วันจันทร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

หนังสือ 2 ซามูเอล ครั้งที่ 8 อาทิตย์ที่ 21:11:2010

หลังจากที่ดาวิดทำบาปจนถึงที่สุด..ด้วยฆ่าอุรีอาร์และรับบัทเชบามาเป็นมเหสีแล้ว เด็กๆคิดว่าตอนนี้ดาวิดจะมีความสุขมั๊ย จะกินอร่อย..นอนหลับเปรมปรีดิ์สมกับที่ลงทุนทำบาปไปมากมายรึเปล่า เก็บคำถามนี้ไว้ในใจก่อน..คราวที่แล้วเราจบในข้อที่ทิ้งท้ายว่า”แต่สิ่งที่ดาวิดทำนั้นไม่เป็นที่พอพระทัยพระเจ้า” ว่าแล้วข้อต่อไปนี้ก็คือ การพิพากษาที่กำลังจะมา..อย่างรวดเร็ว

ดู2ซมอ.12:1-3/4 เมื่อสมควรแก่เวลาแล้ว พระเจ้าทรงใช้นาธันไปหาดาวิด..นาธันเป็นผู้เผยพระวจนะแล้วก็น่าจะสนิทกับดาวิดด้วย พระวจนะที่ตรัสผ่านนาธันเป็นเรื่องเล่า..ที่ฟังดูเรียบๆ....ไม่ใช่เรื่องมหัศจรรย์พันลึกหรือเรื่องที่ใช้ภาษายากๆแต่ ความหมาย”โดนเต็มๆ“ นาธันเล่าว่า..”มีชายสองคนอยู่เมืองเดียวกัน..คนนึงร่ำรวย อีกคนยากจน คนที่รวยมีฝูงแพะแกะและสัตว์ใหญ่มากมาย..ระดับเศรษฐี ส่วนชายยากจน..มีแกะตัวเมียแค่ตัวเดียว..ตัวเดียวเท่านั้น แล้วเขาก็เลี้ยงมันไว้เป็นเพื่อน..ให้มันอยู่ในบ้าน กินอาหารจากจานเดียวกัน คือเลี้ยงเหมือนมันเป็นสมาชิกในครอบครัวเลย (ถ้าใครเคยดูโกโกริโกะ เกมส์กึ๋ย..”ฮามากุจิกับไก่ชื่อชากุเละ”..นั่นคือภาพเดียวกัน) เสร็จแล้วเมื่อมีแขกมาเยี่ยม แทนที่เศรษฐีจะเอาแกะของตัวเองไปเลี้ยงแขก เศรษฐีกลับไปเอาแกะของชายยากจน..ที่มีอยู่เพียงตัวเดียว..มาทำอาหาร ดาวิดฟังแล้วจะว่าไง

ดูต่อ 2ซมอ.12:5-6 พอฟังนาธันเล่าจบปุ๊บ..ดาวิด”ขึ้น”เลย “พระเจ้าทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด คนที่ทำอย่างงั้นต้องตาย” ข้อที่6 ดาวิดยังตัดสินว่าเศรษฐีคนนั้นจะต้องชดใช้ให้ชายยากจนอีก4เท่า..ตามธรรมบัญญัติ ดาวิดยังไม่รู้ตัวว่านาธันกำลังพูดถึงอะไร เขาถึงมีสุภาษิตที่บอกว่า..โทษคนอื่นมองเห็นเช่นภูเขา โทษตัวเรามองไม่เห็นแค่เส้นผม ฟังแล้วเข้าใจมะ..คือ ถ้าเป็นความผิดของตัวเองอ่ะเล็ก..มองไม่ค่อยเห็น..จำไม่ค่อยได้..ลืมไปละว่าทำไรไว้ แต่ถ้าเป็นความผิดของคนอื่นอ่ะ..เห็นชัด..จำแม่นอีกต่างหาก

