วันจันทร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

หนังสือ 2ซามูเอล ครั้งที่14 อาทิตย์20:2:2011

ดู2ซมอ.20:3 พอกลับถึงวังสิ่งแรกที่ดาวิดทำ ก็คือ ไปจัดการเรื่องนางสนมทั้งสิบคนที่เขาทิ้งไว้ที่วัง ดาวิดพาสนมพวกนี้ไปอยู่รวมกันที่บ้านหลังนึงและเลี้ยงดูอย่างดี แต่เขาไม่หลับนอนกับสนมทั้งสิบคนนี้แล้วเพราะอับซาโลมได้เข้าหาสนมพวกนี้อย่างเปิดเผย เรื่องนี้คงทำให้ดาวิดคาใจมาก กลับมาถึงก็เลยรีบจัดการเป็นเรื่องแรก พระคำภีร์บอกว่า..สนมเหล่านั้นก็ถูกกักให้อยู่เป็นม่ายไปจนวันตาย เพราะถึงจะไม่ยุ่งด้วยแต่จะปล่อยให้ไปเป็นของคนอื่นก็คงไม่ได้..ยังไงก็ได้ชื่อว่าเป็นสนมของพระราชา

ดู2ซมอ.20:4-6 หลังจากจัดการเรื่องนางสนมเรียบร้อยแล้ว.. มาถึงข้อนี้ เรื่องต่อไปที่ดาวิดต้องทำก็คือ จัดการกับพวกกบฎที่กำลังก่อตัวขึ้น เขาสั่งอามาสาซึ่งเป็นผู้นำทัพคนใหม่ให้ไปรวมกำลังของคนยูดาห์ เพื่อไปตามล่าเชบา แต่ดูเหมือน”อามาสา”จะจัดการได้ไม่ดี..พระคำภีร์บอกว่าเขาทำงานช้ามาก..จนดาวิดร้อนใจ ต้องสั่งให้อาบีชัยนำกำลังเสริมออกไป ครั้งนี้ดาวิดใช้อาบีชัยไม่เรียกใช้โยอาบ อาจเป็นเพราะเขาสั่งปลดโยอาบเองแล้วตั้งอามาสาขึ้นมาแทน ถ้าต้องกลับไปเรียกใช้ก็จะเสียหน้า..นิดนึง แต่ยังไงเรื่องนี้ก็รอช้าไม่ได้..เลยต้องใช้อาบีชัยออกไป

ดู2ซมอ.20:8-10 ถึงดาวิดจะไม่เรียกใช้..แต่โยอาบก็ยังตามกองทหารของอาบีชัยไปด้วย แล้วไปเจอกับอามาสาที่กิเบโอน พอเผชิญหน้ากันโยอาบก็ทักทายอย่างอบอุ่น..”พี่ชายเอ๋ย สบายดีหรือ” เสร็จแล้วก็ใช้มือขวารวบเคราของอามาสา ทำท่าจะจุบ..ซึ่งมันเป็นธรรมเนียมการทักทายตามปกติของคนอิสราเอล เมื่ออามาสาไม่ทันระวังตัว..เขาก็ถูกโยอาบเอาดาบแทงเข้าไปที่ท้องคงจะคว้านด้วย เพราะพระคำภีร์บอกว่าไส้ทะลักไปกองอยู่กับพื้น ตายสนิททันที..โดยไม่ต้องแทงซ้ำ เสร็จแล้วโยอาบก็ตามไปสมทบกับอาบีชัย..หน้าตาเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น (เราเลยไม่รู้ว่าจริงๆแล้วเขาตั้งใจไปตามใครกันแน่ แต่ตามรูปการน่าจะตั้งใจไปหาอามาสาก่อน ส่วนเรื่องของเชบาก็ว่ากันอีกที..ประมาณนี้)

