วันจันทร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

หนังสือ 2ซามูเอล ครั้งที่7 อาทิตย์ที่ 14:11:2010

เรากำลังอยู่ในช่วงที่ดาวิดกำลังล้มลงในความบาป (อย่างหนักด้วย เพราะการล่วงประเวณี คือเรื่องใหญ่ในสายพระเนตรพระเจ้า) จริงๆแล้วเหตุการณ์มันเริ่มจากอะไร ถ้าเราทบทวนดูซักนิดนึงก็รู้ว่า..มันเกิดขึ้นเพราะแค่..”ดาวิดไม่ยอมออกไปรบ” ส่วนปัจจัยและเหตุที่ทำให้ดาวิดเปลี่ยนไป..เดี๋ยวเราค่อยมาคุยกันทีหลัง ตอนนี้ มาเรียนให้รู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดก่อน ตอนที่แล้วพระคำภีร์บอกว่า..”พอถึงหน้าแล้งที่บรรดาประชาชาติก็จะออกไปทำสงคราม ดาวิดก็สั่งโยอาบให้เกณฑ์ชายอิสราเอลทั้งหมด..ให้ไปจัดการกับพวกอัมโมน” ...แต่ตัวเองไม่ไป ตรงจุดนี้ลองคิดให้ดี บางคนสงสัยว่าเรื่องนี้บัทเชบาผิดมั๊ย บางคนบอกว่า..ก็คงต้องผิดมั่งแหละ แต่ถ้าดูตามที่พระคำภีร์บ่งไว้ “บัทเชบา..ไม่น่าจะผิด” เพราะเธออาบน้ำตอนไหน..ตอนเย็น ไม่ได้ลุกขึ้นมาอาบกลางแจ้งตอนกลางวันแสกๆ แล้วอีกอย่าง..บัทเชบามีสิทธิ์จะคิดว่ามันปลอดภัยจากสายตาผู้ชาย เพราะอะไร..ก็ตอนนี้ออกไปรบกันหมด ใครจะไปรู้ว่า..ครั้งนี้ กษัตริย์ผู้กระทำตามพระทัยพระเจ้าจนถึงที่สุดจะอยู่เฝ้าแท่นบรรทม..แต่ถึงจะเข้าใจไม่เหมือนกันในเรื่องบัทเชบาก็ไม่เป็นไร..เพราะนั่นไม่ใช่ประเด็น ให้เรามาดูต่อว่าดาวิดจะเลิกทำบาปมั๊ย..จะกลับใจใหม่รึยัง หรือยังจะให้ความบาปมันกัดกินต่อไป..
ดูต่อ 2ซมอ.11:10-11 คนที่มากราบทูลดาวิดว่าอุรีอาร์ไม่ได้กลับบ้าน คงเป็นคนที่ดาวิดใช้ให้ตามไปสอดแนมอุรีอาร์ แต่เมื่อผลที่ออกมามันไม่เป็นไปตามแผนที่ดาวิดวางไว้ เขาก็เรียกอุรีอาร์มาอีก แล้วถามว่า ”อุรีอาร์ เจ้าเดินทางมาเหนื่อยๆ ทำไมไม่กลับไปพักผ่อน..กลับไปหาภรรยาที่บ้าน” อุรีอาร์ตอบว่า “ตอนนี้..โยอาบกับเหล่าทหารของอิสราเอลยังทำสงครามอยู่ในสนามรบ แล้วกษัตริย์จะให้เขากลับไปเสพสุขสำราญที่บ้านได้ยังไง” (อายมะ..ดาวิด) ข้อที่11 อุรีอาร์ปฎิญาณว่า “พระองค์ทรงพระชนม์อยู่และวิญญาณจิตของพระองค์มีชีวิตอยู่แน่ฉันใด ข้าพระบาทจะไม่กระทำอย่างงี้เลย” หมายความว่า อุรีอาร์ไม่มีทางจะกินอยู่อย่างสุขสบาย..ในขณะที่เพื่อนทหารยังอยู่ในสนามรบแน่นอน ดาวิดไม่เข้าใจหรือไง..ว่าตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในที่ๆควรอยู่ แล้วเขาก็ไม่ได้อยากจะเดินทางกลับมาแต่ดาวิดต่างหากที่บังคับเขา ดังนั้น ในฐานะทหาร..อุรีอาร์จะไม่มีวันทำลายจิตสำนึกของตัวเองด้วยการเอาเปรียบเพื่อน ถึงตัวจะไม่ได้อยู่ในสนามรบแต่อุรีอาร์ก็ยืนยันที่จะใช้ชีวิตแบบเดียวกับที่เพื่อนทหารเป็นอยู่ตอนนี้
ดู 2ซมอ.11:12-13 รู้สึกว่าอะไรๆมันชักจะไม่ง่ายอย่างที่คิด ดาวิดคงนึกไม่ถึงว่าจะมีคนที่สัตย์ซื่อในหน้าที่ต่อชาติบ้านเมืองขนาดนี้ จริงๆอุรีอาร์ก็เหมือนดาวิดตอนที่ยังไม่ได้เป็นกษัตริย์..เพราะฉะนั้น จุดนี้ก็น่าคิดเหมือนกัน ทำไมอำนาจและความสุขสบายถึงทำให้ดาวิดเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้....
