อย่างบารซิลลัยก็สัตย์ซื่อกับดาวิดมาตลอด เพราะเขาวางใจพระเจ้า..ให้เกียรติและยอมรับผู้ที่พระเจ้าทรงเจิมมาตลอด ไม่ว่าจะกี่ร้อน..กี่หนาว ตอนที่ดาวิดต้องหนี..บารซิลลัยก็คอยส่งเสบียงให้ดาวิดกับผู้ติดตาม จนตอนนี้ ที่ดาวิดกำลังจะได้กลับไปเยรูซาเล็ม บารซิลลัยก็ตามมาส่งคอยอำนวยความสะดวกให้ ดาวิดอยากตอบแทนน้ำใจของบารซิลัย..เลยออกปากชวนให้ไปอยู่ที่เยรูซาเล็มด้วยกัน เพราะดาวิดอยากดูแลบารซิลลัยให้อยู่สุขสบายในบั้นปลายชีวิต แต่บารซิลลัยไม่อยากไปเพราะเขาแก่มากแล้ว ข้อที่35 บารซิลลัยบอกดาวิดว่า..เขาเลยวัยที่จะแสวงหาความสุขทางโลกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นอาหารชั้นดีหรือสิ่งบันเทิงเริงใจอะไรก็ตาม บารซิลลัยก็เบื่อแล้ว..ไม่ต้องการแล้ว

ดู2ซมอ.19:37-38 บารซิลลัยบอกว่า..อยากจะอยู่สงบๆแล้วก็ตายที่บ้านเกิดมากกว่า แต่ถ้าดาวิดจะกรุณาจริงๆ ก็ขอให้พา”คิมฮาม”คนของเขาไปแทน..จะดูแลยังไงก็แล้วแต่ดาวิด ดาวิดเลยพาคิมฮามไปอยู่ที่เยรูซาเล็มด้วยพร้อมทั้งรับปากจะดูแลอย่างดี แล้วดาวิดก็รักษาสัญญาจริงๆ เพราะต่อไปใน1พกษ.2:7 เราจะได้เห็นว่า..ขนาดก่อนตายดาวิดก็ยังสั่งเสียซาโลมอนให้ดูแล ”คิมฮาม” ให้ดีต่อจากเขาด้วย นี่คือ ดาวิด..รักษาสัญญาตลอด..แล้วรักษาอย่างจริงจัง ไม่ใช่รักษาสัญญาแบบขอไปที ถ้าเราสังเกตดูดีๆจะเห็นว่า..ไม่ว่าจะสัญญาไว้กับใคร ดาวิดจะรักษาสัญญาตลอด..ไม่เคยผิดสัญญา

ดู2ซมอ.19:41-42 แทนที่ทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี เพราะตอนนี้ดาวิดก็ได้กลับมาเป็นกษัตริย์แล้ว แต่ข้อนี้บอกว่า..พอข้ามน.จอร์แดนมาได้ไม่เท่าไหร่ ยังไม่ทันถึงเยรูซาเล็มเลยคนอิสราเอลก็เริ่มกระแนะกระแหนกันเอง โดยคนอิสราเอลเป็นฝ่ายฝ่ายเริ่มก่อน..คนอิสราเอลบอกว่า..”ทำไมคนยูดาห์ถึงได้ลักพาก.ดาวิดกับราชวงศ์ไป..” คือ พวกเขาพูดเหมือนจำไม่ได้..ว่าก่อนหน้านี้ตัวเองนั่นแหละที่หันไปเข้าข้างอับซาโลม พออับซาโลมตาย..ก็ยังเกี่ยงกันอีกว่าใครจะเป็นคนไปเชิญดาวิดกลับมา เกี่ยงกันไปเกี่ยงกันมาจนดาวิดต้องชงเรื่องไป..ให้คนยูดาห์ออกหน้ามาเชิญเขากลับ ฝ่ายคนยูดาห์พอได้ยินพวกอิสราเอลพูดอย่างงั้น..ก็ใช่ว่าจะยอม เขาตอกกลับคนอิสราเอลว่า..”เพราะพระราชาเป็นญาติสนิทกับเรา..” แปลว่า ฉันเป็นคนบ้านเดียวกัน..เลือดต้องข้นกว่าน้ำ..ยังไงก็สนิทกว่า..แล้วก็ไม่เคยเอาเปรียบหรือแสวงหาประโยชน์ส่วนตัวกับดาวิดด้วย คนอิสราเอลก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ..ดูต่อไป