ดู2ซมอ.20:11-13 หลังจากที่อามาสาถูกฆ่า ทหารคนนึงของโยอาบก็เข้ามาเคลียร์สถานการณ์ ด้วยการประกาศให้ทุกคนตัดสินใจว่า..”ผู้ใดเห็นชอบฝ่ายโยอาบและผู้ใดอยู่ฝ่ายดาวิด..ก็ให้ตามโยอาบไป” แต่ดูเหมือนประชาชนจะมัวแต่มุงดูศพของอามาสา เพราะร่างเขายังนอนจมกองเลือดอยู่บนทางหลวง คือ ยังกองอยู่กลางถนน ทหารคนนี้ก็เลยเอาศพของอามาสาไปทิ้งในทุ่งนาแล้วก็เอาผ้าปิดไว้ พวกทหารถึงได้ยอมกลับไปทำหน้าที่ของตัวเอง.. (ก็คงจะเหมือนเวลาที่มีอุบัติเหตุบนท้องถนน ที่รถก็จะติด..บางทีชนฝั่งนี้..ฝั่งนู้นก็ติดด้วย เพราะคันอื่นมัวแต่ชะลอดู รถเลยติดยาว)

แล้วในที่สุดโยอาบก็พาพวกทหารตามเชบาไปถึงตำบลอาเบล เชบาซ่อนอยู่ที่เชิงเทินริมกำแพง โยอาบก็เลยทำท่าจะทลายกำแพงเข้าไป น้าตุ๊กว่า..นี่คือบุคลิกของพวกขุนศึกในสมัยนั้น ไม่ใช่แค่เก่งหรือมีฝีมืออย่างเดียว..แต่จะกล้าแล้วก็กัดไม่ปล่อยด้วย

ดู2ซมอ.20:16-19 ในขณะที่โยอาบล้อมเมืองไว้..ตั้งท่าจะทลายกำแพงเข้าไป..เพื่อหาตัวเชบา คนที่อยู่ในเมืองก็เริ่มกังวล..ว่าถ้าโยอาบทำลายกำแพงเมืองเข้ามา..ความเสียหายมากมายจะต้องเกิดขึ้น แล้วก็อาจจะมีการนองเลือดกัน ข้อนี้ บอกว่ามีหญิงคนนึงที่มีสติปัญญามาก เริ่มยื่นมือเข้ามาเพื่อแก้ไขสถานการณ์ ด้วยการตะโกนเรียกโยอาบ ผู้หญิงคนนี้พูดกับโยอาบว่าเมืองของเธอนั้นเป็นเมืองที่ได้ชื่อว่า”เป็นผู้ให้คำปรึกษาแห่งอาเบล” พูดง่ายๆว่าเป็นเมืองที่ไม่นิยมการใช้กำลัง..แต่จะแก้ปัญหาด้วยสติปัญญามากกว่า แล้วเธอเองก็เป็นคนที่รักความสงบ..รักชาติบ้านเมือง ที่สำคัญชาวเมืองอาเบลก็ไม่ได้ทำผิดอะไร แล้วทำไมโยอาบถึงอยากจะทำลายเมืองนี้ให้พินาศไป

ดู2ซมอ.20:20-21 พอได้ยินอย่างงั้น โยอาบก็ปฏิเสธว่า..เขาไม่เคยคิดอย่างงั้นเลย เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะทำลายเมืองหรือผู้คนในเมืองที่ไม่เกี่ยวข้อง แต่ที่ต้องล้อมเมืองไว้ก็เพราะเขากำลังตามหาคนๆนึงที่เป็นกบฎ..ต่อต้านก.ดาวิด ถ้ายอมส่งตัวเชบาออกมา..โยอาบก็จะถอยทัพกลับไปโดยที่จะไม่สร้างความเสียหายให้กับเมืองนี้เลย ผู้หญิงคนนี้เลยรับปากว่าจะจัดการให้..เดี๋ยวเขาจะโยนหัวของเชบาข้ามกำแพงมาให้โยอาบเลย เสร็จแล้วก็ทำได้จริงๆด้วย เพราะข้อที่22 บอกว่า พอหญิงคนนี้ไปปรึกษากับพวกชาวบ้าน พวกเขาก็จัดการฆ่าเชบา..แล้วก็ตัดหัวโยนข้ามกำแพงมาให้โยอาบ เขาเลยเป่าเขาสัตว์ให้พวกทหารถอยทัพ ทำให้เหตุการณ์ก็เข้าสู่ภาวะปกติประชาชนก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ส่วนโยอาบก็กลับไปเฝ้าก.ดาวิด