และเมื่ออุรีอาร์ยังไม่ยอมติดกับ..ไม่ยอมกลับไปนอนกับบัทเชบา ดาวิดเลยต้องปรับเปลี่ยนแผนการนิดหน่อย หลังจากที่บิ๊วท์อุรีอาร์ไม่ขึ้น ดาวิดเลยปล่อยให้อุรีอาร์ค้างอยู่ที่เยรูซาเล็ม พอวันต่อมา..ดาวิดก็เชิญอุรีอาร์มาดื่มกินกับเค้า กษัตริย์ออกปากทั้งที..ใครจะกล้าปฏิเสธ
ข้อที่13 บอกว่า..”และพระองค์ทรงกระทำให้เขามึนเมา” ในเมื่อพูดดีๆก็แล้ว ทอดสะพานก็แล้ว อุรีอาร์ก็ไม่หลงกลซะที ดาวิดเลยคิดอุบายใหม่..มอมเหล้าเค้าซะเลย กะว่าเมาแล้วจะได้ยอมกลับไปหาภรรยา เพราะคนส่วนใหญ่ชอบคิดว่า..เวลาเมาคนเรามักจะทำในสิ่งที่..ตอนมีสติจะไม่ทำเด็ดขาด แต่อุรีอาร์ไม่ใช่คนเฟก..จะเมาหรือไม่เมาเค้ายังทำเหมือนเดิม แสดงว่าความสัตย์ซื่อของเค้าคงลึกลงจนถึงระดับจิตใต้สำนึก..จิตวิญญาณของอุรีอาร์สัตย์ซื่อจริง เพราะข้อนี้บอกว่า..ถึงจะเมามากแค่ไหน อุรีอาร์ไม่กลับบ้านอยู่ดี..พระคำภีร์บอกว่าคืนนั้น เขาก็ออกไปนอนกับพวกข้าราชการที่ประตูเมืองเหมือนเดิม
ดู 2ซมอ.11:14-16 มาถึงข้อนี้ ทุกคนคงคิดเหมือนกัน..ไม่น่าเชื่อว่าดาวิดจะเป็นไปได้ขนาดนี้ พอแผนการที่จะให้อุรีอาร์เป็นพ่อของเด็กในท้องบัทเชบาไม่สำเร็จอย่างที่ตั้งใจ ดาวิดก็คิดจะฆ่าอุรีอาร์ทิ้ง ข้อนี้บอกว่า..ดาวิดส่งแผนการฆ่าอุรีอาร์ไปถึงโยอาบ ใจความว่า..”โยอาบต้องส่งอุรีอาร์เป็นกองหน้าไปรบตรงที่ดุเดือดที่สุด” ..คือตรงไหนที่คิดว่าไปแล้วตายแน่..ก็ให้ส่งไปตรงนั้น เสร็จแล้วก็แอบสั่งให้คนอื่นถอยกลับมา..ทิ้งอุรีอาร์ไว้เป็นเป้าให้ศัตรูฆ่า..” เราไม่รู้ว่าดาวิดคิดยังไง เพราะถึงอุรีอาร์จะตายคนทั้งเมืองก็รู้อยู่ดีว่าเด็กในท้องบัทเชบาเป็นลูกดาวิด (ก็เรายังรู้เลย คนสมัยนั้นจะไม่รู้ได้ไง)
แต่ตอนนี้ ดาวิดคงมืดบอดจริงๆ เลยยังคิดจะสานต่อความบาปให้มันลุกลามใหญ่โต จดหมายที่เขียนถึงโยอาบ จริงๆแล้วก็คือหมายประหาร เพียงแต่ดาวิดสั่งให้โยอาบทำอย่างแยบยล เพราะการตายในสนามรบมันเป็นเรื่องปกติของทหาร..แต่ไม่น่าเชื่อว่าแผนที่ชั่วร้ายขนาดนี้จะออกมาจากปากและสมองของดาวิด ข้อที่16 บอกว่า “..โยอาบจึงกำหนดให้อุรีอาร์ไปรบตรงที่ที่มีทหารเข้มแข็งมาก” แปลว่า ตอบสนองคำสั่งกษัตริย์ทันที ด้วยการส่งอุรีอาร์ไปตายตรงจุดอันตราย