ดู2ซมอ.12:7-8 “ฝ่าพระบาทนั่นแหละ คือ ชายคนนั้น !!! (อึ้งไปเลย..ดาวิด) พอดาวิดหลุดปากพิพากษาเศรษฐีคนนั้นปุ๊บ นาธันสวนทันที..ว่า you นั่นแหละคือเศรษฐีคนนั้นที่สมควรตาย..ดาวิดติดกับตัวเองอย่างจัง นี่คือเหตุผลนึงที่พระเจ้าให้นาธันใช้วิธี”เล่าเรื่อง”ในการที่จะชี้ความผิดบาปให้ดาวิดเห็น นาธันไม่เน้นการประนามหรือกล่าวโทษรุนแรง ทั้งที่ความผิดบาปของดาวิดก็หนักเอาการอยู่ นาธันใช้วิธีนิ่งๆแต่ดาวิดต้องยอมจำนน เพราะการเล่าเรื่องของนาธันทำให้ดาวิดพิพากษาตัวเองเสร็จเรียบร้อย นับเป็นกลยุทธ์ที่ฉลาดมาก

“พระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล ตรัสดังนี้ว่า “เราตั้งเจ้าให้เป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอล ช่วยกู้เจ้าออกจากมือของซาอูล และมอบวงศ์วานเจ้านายไว้ในมือของเจ้า (คือให้ดาวิดชนะศัตรูมากมาย) มอบภรรยาเจ้านายไว้ในอกของเจ้า และมอบวงศ์วานอิสราเอลและยูดาห์ให้แก่เจ้า ถ้าเท่านี้ยังน้อยไปเราจะเพิ่มให้อีก” ..แล้วทำไมต้องขโมยเขากิน!!! พ่อเสียใจนะทำอย่างงี้อ่ะ ทรัพย์สินก็มีมากมาย ผู้หญิงสวยๆก็มีเยอะแยะ อำนาจก็มีล้นมือ ถ้ายังไม่พอ..ก็ขออีกได้

ดู 2ซมอ.12:9 “ทำไมเจ้าดูหมิ่นพระวจนะของพระเจ้า”..ทำอย่างงี้เท่ากับไม่เชื่อฟัง แล้วบาปของการไม่เชื่อฟังก็ร้ายแรง อย่างสมัยนี้ถ้า”ไม่เชื่อพระเยซู” วิญญาณก็ตายสถานเดียว แล้วโทษที่ดาวิดพิพากษาตัวเองตอนที่นาธันเล่าเรื่องก็คือ”ตาย”เหมือนกัน แต่ดาวิดจะไม่ถึงตายเพราะอะไร..เดี๋ยวเราจะได้รู้กันต่อไป

“เจ้าฆ่าอุรีอาร์เสียด้วยดาบ เอาภรรยาของเขามาป็นของตน และฆ่าเขาด้วยดาบของคนอัมโมน” ตอนนี้พระเจ้าทรงชี้ความผิดของดาวิดตรงๆ ความหมายของพระองค์ก็คือ ทำไมไม่ใช้สิ่งที่พ่อให้ในทางที่ถูก...ไปแย่งของคนอื่นเขาทำไม..ถือว่าตัวเองเป็นกษัตริย์..มีอำนาจล้นมือใช่มั๊ย อยากได้อะไรก็จะเอาให้ได้..ไม่เคยนึกถึงคนอื่นหรือความถูกต้องเลย (ตอนนี้ดาวิดเหมือนอะไร..ก็เหมือนเด็กที่พ่อแม่รวย..มีทุกอย่างให้มากมายจนมันแทบจะล้นออกทางจมูก แต่ยังชอบไปขโมยของตามห้างสรรพสินค้า แสวงหาความตื่นเต้นเร้าใจ..เพียงแต่คนละแบบเท่านั้นเอง)

ดู2ซมอ.12:11-12 “เราจะให้เหตุร้ายเกิดขึ้นกับเจ้า..” พอแจ้งข้อหาเสร็จ..คำพิพากษาก็ตามมาทันที “เราจะยกภรรยาของเจ้าไปต่อหน้าต่อตา..ผู้นั้นจะนอนร่วมกับภรรยาของเจ้าอย่างเปิดเผย เพราะเจ้าทำการนั้นอย่างลับๆ แต่เราจะทำการนี้ต่อหน้าอิสราเอลทั้งปวง”