ส่วนข้อต่อไปจะเป็นการแจกแจงรายชื่อข้าราชการในสมัยของดาวิด..ไม่มีอะไรน่าสนใจเป็นพิเศษ ยกเว้น “โยอาบ”ที่จะเห็นว่า..ในที่สุดเขาก็ได้กลับมาเป็นผบ.สูงสุดอยู่วันยังค่ำ

ดู2ซมอ.21:1-2 ข้อนี้บอกว่าเกิดการกันดารอาหารขึ้นสามปีในสมัยของดาวิด ในพันธสัญญาของโมเสสที่พระคำภีร์บันทึกไว้ในหนังสือฉธบ.(28:23-24) มีข้อที่บ่งไว้..ว่า”ฝนแล้งซึ่งเป็นเหตุของการกันดารอาหารเนี่ย..มาจากพระหัตถ์พระเจ้า เป็นผลสนองสำหรับความไม่เชื่อฟัง” ดาวิดรู้เหตุผลข้อนี้ดีจึงทูลถามพระเจ้าถึงสาเหตุที่อิสราเอลถูกลงโทษในครั้งนี้ และพระเจ้าทรงตอบว่า..”เป็นเพราะซาอูลและพงศ์พันธ์ของเขาละเมิดสัญญาที่ให้ไว้กับชาวกิเบโอน” น้าตุ๊กว่าเด็กๆจำไม่ได้แน่

ในสมัยที่โยชูวาเข้ามายึดครองคานาอัน เยรีโคเป็นเมืองแรกที่เขายึดได้..ต่อมาก็เมืองอัย และเมืองต่อไปที่ต้องยึดก็คือ”กิเบโอน” จริงๆกิเบโอนก็เป็นเมืองใหญ่แล้วก็มีนักรบเก่งๆหลายคน แต่ตอนนั้น..เมืองนี้กลับใช้วิธีมาหลอกให้อิสราเอลยอมทำพันธสัญญากับพวกเขา..คือ ทำเป็นใส่เสื้อผ้าเก่าๆขาดๆ เดินทางมาพร้อมเสบียงบนหลังลา มีขนมปังขึ้นรากับถุงเหล้าองุ่นเก่าๆ สร้างภาพว่าเดินทางมาไกล คนอิสราเอลเลยตกหลุมพรางยอมทำพันธสัญญาด้วย เพราะไม่รู้ว่าเขาเป็นชาวกิเบโอน..เมืองที่ตัวเองต้องบุกยึดเป็นรายต่อไป พอรู้ว่าถูกหลอกก็อยากจะฆ่าคนกิเบโอนทิ้ง..แต่ทำไม่ได้เพราะติดสัญญา..ที่ถูกหลอกให้ทำ ทำได้แค่ให้พวกเขาตกเป็นทาสของอิสราเอล มาถึงตอนที่แบ่งเขตแดนกันก็ปรากฎว่าเมืองกิเบโอนตกเป็นของเผ่าเบนยามิน และอาจจะเป็นที่ของคนในครอบครัวซาอูล..ด้วยรึเปล่า เพราะกิเบอาบ้านเกิดของซาอูลก็อยู่แถวๆนั้น ครั้นเวลาผ่านไป 400 ปี ซาอูลและพงศ์พันธ์ของเขาคงรู้สึกว่าคนกิเบโอน..เกะกะเลยอยากกำจัดให้หมดสิ้นไป ก็เลยละเมิดสัญญาที่บรรพบุรุษให้ไว้กับคนกิเบโอน..ด้วยการฆ่าคนกิเบโอน..จะกี่มากน้อยเราไม่รู้ แต่เขาทำแน่..เพราะพระเจ้าเป็นผู้สำแดงความจริงเรื่องนี้ให้เรารู้ด้วยพระองค์เอง

ดู2ซมอ.21:3-4 ดาวิดคิดได้ทันทีว่าเขาจะต้องพยายามทำอะไรบางอย่างเพื่อลบล้างบาปที่ซาอูลทำไว้ การกันดารอาหารในอิสราเอลจะได้จบสิ้นลง ข้อที่3 บอกว่า ดาวิดเรียกชาวกิเบโอนมาถาม..ว่าเขาต้องทำยังไงถึงจะแก้ไขความผิดพลาดในเรื่องนี้ได้ คำตอบของคนกิเบโอนน่าสนใจมาก เขาบอกว่าเรื่องนี้..มันไม่เกี่ยวกับเงินทอง พวกเขาไม่อยากได้อะไร แล้วก็ไม่อยากจะเอาชีวิตของคนอิสราเอลด้วย เพราะมันคงไม่สาสมกับสิ่งที่ซาอูลทำไว้ ดาวิดเลยถามกลับไป..ว่าแล้วจะให้เขาทำยังไง