ดู2ซมอ.11:17 ข้อนี้บอกว่า “..มีคนตายบ้างคือข้าราชการของดาวิด” ก็อยู่ดีๆต้องบุกเข้าไปรบในฐานของพวกอัมโมน..เท่ากับไปเป็นเป้าให้เค้าโจมตี ทหารอิสราเอลบางส่วนเลยต้องถูกฆ่า และแน่นอนในจำนวนที่ตายนี้..มีอุรีอาร์รวมอยู่ด้วย..สมใจดาวิดซะที น้าตุ๊กคงต้องพูดตรงๆว่าทหารอิสราเอลที่ตายทั้งหมดนี้ “ถูกฆาตกรรม” ทุกคนตกเป็นเหยื่อของสงครามเพียงเพราะแค่ดาวิดต้องการจะปกปิดความบาปของตัวเอง โยอาบเองก็ถูกดึงเข้ามาเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดด้วยในการทำให้โลหิตผู้บริสุทธิ์ตก ดาวิดไม่แค่ปล่อยให้ความบาปของตัวเองหนักหนาสาหัสขึ้น แต่เค้าขยายวงกว้างไปให้คนอื่นต้องทำบาปด้วย
ดู2ซมอ.11:18-21 เมื่อภาระกิจสำเร็จแล้ว โยอาบก็ส่งผู้สื่อสารไปหาดาวิด แต่การไปบอกข่าวก็ต้องทำอย่างระวัง..ไม่ให้ใครรู้ได้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสนามรบครั้งนี้ “เป็นแผนชั่วของดาวิด โดยมีโยอาบเป็นผู้สมคบ” ในข้อนี้ โยอาบกำชับผู้สื่อสารอย่างละเอียด..ชัดเจน..ว่าไปถึงแล้วให้รายงานการโจมตีเมืองรับบาห์และเหตุการณ์ในสนามรบให้ดาวิดรู้ก่อน จากนั้น รอให้กษัตริย์แกล้งแสดงอารมณ์และท่าทีผิดหวังตอบโต้มาซะก่อน ..แล้วค่อยรายงานต่อว่า..อุรีอาร์ คนฮิตไทต์ก็ตายด้วย” เพราะไร ถ้าไปถึงแล้วรีบบอกก่อนเลยว่า..พระองค์เจ้าข้าอุรีอาร์ตายแล้ว..มันก็จะน่าเกลียด” เดี๋ยวคนอื่นจะสงสัยว่า เฮ้ย..ทำไมการตายของอุรีอาร์ถึงสำคัญกว่าเหตุการณ์บ้านเมือง เพราะฉะนั้น โยอาบเลยต้องใส่ใจรายละเอียดของการสื่อสารมากเป็นพิเศษ เพื่อแผนชั่วของกษัตริย์จะได้เป็นความลับมากที่สุด
ดู2ซมอ.11:22-24 พอโยอาบ”ย้ำ”ขั้นตอนการรายงานกับผู้สื่อสารเรียบร้อยแล้ว ผู้สื่อสารก็ไปหาดาวิด พอเจอกษัตริย์ดาวิดเค้าก็เริ่มรายงานทันทีว่า..”ข้าศึกได้เปรียบเรามาก”...มันจะไม่ได้เปรียบได้ไง ก็เล่นลุยไปรบตรงฐานที่มั่นของศัตรูแทนที่จะโจมตีจุดอ่อน (แผนนี้มันคือการฆ่าตัวตายเห็นๆ แถมเอาเครดิตร์ของอิสราเอลมาเป็นเดิมพันอีกต่างหาก) ข้อที่24 ผู้สื่อสารรายงานต่อไปว่า “พลธนูของพวกอัมโมนได้ซุ่มยิงทหารอิสราเอลจากกำแพงเมือง ทำให้ทหารบางคนตาย แล้วอุรีอาร์..ทหารกล้าของพระองค์ก็ตายด้วย” นี่ผู้สื่อสารทำตามที่โยอาบสั่งรึเปล่า เปล่า..มาถึงก็พูดม้วนเดียวจบเลย ไม่เปิดโอกาสให้กษัตริย์ได้เล่นละครมั่งงเลย เพราะถ้าตามที่โยอาบสั่ง..