ดาวิด”แอบ”พาบัทเชบามานอนด้วย (ดาวิดแอบทำ) แต่พระเจ้าจะให้คนอื่นแย่งภรรยาเขาไปต่อหน้าต่อตา...โดยที่ดาวิดทำไรไม่ได้เลย..แปลว่า เจ็บกว่าที่เค้าทำไว้กับอุรีอาร์ เพราะอุรีอาร์ไม่รู้ไม่เห็นการกระทำของดาวิด..ถึงปกป้องบัทเชบาไม่ได้ก็ยังไม่เจ็บใจเท่าไหร่ แต่ดาวิดจะเห็นคนอื่นเอาเมียตัวเองไปต่อหน้า..แต่ทำอะไรไม่ได้ แล้วจะยิ่งเจ็บหนักหนาสาหัสขึ้นไปอีกถ้าได้รู้ว่า”ใคร” คือคนที่จะแย่งภรรยาของเขาไป แค่นั้นยังไม่พอเพราะ”บาปในที่ลับ ที่สุดแล้วพระเจ้าจะทรงสำแดงผลของมันในที่แจ้ง” พระเจ้าจะทำให้ความเจ็บปวดและอับอายของดาวิด..เกิดขึ้นอย่างเปิดเผยแล้วก็รู้กันไปทั่วอิสราเอล เหมือนที่ดาวิดพิพากษาให้เศรษฐีคนนั้นต้องใช้คืนถึง 4 เท่า..หรือมากกว่า

ดู2ซมอ.12:13 สิ้นสุดคำพิพากษาดาวิดตอบรับทันที “เรากระทำบาปต่อพระเจ้าแล้ว” แต่นาธันก็ตอบกลับทันทีเหมือนกันว่า “พระเจ้าทรงอภัยให้ฝ่าพระบาทแล้ว..เช่นกัน เพราะฉะนั้น ฝ่าพระบาทจะไม่ถึงตาย” บางคนสงสัย ทำไมพระเจ้าทรงอภัยให้เร็วจังเลย พระองค์ทรงชันสูตรใจดาวิดยังไง ก็เห็นดาวิดพูดคำเดียวเอง..แค่ยอมรับว่าทำบาปต่อพระเจ้าจริง พระเจ้าก็อภัยให้ทันที แต่ความจริงก็คือ ดาวิดไม่ได้พูดแต่ปาก เพราะพระเจ้าจะไม่ทรงอภัยให้คนที่ดีแต่พูดอย่างเดียวแต่ไม่กลับใจใหม่จริงๆ ในบทนี้อาจจะไม่ชัดเจนว่าดาวิด..กลับใจจริงรึเปล่าแต่ตามที่บันทึกไว้ในหนังสือสดุดี..น่าจะใช่

ดู สดุดี 32:3-4 สดุดีสองข้อนี้ทำให้เรารู้ว่า..ระหว่างที่ดาวิดกำลังปกปิดความบาปของตัวเองอยู่..เขาไม่มีความสุขเลย ในขณะที่ภายนอกดูไม่เปลี่ยนแปลง ดูไม่ออกว่าดาวิดสำนึกผิดรึยัง..หรือสำนึกมากน้อยแค่ไหน แต่ข้างในดาวิดเจ็บปวดมากเพราะพระเจ้าชี้ชัดความผิดในใจดาวิดตลอดเวลา คริสเตียนแท้จะต้องมีประสบการณ์นี้ ถ้าเราทำผิดโดยไม่รู้ตัว..หรือรู้แต่ทำเป็นไม่สนใจ เราจะอยู่ไม่ติด..มันจะฟ้องผิดในใจเพราะพระเจ้าจะสำแดงชี้ชัดให้เรารู้..ว่าเราทำผิด เราจะรู้สึกแย่ เราจะเจ็บปวด..ทุรนทุรายเหมือนที่ดาวิดบันทึกไว้ในข้อนี้ว่า

”ร่างกายของข้าพระองค์ก็ร่วงโรยไป....พระหัตถ์ของพระองค์หนักอยู่บนข้าพระองค์ทั้งวันทั้งคืน กำลังของข้าพระองค์ก็เหี่ยวแห้วไป” เพราะกินไม่ได้นอนไม่หลับ บาปที่ทำ..มันฟ้องให้รู้สึกผิดและเผาผลาญใจอยู่ตลอดเวลา..จนเราจะทำเฉย..”ไม่ได้”

เพราะฉะนั้น การกลับใจใหม่ของดาวิด..จริงๆแล้วเกิดจากความเจ็บปวดที่พระเจ้าทรงสำแดงกับเขาก่อนแล้ว จากนั้น พระองค์ก็ทรงใช้นาธันเข้ามา เราเลยเห็นว่า..พอนาธันชี้โทษดาวิด ปุ๊บ..เขายอมรับทันที ดาวิดใจละลายพร้อมรับคำพิพากษาและรับการอภัยด้วย ดังนั้น..ไม่ใช่แค่การอภัยเท่านั้นที่เป็นพระคุณที่มาจากพระเจ้า แต่”การฟ้องผิดและการกลับใจใหม่” ของดาวิดและพวกเรา ก็เป็นสิ่งที่พระเจ้าให้เหมือนกัน..