ดู2ซมอ.21:5-6 คนกิเบโอนบอกดาวิดว่า..ในเมื่อซาอูลเป็นคนวางแผนและฆ่าพวกเขาเพราะหวังจะล้างเผ่าพันธ์ ดังนั้น ขอให้ส่งตัวลูกหลานในราชวงศ์ของซาอูลมาให้เขาเจ็ดคน เพื่อพวกเขาจะได้แขวนคอคนเหล่านี้ต่อหน้าพระเจ้าที่กิเบอาห์ คือคนกิเบโอนต้องการจะฆ่าคนเหล่านี้ที่บ้านเกิดของพวกเขาเอง ดาวิดตอบตกลง..รับปากว่าจะเอาตัวมาให้ จากนั้นก็มีการเลือกสรรลูกหลานทั้งเจ็ดคนของซาอูล..ที่จะต้องไปรับโทษ แล้วอีกครั้งที่เมฟีโบเชท(ลูกที่เป็นง่อยของโยนาธาน)ก็รอดตัวไป..ได้รับการยกเว้น เพราะดาวิดเห็นแก่สัญญาที่ให้ไว้กับโยนาธาน ข้อที่ 9 บอกว่า ชาวกิเบโอนก็ได้แขวนคอลูกหลานซาอูลทั้งเจ็ดคนไว้บนภูเขาต่อพระพักตร์พระเจ้า ในต้นฤดูของการเกี่ยวข้าวบารลี

ดู2ซมอ.21:10-11/12 นางริสปาห์เป็นสนมของซาอูล ลูกชายสองคนของเขาถูกส่งตัวให้ชาวกิเบโอนแขวนคอด้วย คนเราอ่ะ..ลูกตายทั้งคน แล้วนี่มันเป็นการตายแบบที่น่าสลดหดหู่มาก ข้อนี้ บอกว่านางริสปาห์อยู่เฝ้าซากศพของลูกไม่ยอมไปไหน เพราะศพของทั้งเจ็ดคนนี้ไม่มีใครอาไปฝัง..ชาวกิเบโอนคงฆ่าแล้วก็ทิ้งไปเลย นางริสปาห์ทนไม่ได้ที่จะให้สัตว์ร้ายหรือนกกามาจิกกินซากศพของลูก..ก็เลยเฝ้าอยู่อย่างงั้น

พอดาวิดรู้ข่าวนี้ เขาก็รวบรวมศพของทั้งเจ็ดคน รวมทั้งไปเอากระดูกของซาอูลกับโยนาธานมาฝังรวมกันที่บ้านเกิดของพวกเขา คือที่เขตแดนของคนเบนยามิน จริงๆแล้วทั้งหมดนี้ตายแบบเดียวกัน..ถ้าเราจำได้ ซาอูลกับโยนาธานก็ถูกพวกฟิลิสเตียเอาศพไปแขวนไว้บนกำแพงเมืองเบธชานเหมือนกัน ตอนนั้นดาวิดอยู่ที่ศิกลาก..ก็เลยไม่มีโอกาสไปทำศพให้ ชาวยาเบชกิเลอาดเป็นคนไปเอาศพของซาอูลกับโยนาธานกลับมาฝังที่ฝั่งตะวันออก

ท้ายข้อที่14 บอกไว้ว่า “ครั้นต่อมาพระเจ้าก็ทรงฟังคำอธิฐานเพื่อแผ่นดินนั้น” หมายความว่า พระเจ้าทรงยุติการกันดารอาหารของอิสราเอลแล้ว เพราะพระองค์ทรงฟังคำอธิฐาน เราอย่าคิดว่า..พอเราแก้ไขความผิดพลาดแล้ว เดี๋ยวพระเจ้าก็จัดการทุกอย่างเอง..เราคงไม่ต้องอธิฐานแล้ว..ไม่ใช่ เพราะสิ่งที่เตือนสติเราในจุดนี้ ก็คือ ต่อให้เราชดใช้หรือกลับใจแล้ว..เราก็ต้องอธิฐานอยู่ดี..เด็กๆอย่าข้ามขั้นตอนการอธิฐานเด็ดขาด