เค้าต้องเว้นช่องให้ดาวิดทำเป็นโมโหซะก่อน..ที่ได้ยินข่าวร้าย เพราะจริงๆแล้ว..นี่คือรายงาน”ภารกิจล้มเหลว”(จริงๆแล้วงานนี้โยอาบเองก็มีแต่เสียกับเสีย) แล้วกษัตริย์..โดยเฉพาะอย่างยิ่งกษัตริย์อย่างดาวิดจะต้องเสียใจมากเพราะสูญเสียทหารกล้าอันเป็นที่รักไปหลายคน แต่ตอนนี้ ดาวิดไม่เหมือนเดิมแล้ว....
ดูต่อไป 2ซมอ.11:25 พอฟังรายงานจากผู้สื่อสารแล้ว ดาวิดไม่โกรธ..ไม่เสียใจแม้แต่นิดเดียว แต่จริงๆ เก็บอาการได้ขนาดนี้..ก็ถือว่าดีมากแล้ว ใจจริงดาวิดคงอยากจะกระโดดจนตัวลอยด้วยซ้ำ เพราะกำจัดอุรีอาร์ไปได้ซะที ต่อไปนี้เค้าจะได้ทำให้บาปของตัวเองเป็นเรื่องถูกกฎหมายซะที นอกจากจะไม่รู้สึกผิดหวังแล้ว ดาวิดยังสวมรอยเป็นกษัตริย์ใจกว้างด้วย เพราะข้อนี้ เค้าสั่งผู้สื่อสารให้ไปบอกโยอาบว่า “อย่าให้เรื่องนี้ทำให้ท่านลำบากใจ เพราะดาบย่อมสังหารไม่เลือกว่าคนนั้นหรือคนนี้” คือ ดาวิดพูดประมาณว่า..”อย่าคิดมากๆ สงครามก็เงี้ย มีได้..ก็ต้องมีเสียเป็นธรรมดา แล้วคมดาบในสนามรบก็ไม่เข้าใครออกใคร..เราเลือกไม่ได้หรอกว่าจะให้ใครตายรึให้ใครอยู่ โยอาบ..ไม่ต้องรู้สึกผิดเลยนะ..เพราะนี่มันเรื่องสุดวิสัย (สุดยอดเลย ดาวิด)
ดู2ซมอ.11:26-27 ส่วนบัทเชบาพอรู้ข่าวว่าสามีตาย..ก็เสียใจมาก ข้อนี้บอกว่า พอเสร็จจากการไว้ทุกข์ให้สามี ดาวิดก็รับบัทเชบามาอยู่ที่วังและแต่งตั้งให้เป็นมเหสี นี่คือ สิ่งที่ดาวิดคิดหวังไว้ จนทำให้เค้าต้องวางแผนฆ่าอุรีอาร์ เพราะแผนการที่จะให้อุรีอาร์เป็นพ่อของเด็กในท้องบัทเชบา..มันไม่สำเร็จ มาตอนนี้ดาวิดสามารถทำบาปของตัวเองให้ดูคล้ายๆเป็นเรื่องที่ถูกกฎหมายได้ เพราะเค้าก็แค่ไปรับหญิงม่ายสามีตายมาเป็นภรรยา แต่เรื่องจะไม่จบแค่นี้..พระเจ้าทรงพระชนม์อยู่ฉันใดทุกคนก็ต้องกินผลที่ทำ และในข้อที่27 นี้ก็บอกทิ้งท้ายไว้ว่า.. ”แต่สิ่งซึ่งดาวิดทรงกระทำนั้นไม่เป็นที่พอพระทัยพระเจ้า”
เพราะฉะนั้น ต่อไปเราจะได้เห็นกันว่าการพิพากษาที่ลงมาเหนือดาวิดนั้น..หนักหนาสาแก่ใจแค่ไหน แล้วสาเหตุคืออะไร..ทำไมดาวิดถึงเปลี่ยนไป คำตอบก็คือ “อำนาจและภาวะที่สุขสบาย” บวกกับ “การละเลยในหน้าที่” ของดาวิด คือตัวจุดชนวนให้ทุกอย่างเกิดขึ้น