กลับมาที่ 2ซมอ.12:14 พระเจ้าทรงยกโทษให้ดาวิด..และเขาจะไม่ถึงตาย แต่ราชบุตรที่จะประสูตรมาจะต้องเสียชีวิต นี่คือ พระลักษณะของพระเจ้าที่ทรงบอกเราไว้ผ่านทางโมเสส (จำได้มะ) ดู อพยพ 34:6-7 “พระเยโฮวาห์ พระเยโฮวาห์ พระเจ้าผู้ทรงกรุณา ทรงกอปรด้วยพระคุณ ทรงกริ้วช้าและบริบูรณ์ด้วยความรักมั่นคง และความสัตย์จริง ผู้ทรงสำแดงความรักต่อมนุษย์กระทั่งพันชั่วอายุ ผู้ทรงโปรดยกโทษการล่วงละเมิด การทรยศ และบาปของเขาเสีย แต่จะทรงถือว่าไม่มีโทษก็หามิได้ และให้โทษบิดาตกทอดไปถึงลูกหลานสามชั่วสี่ชั่วอายุคน”

..ทรงโปรดยกโทษ การล่วงละเมิด การทรยศ และบาปของเขาเสีย แต่..จะทรงถือว่าไม่มีโทษก็หามิได้..เพราะฉะนั้น พระเจ้าทรงยกโทษให้..วิญญาณของดาวิดจะได้รอด โดยองค์พระเยซูคริสต์ของเรานี่แหละ แต่ดาวิดและพวกเราด้วยยังต้องกินผลที่ทำ..แห่งโลกใบนี้ เพราะถ้าพระเจ้าปล่อยให้บาปของเราผ่านไปเฉยๆ โดยไม่ลงโทษอะไรเลย พวกที่ชอบฉวยโอกาส..ก็จะเอาเป็นเยี่ยงอย่าง ดังนั้น เมื่อคนของพระเจ้าทำผิด..ไม่ว่าจะเป็นดาวิดหรือพวกเราก็ต้องถูกพิพากษาทุกคน เพราะมันเป็นสิ่งที่สมกับความยุติธรรม..แล้วที่สำคัญ..ก็เพื่อพระนามของพระเจ้าจะได้รับเกียรติ

ดาวิดฆ่าอุรีอาร์ด้วยดาบ..ดังนั้นดาบจะไม่ห่างไปจากราชวงศ์ของดาวิด..ลูกชายที่เกิดจากนางบัทเชบา..จะต้องตายตกตามกัน ดาวิดไปแย่งภรรยาเขามา..อีกหน่อยภรรยาของดาวิดจะถูกแย่งไป แล้วไม่ใช่ในที่ลับอย่างที่ดาวิดทำ แต่..ต่อหน้าต่อตาดาวิดรวมทั้งคนอิสราเอลทั้งหมดด้วย..ที่จะได้เห็นการพิพากษาที่ลงมาเหนือดาวิด

ดู 2ซมอ.12:15-17 หลังจากที่ถูกพิพากษาแล้ว ไม่นานลูกชายของดาวิดที่เกิดกับนางบัทเชบาก็ป่วยหนัก ตอนที่ยังป่วยอยู่เนี่ย..ข้อที่16 บอกว่า “ดาวิดอดอาหาร แล้วก็นอนบนพื้นดินคืนยันรุ่ง..อธิฐานอย่างหนักไม่กินไม่นอน พวกข้าราชการก็เป็นห่วงมายืนเฝ้ากัน ก็ได้แต่มองเพราะดาวิดไม่ยอมกินอะไรทั้งนั้น ไม่ลุกจากพื้นเลย จนข้อที่18 บอกว่า..”พอเจ็ดวันผ่านไปพระกุมารก็ตาย..” แต่ไม่มีใครกล้าบอกดาวิด เพราะตอนลูกยังไม่ตาย ดูแล้วดาวิดยังอาการหนักขนาดนั้น..ถ้ารู้ว่าตายอาการจะหนักขนาดไหน..จะทำร้ายตัวเองมั๊ย..พวกข้าราชการคิดแล้ว..ก็ไม่กล้าบอก