ดู2ซมอ.21:15-17 พวกฟิลิสเตียยกทัพมาโจมตีอิสราเอล..อีกครั้ง ดาวิดเลยนำทัพออกไปรบด้วย แต่! ครั้งนี้ดาวิดเริ่มอ่อนกำลัง..แรงตก..ไม่เหมือนเมื่อก่อน(ก็แก่แล้วอ่ะ) เมื่อดาวิดอ่อนกำลังก็มีทหารยักษ์คนนึงของฟิลิสเตีย..ที่เป็นลูกหลานของโกลิอัท ก็ปรี่เข้ามากะจะฆ่าดาวิดให้ตาย พระคำภีร์บอกว่า”อิชบีเบโนบ” มีหอกทองสัมฤทธิ์ กับดาบใหม่เอี่ยมคาดอยู่ที่เอว..เป็นนักรบที่ฟุลออฟชั่นเหมือนโกลิอัทไม่มีผิด ข้อที่17 บอกว่า คนที่เข้ามาช่วยดาวิดก็คือ อาบีชัย..พี่ชายของโยอาบ อาบีชัยฆ่าอิชบีเบโนบตายคามือ แต่ถึงยังไง เหตุการณ์ครั้งนี้ก็สร้างความกังวลมากให้กับคนในกองทัพ เพราะไร พวกเขาเกือบเสียกษัตริย์ดาวิดไปแล้วในการรบครั้งนี้..ถ้าอาบีชัยมาไม่ทัน..ดาวิดอาจจะตายไปแล้วก็ได้ พวกเขาเลยขอร้องไม่ให้ดาวิดออกไปรบอีก เพราะดาวิดไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว เพราะฉะนั้น ช่วยอยู่เป็นมิ่งขวัญเฉยๆก็พอ..เกษียณชีวิตทหารได้แล้ว เพราะทุกคนก็มีวาระของตัวเองเสมอ

ดู2ซมอ.21:18-19/20-22 หลังจากที่ดาวิดเกษียณตัวเองไม่ออกไปรบแล้ว ฟิลิสเตียก็ยังยกทัพมาอีกหลายต่อหลายครั้งมาก แล้วอิสราเอลชนะมั๊ยเมื่อไม่มีดาวิด..แน่นอน ข้อที่18 บอกว่า สิบเบคัย..คนในตระกูลชองหุชัยได้ฆ่า”สัฟ”ที่เป็นคนยักษ์ของชาวฟิลิสเตีย ข้อที่ 19 บอกว่า สงครามที่เมืองโกบ..”เอลฮานัน”ชาวเบธเลเฮมก็ฆ่าโกลิอัทชาวกัทตาย และในข้อสุดท้าย ก็ยังบอกว่า”โยนาธาน”ลูกพี่ชายของดาวิดก็ยังฆ่าคนยักษ์ที่มี24นิ้วที่เมืองกัทได้อีก พระคำภีร์ข้อนี้สรุปตอนท้ายไว้ว่า..”เขาทั้งหลายล้มตายด้วยฝีมือดาวิดและข้าราชการของพระองค์” ไม่ว่าดาวิดจะยังรบไหวหรือไม่ไหว อิสราเอลก็ชนะศัตรูได้เสมอเพราะพระเจ้าทรงควบคุมอยู่.. แต่ถึงยังไง จุดนี้ก็ทำให้เรามองเห็นความสำเร็จในการเป็นผู้นำของดาวิดอย่างเลี่ยงไม่ได้..ต้องให้เครดิตร์เขา เพราะ..ทำไมไม่มีคนอย่างงี้ในสมัยของซาอูล ถ้าเด็กๆจำได้ ในสมัยของซาอูลไม่มีซักคนเดียวที่จะกล้าออกไปสู้กับโกลิอัท..แม้แต่ซาอูลเอง..ก็ไม่กล้าไป จนดาวิดก้าวเข้ามาแล้วเริ่มต้นชีวิตทหารด้วยการออกไปฆ่าโกลิอัท มาจนถึงวันนี้ดาวิดก็ยังสร้างคนที่มีคุณภาพขึ้นมาแทนเขา ลูกน้องของดาวิดก็ฆ่าโกลิอัทได้เหมือนกัน..นี่ถึงจะเรียกว่า”เป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่และประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง” เพราะผู้นำบางคนก็ใจแคบเห็นคนอื่นเก่งกว่าก็คิดจะกำจัดอย่างเดียว..หรือไม่ก็กั๊กไว้..ไม่สนับสนุน..กลัวเขาจะเก่งกว่าแล้วมาแทนที่ตัวเอง หรือทำให้ตัวเองหมดความสำคัญไป..แต่นั่นไม่ใช่ดาวิดเพราะดาวิดเกษียณตัวเองได้อย่างสง่างามมาก