ดู2ซมอ.19:43 พอได้ยินพวกยูดาห์เอาความเป็นญาติสนิทกับดาวิดขึ้นมาอ้าง พวกอิสราเอลก็ใช่ว่าจะยอมลดลาวาศอก พวกเขาตอบกลับไป..”ว่าถึงจะบ้านเดียวกันกับดาวิดแต่ยังไงก็เป็นคนกลุ่มน้อย สู้อิสราเอลไม่ได้ที่เป็นคนส่วนใหญ่เพราะพวกเขามีสิบเผ่า..ส่วนยูดาห์ก็แค่เผ่าเดียว” ข้อนี้ คนอิสราเอลยังบอกด้วยว่า..”..เราไม่ได้เป็นพวกแรกที่พูดเรื่องการนำพระราชากลับมาหรอกหรือ” จริงๆคนอิสราเอลก็ปรึกษากันอยู่ว่าใครจะเป็นคนไปเชิญดาวิดกลับมา..แต่ไม่ได้ทำ เกี่ยงกันไป..เกี่ยงกันมา สรุปแล้ว ตอนนี้แทนที่ทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี คนอิสราเอลกลับมานั่งทะเลาะกันเอง อิจฉากันเอง ชิงดิงเด่นกันไม่เข้าเรื่อง ผู้เขียนพระธรรมตอนนี้ ก็คงไม่อยากบรรยายความร้อนแรงของทั้งสองฝ่ายให้ยืดยาว..เลยทิ้งท้ายไว้ในข้อนี้ว่า ”..แต่ถ้อยคำของคนยูดาห์รุนแรงกว่าถ้อยคำของคนอิสราเอล” บางฉบับก็ใช้คำว่า “ดุเดือดกว่า..ร้ายกาจกว่า” แต่จะคำไหนความหมายก็เหมือนกัน..เราก็เห็นภาพเดียวกัน คือตอนนี้บรรยากาศไม่ดี ทั้งอิสราเอลและยูดาห์พร้อมที่จะระเบิดใส่กันได้ตลอดเวลา

ดู2ซมอ.20 :1-2 ในขณะที่คนยูดาห์กับคนอิสราเอลพูดจาเอาชนะคะคานกัน ข้อนี้บอกว่า..มีคนอันธพาลในหมู่คนอิสราเอลคนนึง ชื่อ”เชบา”เริ่มชักใบให้เรือเสียหนักเข้าไปอีก เชบาห์พูดว่า”เราไม่มีส่วนในดาวิด ไม่มีมรดกในบุตรเจสซี;โอ คนอิสราเอลเอ๋ย ต่างคนต่างกลับไปที่เต๊นท์ของตนเถิด (”เออๆเรามันเป็นคนอื่นไม่ใช่ญาติโกโหติกาของพระราชา งั้นเราก็กลับไปอยู่ของเรา..ไม่ต้องไปยุ่งกับเค้า”..เชบาพูดประมาณนั้น) ข้อที่2 บอกว่า..คนอิสราเอลก็เชื่อคำพูดของเชบาและตามเขากลับบ้านไป (ด้วยความไม่พอใจนะ..ไม่ได้กลับไปด้วยท่าทีที่สงบ) ส่วนคนยูดาห์ก็ไปต่อ..กับดาวิด พระคำภีร์กำลังชี้ให้เราเห็นว่า ตอนนี้สถานการณ์ไม่ดีอิสราเอลกับยูดาห์กำลังจะมาทะเลาะกันเอง อับซาโลมก็เพิ่งจะสิ้นฤทธิ์ไป ตอนนี้ เหมือนจะมีเชบาขึ้นมาเป็นหัวหอกในการก่อความไม่สงบ..ทั้งที่ดาวิดยังกลับไม่ถึงวังด้วยซ้ำ........

วันนี้หมดเวลาแล้วค่ะ สัปดาห์หน้าพบกันใหม่ เด็กๆพยายามคิดตามและทำความเข้าใจในบทเรียนของเราด้วยนะคะ เพราะเวลาของพระเจ้า จริงๆแล้วมีจำกัด ทั้งเวลาของผู้สอนและเวลาของเด็กๆเองด้วย เราไม่สามารถรู้ได้ว่า..พรุ่งนี้จะเป็นยังไง..จะเกิดอะไรขึ้น แต่เราของวางใจในพระเจ้า..พระเยซูคริสต์ผู้ช่วยให้รอดของเรา น้าตุ๊กขอย้ำว่า..สิ่งเดียวที่มีค่าที่สุดในเวลาของโลกนี้สำหรับเรา คือ เวลาที่เราได้อยู่กับพระเจ้า นมัสการพระองค์ เรียนรู้พระคำและมีประสบการณ์กับพระองค์ ได้รับสัมผัส..และคำตอบจากพระองค์ เพราะฉะนั้น อย่าเพิกเฉย..มองไม่เห็นค่า หรือมองว่าเวลาในพระเจ้าเป็นของตายสำหรับเรา ขอพระคุณความรักของพระเจ้าปกคลุมอยู่เหนือเด็กๆทุกคนนะคะ พระเจ้าอวยพรค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น