ดู 2ซมอ.12:19-20 โดยที่ไม่ต้องมีใครบอก..พอดาวิดเห็นพวกข้าราชการซุบซิบกัน เขาก็ถามว่า”ลูกชายเขาตายแล้วใช่มั๊ย” พวกข้าราชการเลยต้องบอกความจริงว่า”พระกุมารตายแล้ว” จากนั้นเกิดอะไรขึ้น..ข้อที่20 บอกว่า..พอรู้อย่างงั้นดาวิดลุกขึ้นจากพื้นทันที ไปอาบน้ำแต่งตัว เข้าไปนมัสการพระเจ้าในพระนิเวศน์ เสร็จแล้วก็บอกให้เตรียมอาหารมาแล้วดาวิดก็เสวย...!!! คนอื่นเห็นแล้วงง..ก็เลยถามดาวิดว่า..ทำไมถึงเป็นอย่างงี้ ตอนที่พระกุมารยังมีชีวิตอยู่..ดาวิดอดอาหารอธิฐานคืนยันรุ่ง ใครเรียกยังไงก็ไม่กิน..ไม่ทำอะไรทั้งนั้น แต่พอลูกตายปุ๊บ..กลับลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัว..กินข้าวกินปลา ดาวิดคิดยังไงถึงทำอย่างงี้ (ดูต่อไปว่าดาวิดจะตอบว่าไง)

ดู 2ซมอ.12:22-23 ดาวิดบอกว่า”ตอนที่เด็กยังมีชีวิตอยู่ เขาอดอาหารร้องไห้..คร่ำครวญ..อธิฐาน เพื่อว่าบางทีพระเจ้าอาจจะทรงเมตตา..กลับพระทัยไม่ลงโทษแล้วไว้ชีวิตลูกชายเค้า แต่เมื่อลูกเค้าตายแล้ว จะอดอาหารทำไม..ในเมื่อเห็นชัดเจนแล้วว่าพระเจ้าทรงยืนยันให้เป็นอย่างงั้น แล้วถ้ายังจะอดอาหารอยู่..ก็จะกลายเป็นว่าเรากำลังประท้วงพระเจ้า..ไม่ยอมรับการตัดสินใจของพระองค์ ดาวิดถึงลุกขึ้นดำเนินชีวิตประจำวันตามปกติทันที..เพื่อสำแดงให้เห็นว่าเขายอมรับน้ำพระทัยของพระเจ้า แล้วก็มีความเชื่อมากพอที่จะไม่คร่ำครวญ..จมปลักอยู่กับความต้องการของตัวเอง แต่การทำอย่างงี้..มันไม่ง่าย ทำไมดาวิดถึงทำได้..คำตอบคือ เพราะดาวิดเห็นพระเจ้าใหญ่กว่าทุกอย่าง..”จริงๆ” เขาถึงสามารถตัดใจยอมรับในวิถีของพระองค์ได้เสมอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น.. (แต่คนที่ตัดใจไม่ได้ ก็ไม่ได้แปลว่า เขาผิดหรือไม่รักพระเจ้า..ไม่ใช่!! มันแค่เป็นความต่างของความเชื่อ..ที่โต กับยังไม่โต..เท่านั้นเอง)

ส่วนการอดอาหารในระหว่างที่ยังมีความหวังอยู่..ก็เป็นการแสดงให้เห็นถึงความเชื่อฟังและกลับใจใหม่จริงๆ แล้วที่ไม่กลับใจมันเป็นยังไง..