บทเพลงของดาวิดเรื่องการช่วยกู้

เราไม่รู้ชัดเจน..ว่าดาวิดเขียนเพลงสดุดีแต่ละบทตอนไหน..แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา น้าตุ๊กคิดอยู่นานว่าจะสอนบทเพลงของดาวิดยังไงดี..เด็กๆถึงจะเข้าใจได้ง่าย เพราะเพลงดาวิดไม่เหมือนเพลงเกาหลี ไม่เหมือนอาร์แอนด์บีหรือเพลงอะไรก็ตามที่เด็กๆคลั่งไคล้กันอยู่ตอนนี้ เพราะฉะนั้น น้าตุ๊กจะชี้ให้เห็นภาพใหญ่ๆ ประเด็นหลักๆ ตามสไตน์ของน้าตุ๊กก็ละกัน เรามาดูรายละเอียดกันนิดนึง

ดู2ซมอ.22:1-2/3-4 แรงบันดาลของดาวิดในการเขียนบทเพลง..แน่นอนต้องมาจากพระเจ้า ถึงจุดนึงเมื่อดาวิดมองย้อนกลับไปถึงความสำเร็จมากมายที่ตัวเองได้รับ..เขาเห็นชัดเจนว่าทุกอย่างมาจากพระเจ้า เนื้อหายืดยาวที่พวกเราอ่านมาทั้งหมดนี้ น้าตุ๊กดูจริงๆแล้วหลักๆมีแค่ 3ประเด็น คือ.. 1. ดาวิดถวายโมทนา..สรรเสริญพระเจ้า

2. พระเจ้าเป็นผู้ช่วยกู้ดาวิด..(และเราด้วย) ให้พ้นจากมือของศัตรู..ในทุกสถานการณ์ด้วยรูปแบบที่ไร้ขีดจำกัด (อาจจะมีพ่วงท้ายเล็กๆ ว่าเขาเป็นผู้ที่กระทำตามพระทัยพระเจ้าและรักษาพระมรรคาของพระองค์)

และ 3.พระจ้าทรงเป็นผู้กำจัดศัตรูให้เรา

ข้อที่ 2 ดาวิดบอกว่า พระเจ้าทรงเป็นพระศิลา..เป็นป้อมปราการ และเป็นผู้ช่วยกู้ของข้าพเจ้า พวกเราคงจะคุ้นหูมากกับทั้งสามคำนี้ เพราะเป็นเนื้อหาที่มีอยู่ในเพลงสรรเสริญหลายต่อหลายเพลง แต่สำหรับดาวิด..คำว่าพระศิลา..ป้อมปราการ คงไม่ได้เป็นแค่คำเปรียบเทียบ แต่เป็นวิธีที่พระเจ้าช่วยกู้ดาวิดให้พ้นมือศัตรูจริงๆในสมัยนั้น พระองค์ใช้ศิลาที่กำบัง..ป้อมปราการต่างๆ รวมถึงที่กำบังเข้มแข็งในถิ่นทุรกันดารด้วย..เพื่อช่วยดาวิดให้รอดจากมือของศัตรู..ครั้งแล้วครั้งเล่า

ดู2ซมอ.22:4-6/8-9/14-16 ข้อที่5-6 ดาวิดใช้ภาพกระแสของภัยพิบัติตามจินตนาการของเขา ถ่ายทอดให้เห็นถึงชีวิตของเขาในเวลาทุกข์ยากลำบาก รวมถึงเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูด้วย ภาพที่ดาวิดสื่อมีทั้งเวลาที่จมอยู่ใต้คลื่นในทะเล..ถูกกระแสน้ำเชี่ยวซัดไปซัดมา และในลมหายใจเฮือกสุดท้าย ดาวิดก็ร้องทูลพระเจ้า..ขอการช่วยกู้จากพระองค์