ดู ฉธบ.17:18-20 หนังสือที่ว่านี้คือ กฎบัญญัติของพระเจ้าที่ประทานไว้ทางโมเสส ข้อนี้พระเจ้าทรงสั่งให้กษัตริย์ของอิสราเอลคัดลอกพระบัญญัติของพระองค์เก็บไว้ใกล้ๆตัว แล้วก็อ่านทบทวนอยู่เสมอ”ตลอดชีวิต”..แต่ดูเหมือนดาวิดคงไม่ทำ เพราะในบทนี้ไม่มีตอนไหนเลยที่บอกว่าดาวิดเอาพระบัญญัติของพระเจ้ามาทบทวนหรือแต่งบทเพลงสดุดีถวายพระเจ้า สาเหตุนึงคงเป็นเพราะดาวิดผ่านคืนวันที่ทุกข์ยากแสนสาหัสมาเยอะ (อันนี้ไม่ได้เข้าข้าง แต่พูดแบบแฟร์ๆ) เพราะความอ่อนล้าของร่างกายและจิตใจ..มันสามารถทำให้คนอ่อนแอ พอมาถึงจุดที่ได้รับความสำเร็จ..ได้อยู่สุขสบายชี้นกเป็นนก..ชี้ไม้เป็นไม้ ดาวิดก็ติดสบาย..ไม่อยากออกไปเหนื่อย ดาวิดถึงได้ละเลยในหน้าที่ที่ควรทำ เค้าไม่ทบทวนหรืออาจจะแค่”พัก” ผลัดไปก่อนในการที่จะใส่ใจในพระบัญญัติตามที่พระเจ้าสั่งไว้ เค้าไม่ออกไปนำการรบซึ่งจริงๆ เป็นหน้าที่โดยตรงของกษัตริย์..และดาวิดเองก็เคยทำได้ดี แต่มาถึงตอนนี้ ดาวิดติดการเสวยสุข..ตื่นนอนตอนเย็น ในขณะที่ทหารของเค้ากำลังคร่ำเคร่งอยู่ในสงคราม และผลจากการละเลยหน้าที่ในวันนั้น..ก็ลากยาวมาจนทำให้เค้าต้องฆ่าอุรีอาร์ !!! พอจะมองออกรึยังว่าการละเลย..เรื่องเล็กๆน้อยๆ ออกห่างพระเจ้านิดๆหน่อยๆ..มันทำให้เราวิบัติได้แค่ไหน
แล้วบ่อยครั้งแค่ไหนที่เราคิดว่า..ไม่ว่างก็ไม่ต้องมาโบสถ์ อาทิตย์ไหนขี้เกียจก็ไม่ต้องมา อยากมาก็มา..ไม่อยากมาก็ไม่ต้องมา น้าตุ๊กไม่ได้หมายความว่าเราขาดโบสถ์ไม่ได้..ขาดได้ ลาได้แต่ท่าทีในใจนั้นต่างหาก..ที่สำคัญ เราเหนื่อยจริงๆ เรามีธุระจริงๆ บังเอิญเราจองวันพักผ่อนได้ตรงกับวันอาทิตย์จริงๆ หรือเราเห็นนิเวศน์ของพระเจ้าเป็นของตาย..นี่ต่างหากที่สำคัญ
แล้วความลั้นลาของดาวิดที่ไม่ยอมทบทวบพระบัญญัติ มันก็ไม่ต่างอะไรกับพวกที่คิดว่า..แค่มาโบสถ์ก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องอ่านพระคำภีร์ เค้าเทศน์ก็ฟังมั่ง..ไม่ฟังมั่ง หรือฟังไปงั้นๆไม่ได้สนใจอะไรมากมาย เห็นคนที่หิวกระหายก็ไม่เข้าใจว่าจะกระหายอะไรกันนักหนา..แค่เชื่อก็น่าจะพอแล้ว ด้วยความเคารพอย่างสูง..พอจริงๆค่ะ..แต่คุณจะเจ็บและคุณจะเหนื่อย จะหนักกว่าหรือน้อยกว่าดาวิดก็แล้วแต่กรณี (ถ้าคุณเป็นของพระเจ้า..จริงๆ)