ดู1ซมอ.3:17-18 ข้อนี้บอกว่า..ซามูเอลจึงบอกทุกอย่างแก่เอลี แล้วทุกอย่างที่ซามูเอลบอกก็คือ วาระแห่งการพิพากษาเอลีและบุตรมาถึงแล้ว..เอลีกับลูกทั้งสองคนจะตายในวันเดียวกัน ประเด็นสำคัญที่จะให้เด็กๆดูก็คือ พอเอลีได้ยินคำพิพากษาตัวเองกับลูกแล้ว..เขามีท่าทียังไง ข้อที่18 เอลีบอกว่า..”คือพระเจ้าเอง ขอพระองค์ทรงกระทำตามสิ่งที่พระองค์ทรงเห็นชอบเถิด” แปลว่า ก็พระองค์เป็นพระเจ้าอ่ะ..พระองค์ใหญ่สุดอยู่แล้ว ขอทรงกระทำตามที่พระองค์ทรงเห็นชอบเถิด อะไรจะเกิดก็เกิดแต่เขาจะทำเหมือนเดิม..เพราะชั้นยังอยากอ้วนพีด้วยส่วนที่ดีที่สุดจากของถวาย ก็เลยปล่อยให้ลูกโกงพระเจ้าอยู่อย่างงั้น..แล้วอะไรจะเกิดก็ช่าง เอลีไม่ได้ร้องไห้คร่ำครวญคืนยันรุ่ง ไม่ได้อดอาหารอธิฐาน ไม่..แม้แต่จะพูดกับพระเจ้าซักคำว่า..พระองค์เจ้าข้า ลูกผิดไปแล้ว หรือลูกได้กระทำบาปต่อพระเจ้าแล้ว (คือ พระเจ้าเอง..ขอทรงกระทำตามที่พระองค์ทรงเห็นชอบ..เอลีพูดได้แค่นี้เอง)

แต่ดาวิดไม่เหมือนเอลี เราถึงเชื่อได้ว่า”ดาวิดกลับใจจริงๆ” เพราะในขณะที่เอลียักไหล่ต่อการพิพากษาของพระเจ้า ดาวิดไม่แค่ก้มศรีษะลงหรือคุกเข่าต่อหน้าพระเจ้า แต่ดาวิดนอนราบลงศีรษะจรดพื้นดินโดยไม่ยอมลุกขึ้น แล้วดาวิดก็อดอาหารเพื่อเป็นการบอกพระเจ้าว่า..พระองค์เจ้าข้า”ลูกผิดไปแล้ว ลูกสำนึกแล้ว..ขอทรงเมตตายับยั้งพระอาชญาของพระองค์เถิด แต่จะยับยั้งหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับพระเจ้า แล้วเราก็ต้องยอมรับด้วย..

ดู 2ซมอ.12:24 พอดาวิดทำใจและตั้งสติตัวเองได้แล้ว เขาก็ไปปลอบใจบัทเชบา..จากนั้น เขากับบัทเชบาก็มีลูกใหม่ด้วยกันชื่อ”ซาโลมอน” พระคำภีร์บอกว่า..”พระเจ้าทรงรักซาโลมอน” เลยทรงใช้ให้นาธันมาเผยพระวจนะ..ว่าซาโลมอนเป็นที่โปรดปรานของพระองค์ และเรียกชื่อเขาว่า..”เยดีดิยาห์”

ตอนสุดท้ายของบทที่12 พระคำภีร์จะวกกลับไปที่สนามรบ ดูความคืบหน้าในชัยชนะเหนือคนอัมโมน..ของอิสราเอล ดู2ซมอ.12:26-28

ข้อที่ 26บอกว่า..ตอนนี้โยอาบตีเมืองรับบาห์ได้แล้ว เขาก็เลยส่งผู้สื่อสารไปหาดาวิด..บอกดาวิดให้นำกำลังพลสำรองมาที่รับบาห์...เพราะจะต้องมีการเข้ายึดเมืองอย่างเป็นทางการ..ซึ่งอันนี้เป็นหน้าที่ของกษัตริย์ ข้อที่ 28 โยอาบถึงได้บอกว่า..”เกลือกว่าข้าพระบาทตีได้ จะต้องเรียกชื่อเมืองนั้นตามชื่อของเขา” แล้วดาวิดจะไม่ได้รับเกียรติในการนี้ เพราะฉะนั้น ถึงโยอาบจะเป็นคนตีได้แต่..แต่ตอนที่เข้ายึดครองอย่างเป็นทางการจะต้องเป็นหน้าที่ของกษัตริย์ ข้อที่ 30 บอกว่า พอดาวิดเข้ายึดเมืองแล้ว..เขาก็ริบมงกุฎจากกษัตริย์ แล้วคนอัมโมนก็ตกเป็นทาสทำงานรับใช้คนอิสราเอล

วันนี้หมดเวลาแล้วค่ะ..แต่การถูกพิพากษาของดาวิดจะยังไม่จบลงง่ายๆ ขอให้เราเรียนรู้ไปด้วยกัน ซึมซับความเจ็บปวดไปด้วยกัน เพื่อที่จะไม่หันไปตามทางนั้น..ทางที่ผิดบาปของดาวิด พบกันใหม่สัปดาห์หน้า..ขอพระเจ้าอวยพรค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น