ต่อมา ข้อที่8-16 ดาวิดจินตนาการถึงรูปแบบการเสด็จมาของพระเจ้า ซึ่งคล้ายกับที่ถูกบันทึกไว้ในหนังสืออพยพ..ตอนที่พระเจ้าทรงสำแดงพระองค์กับโมเสสที่ภูเขาซีนาย (อพย.19:16-19) ดาวิดอธิบายการเสด็จมาช่วยกู้ของพระเจ้าในหลายรูปแบบ..แต่ทุกรูปแบบสื่อให้เราเห็นว่า..พระเจ้าทรงสำแดงพระองค์ผ่านการควบคุมธรรมชาติอย่างยิ่งใหญ่และน่ากลัว (ทำให้เราเห็นชัดเจนเป็นพิเศษเวลาที่ดูข่าวแล้ว..ทุกวันนี้ก็เห็นภัยพิบัติกระจายไปทั่วโลก นั่นคือฝีพระหัตถ์ของพระเจ้า น้าตุ๊กขอโน้มนำให้ธรรมิกชนของพระเจ้าร่วมใจกันอธิฐาน เผื่อว่าพระองค์จะทรงฟังคำอธิฐานของผู้ชอบธรรมและกลับพระทัยไม่ลงโทษโลกใบนี้..) ดาวิดบอกว่า..ทรงทำให้โลกทั้งใบสะเทือน..ทรงเสด็จมาด้วยปีกของลม..ทรงบันดาลให้เกิดเพลิงเผาผลาญไปทั่ว..และทรงคะนองกึกก้องจากฟ้าสวรรค์..ทั้งฟ้าร้อง..ฟ้าผ่า ทุกอย่างก็มาจากบัญชาของพระองค์

ดู2ซมอ.22:17-18 “..แล้วพระองค์ก็ทรงเอื้อมมาจากที่สูง ทรงจับข้าพเจ้าแล้วดึงขึ้นมาจากน้ำมากหลาย” ขณะที่ภัยพิบัติหลากหลายรูปแบบกำลังถาโถมทั้งร่างกายและจิตใจ พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่เหนือภัยพิบัติทั้งปวง..ก็ทรงเอื้อมพระหัตถ์มาช่วยเราไว้ได้ทันเวลาเสมอ ไม่มีใครหรอก..ที่อยากเจอกับความทุกข์ยากลำบาก แต่ในสถานการณ์อย่างงั้น มันจะทำให้เรามีประสบการณ์และสัมพันธภาพที่เหนียวแน่นกับพระเจ้ามากขึ้น...เห็นพระองค์ชัดขึ้น

ข้อที่41-46 ดาวิดบอกว่า..พระเจ้าทรงทำลายศัตรูของเขา คือ ทุกคนที่ต่อต้านกษัตริย์ของพระเจ้าหรือผู้ที่พระองค์ทรงเจิมไว้ มาถึงตรงนี้คงไม่ได้หมายถึงดาวิดคนเดียวแล้ว แต่จุดนี้เล็งถึงพระเยซูคริสต์มากกว่า เพราะพระองค์เป็นจอมกษัตริย์แท้จริงที่พระเจ้าเตรียมไว้เพื่อพวกเรา แล้วเด็กๆลองนึกดู ถ้าศัตรูของดาวิดยังต้องถูกทำลายเพราะต่อต้านเขา แล้วคนที่ต่อต้านพระคริสต์จะมีสภาพเป็นยังไง และเกี่ยวกับการช่วยกู้นี้..หนังสือโรมจะทำให้เราเห็นภาพชัดเจนขึ้น แต่วันนี้เวลาหมดแล้วค่ะ..เด็กๆจำไว้ก่อนนะคะว่าเราเรียนถึงเพลงช่วยกู้ของดาวิด แล้วสัปดาห์หน้ามาดูประเด็นเดียวกันนี้ในหนังสือโรมด้วยกัน ขอพระเจ้าอวยพรค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น