ดูฉธบ.8:12-14 แล้วตอนนี้ดาวิดก็กำลังอยู่ในภาวะที่ได้รับประทานอิ่มหนำ..ได้สร้างบ้านเรือนดีๆ (ระดับพระราชวัง)....มีทรัพย์สินเงินทองและอำนาจล้นมือ (ไม่ใช่แค่ CEO ของบริษัทยักษ์ใหญ่ แต่ได้เป็นถึงกษัตริย์) เพราะฉะนั้น ภาพของดาวิดตอนนี้เป็นสิ่งยืนยันความจริงในถ้อยคำของพระเจ้าว่า..ยิ่งมั่งคั่งก็ยิ่งอันตราย แล้วถ้าทั้งรวย..ทั้งมีอำนาจมากก็ยิ่งอันตรายและเสี่ยงต่อการที่จะล้มลงในความบาปมากขึ้นไปอีก..เหมือนดาวิด น้าตุ๊กยังขอยืนยันอีกครั้งนึงว่า..เราบางคนยากจนก็ดีแล้ว ถึงไม่อยากฟังก็จำเป็นต้องพูดเพราะมันคือความจริง เด็กๆมีบ้านที่อบอุ่นและปลอดภัย..ก็เพียงพอแล้ว ไม่ต้องหลังใหญ่ ถึงจะเป็นแค่ห้องเช่าเล็กๆ ก็จงขอบพระคุณ ไม่ต้องมีรถยนต์ส่วนตัว ต้องนั่งรถเมล์บ้าง..ไรบ้าง ก็จงก้มศีรษะลงขอบพระคุณ เพราะพระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่า..ถ้าเรามีมากกว่านี้ แล้วจะเกิดอะไรขึ้น แต่น้าตุ๊กไม่ได้หมายความว่าเราต้องเป็นพวกต่อต้านความสุขสบาย ต้องการแต่ความทุกข์ยาก..ไม่ใช่ แค่เราต้องมีสติ..ทุกครั้งที่ประสบความสำเร็จ หรือเวลาที่รู้สึกว่า..อะไรๆมันได้อย่างใจไปหมด ก็ให้เราตระหนักไว้เสมอว่า “จุดนั้น อันตรายเป็นพิเศษ” การทดลองที่ยากเย็นอาจเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้..และเราต้องรู้ทัน ถ้าเราระวังจิตใจของเราให้ดี แล้วพระเจ้าจะทรงเติมเราให้เต็มล้นอย่างบริบูรณ์แน่นอน น้าตุ๊กคอนเฟริม..แต่ในแบบชีวิตของเรา อย่าไปเปรียบเทียบกับแบบของคนอื่น แล้วทำไมพระคำภีร์ถึงยกดาวิดขึ้นมา..ก็ต้องเอาคนที่คิดว่า..”ไม่น่าจะพลาด” มาเป็นตัวอย่าง..จะได้เห็นกันใสๆชัดเจนว่าความบาปมันประมาทไม่ได้จริงๆ
ดู 1โครินธ์ 10:11-12 “..คนที่คิดว่าตัวเองมั่นคงดีแล้ว ก็จงระวังให้ดี กลัวว่าจะล้มลง” อย่างดาวิดที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ชอบธรรมและกระทำตามพระทัยพระเจ้าจนถึงที่สุด..ยังล้มลงในความบาป..แล้วเราคิดว่าตัวเองชอบธรรมแค่ไหน ชั้นมาโบสถ์ทุกอาทิตย์..ชั้นเรียนพระคำภีร์จนได้ใบประกาศ..ชั้นช่วยงานพันธกิจ..ชั้นเป็นครูรวีสอนพระคำภีร์(เหมือนน้าตุ๊ก..เป็นต้น) หรือแม้แต่ชั้นเป็นศิษยาภิบาล ทุกคนสามารถล้มลงได้มั๊ย..ได้แน่นอน แต่พระคำภีร์ข้อนี้เน้นหนักไปที่..”คนที่มั่นใจว่าตัวเองดีพอแล้ว”...ยิ่งต้องระวัง เพราะฉะนั้น เด็กๆอย่าอายที่จะยอมรับข้อเสียของตัวเอง อย่าอายที่จะยอมรับว่าเราบกพร่อง อย่าอายที่เราจะยอมรับว่าเรายังไม่ดีพร้อม..เรานิสัยไม่ดี 1..2..3..4.. เพราะอย่างน้อยที่สุดนั่นคือสัญญาณของความปลอดภัย”ถ้า” ยอมรับแล้วเราคุกเข่าลง..ขอพระเจ้ายกโทษ เปลี่ยนแปลง แก้ไข เสริมกำลังให้เราสามารถเอาชนะเนื้อหนังได้ในที่สุด..แม้ว่าจะต้องรอทั้งชีวิตก็ตาม
.....น้าตุ๊กเคยได้ยินคนชอบพูดประมาณว่า ”ไม่อยากจะเชื่อเลย..ว่าคนที่เป็นคริสเตียนเค้าจะทำ.....เรื่องอย่างงี้ได้” แต่สำหรับพวกเราที่ได้เรียนรู้จากดาวิดแล้ว..คงไม่คิดจะพูดคำนี้กัน เพราะเห็นชัดเจนว่า..ไม่มีบาปไหนที่คริสเตียนทำไม่ได้หรอก คริสเตียนก็ทำบาปได้มาก..แล้วก็เร็วพอๆกับคนที่ไม่ใช่คริสเตียนน่ะแหละ แต่สิ่งที่คริสเตียนต่างจากคนอื่นก็คือ..ถึงจะบาปแค่ไหนมันไม่ใช่ปัญหาสำหรับพระเจ้า และเมื่อไม่ใช่ปัญหาสำหรับพระเจ้า มันก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเรา..ผู้ที่เชื่อในพระองค์ด้วย
ดู เอเฟซัส2:8-10 “เพราะที่เรารอดก็รอดโดยพระคุณและความเชื่อ ไม่ใช่เพราะเราทำเอง..ไม่ใช่เพราะการกระทำใดๆเลย แต่พระเจ้าประทานให้” เพราะฉะนั้น เราเลยทำบาปได้ตามสบายเลยรึเปล่า..ไม่ใช่ เราห้ามอ้างเด็ดขาดว่า..ดาวิดยังป็นขนาดนี้..แล้วเราจะเหลือมั๊ย เหลือสิ..พระคำภีร์อุตรส่าห์บันทึกรูปแบบ กระบวนการการก่อร่างสร้างตัวของความบาปไว้ให้เราเห็นชัดเจน เพราะฉะนั้น เราต้องไม่หลงผิดในแบบเดียวกัน “เพราะเราเป็นฝีพระหัตถ์ของพระองค์..ที่ทรงสร้างขึ้นในพระเยซูคริสต์..เพื่อให้ประกอบการดี” (ให้เด็กๆพูดพร้อมกัน)
เน้น..”ให้ประกอบการดี ให้ประกอบการดี”
แต่ถ้าบังเอิญเผลอไปประกอบการร้ายมา..ก็จงรีบกลับใจใหม่ สารภาพความบาป..ยอมรับมันซะ..ขอพระเจ้ายกโทษ ลองคิดดูว่ามันจะดีแค่ไหน..ถ้าดาวิดยอมรับผิด สารภาพบาปที่ตัวเองทำไว้กับบัทเชบา ก่อนที่จะปล่อยให้มันกัดกินเลยเถิดจนเค้าต้องฆ่าอุรีอาร์..ทุกอย่างคงจะดีกว่านี้ ดีกว่ายังไง..เด็กๆอาจจะยังไม่เข้าใจจนกว่าจะได้เห็นการพิพากษาของพระเจ้า..ที่ลงมาเหนือดาวิด..เพราะมันหนักมากจริงๆ
หมดเวลาแล้วค่ะ พบกันใหม่สัปดาห์หน้า ขอพระเจ้าอวยพรค่ะ

1 ความคิดเห็น:

  1. อ่านแล้วจ้า..สงสารดาวิดและก็ตัวเองด้วยไม่อาจห้ามความคิดชั่วจริง ๆ เลย

    ตอบลบ