วันพุธที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

หนังสือ1ซามูเอล ครั้งที่14 อาทิตย์ที่23:5:2010

....ดาวิดหนีไปซ่อนที่ถ้ำอดุลลัม
ดู1ซมอ.22:1-2 หลังจากที่ดาวิดออกจากเมืองกัทแล้ว ตอนนี้ดาวิดแทบจะหมดสภาพ..เหมือนไม่มีแผ่นดินจะอยู่ ต้องแกล้งบ้าหนีหัวซุกหัวซุนไปอยู่ในถ้ำ ข้อนี้บอกว่า..ถ้ำที่ดาวิดใช้เป็นที่ซ่อนตัวชื่อ”ถ้ำอดุลลัม” ไม่มีใครรู้แน่..ว่าถ้ำนี้อยู่ที่ไหน รู้แค่ว่าอยู่ในเขตของยูดาห์ ไม่ไกลจากชายแดนของอิสราเอลกับฟิลิสเตีย ตอนแรกอยู่คนเดียว..แต่ไม่นานก็มีคนสมัครใจมาอยู่ด้วยเยอะแยะ พระคำภีร์บอกว่า..นอกจากครอบครัวเขาแล้ว คนที่มาอยู่กับดาวิดก็จะเป็นกลุ่มที่ไม่ค่อยชอบซาอูล คือเป็นพวกที่ถูกกดขี่แล้วก็เป็นหนี้เป็นสิน
ดู1ซมอ.22:3-4 เมื่อก่อนซ่อนอยู่คนเดียวก็คงไม่มีใครรู้ แต่ตอนนี้มีคนตั้งสี่ร้อยมาอยู่ด้วย ถ้ำนี้ก็คงจะไม่เป็นความลับอีกต่อไป ไม่ช้าก็เร็วซาอูลต้องหาเจอ...
ดาวิดก็เลยไปที่มิสปาห์ เขตแดนของชาวโมอับ..หาที่อยู่ให้พ่อแม่ เพราะเขาไม่อยากให้ซาอูลใช้พ่อแม่เป็นสะพานหรือเป็นเครื่องมือแกะรอยมาหาตัวเขาได้ หรืออีกอย่าง..พ่อแม่ของดาวิดอาจจะกลัว..(และข้อนี้”อาจจะ”สัมพันธ์กับสดุดี 27:10) ดาวิดเลยคิดว่า..จะเอาพ่อแม่ไปฝากไว้กับกษัตริย์โมอับ ทำไมถึงไปฝากไว้ที่โมอับ..เกี่ยวมั๊ยที่เขามีย่าทวดเป็นชาวโมอับ..ก็คือนางรูธไง(จำได้มะ) รูธที่มีลูกกับโบอาส ชื่อโอเบส แล้วโอเบสก็เป็นพ่อของเจสซี ซึ่งเป็นพ่อของดาวิด พระคำภีร์บอกว่ากษัตริย์โมอับให้ความช่วยเหลืออย่างดี สรุปว่า..พ่อแม่ของดาวิดก็เลยได้ลี้ภัยอยู่ที่นั่น
ดู1ซมอ.22:5 หลังจากที่ดาวิดฝากพ่อแม่ไว้กับก.โมอับแล้ว คาดว่าตัวเขาเองก็คงซ่อนตัวอยู่แถวๆนั้นเหมือนกัน ข้อนี้บอกว่า..พระเจ้าจึงส่งผู้เผยพระวจนะ”กาด” ให้มาบอกดาวิดว่า..เลิกซ่อนตัวซะที ถึงเวลาที่ต้องกลับไปที่ยูดาห์แล้ว และดาวิดก็เชื่อฟังทันที พระคำภีร์บอกว่า..ดาวิดเลยไปหลบอยู่ในป่า”เฮเรท”..ซึ่งใน2ซมอ.18:8 ระบุว่า“เฮเรท”เป็นป่าอันตรายที่น่ากลัวมาก แล้วก็คงจะเป็นที่ที่ซาอูลกับลูกน้องไม่ค่อยอยากเข้าไปซักเท่าไหร่
ดู1ซมอ.22:7-8 เหมือนคนวิตกจริต..ซาอูลโวยวายหาว่าทุกคนร่วมกันต่อต้านเขา ทั้งที่ความจริงคือ “พระเจ้า” ต่างหากที่ปลดเขาออกจากบัลลังก์ ข้อที่7ซาอูลพูดว่า”บุตรของเจสซีให้นาและสวนองุ่นแก่เจ้าหรือ..จะตั้งให้เป็นผู้บังคับการกองพันกองร้อยได้หรือ พวกเจ้าถึงคิดกบฎ..” ซาอูลเปิดฉากด้วยการพูดทวงบุญคุณลูกน้องเผ่าเบนยามิน เนื่องจากพวกนี้คงได้ทรัพย์สินและยศศักดิ์มากกว่าคนเผ่าอื่น เพราะเป็นคนบ้านเดียวกันกับเขา ซาอูลพูดทำนองว่า..ถ้าดาวิดได้เป็นกษัตริย์ คนเบนยามินนึกเหรอ..ว่าจะมีโอกาสได้อะไรดีๆ เหมือนอย่างที่ได้จากเขา ข้อที่8 ซาอูลบอกว่า..”ไม่มีใครร่วมทุกข์..(คือ ไม่มีใครจริงใจ) หรือแจ้งแก่เราว่า ลูกของเราปลุกปั่นผู้รับใช้ของเราให้ต่อสู้เรา..” ฟังดีๆนะ..ซาอูลพูดว่า “..ลูกของเราปลุกปั่นผู้รับใช้..” ซาอูลหาว่า..โยนาธานเป็นคนปลุกปั่นดาวิดให้คิดกบฎ นี่เขาเพี้ยนไปแล้วจริงๆ เพราะถ้าจะหาว่าดาวิดปลุกปั่นโยนาธานก็ยังไม่แปลก แต่ทำไมถึงคิดว่าตัวปัญหาคือโยนาธาน (นี่เขาคงมีอะไรในใจกับลูกจริงๆ) แต่ถึงจะโทษดาวิดก็คงไม่ได้เพราะเขาก็ไม่ได้ปลุกปั่นใคร เขายังไม่ได้ทำไรเลยนอกจากหนีหัวซุกหัวซุน..
ดู1ซมอ.22:9-11 พอเห็นซาอูลพูดทวงบุญคุญ “โดเอก” (คนที่อยู่กับปุโรหิตตอนที่ดาวิดไปขอเสบียง) โดเอกเห็นว่าเขาน่าจะแจ้งเบาะแสที่เห็นมาให้ซาอูลรู้ ข้อที่9 เขาเลยบอกว่า..เขาเห็นดาวิดไปที่เมืองโนบ และอาหิเมเลคก็แสวงหาน้ำพระทัยพระเจ้าให้แก่ดาวิด..ให้ขนมปังบริสุทธิ์ไปเป็นเสบียง แล้วยังเอาดาบของโกลิอัทให้ดาวิดติดตัวไปด้วย (แค่นั้นแหละ..ซาอูลขึ้นเลย) แต่สิ่งที่โดเอกไม่ได้บอกซาอูลก็คือ..ดาวิดไม่ได้บอกความจริงให้อาหิเมเลครู้..ว่าเขาหนีซาอูลมา (โดเอกเองก็อาจจะไม่รู้เหมือนกัน) แต่ถึงบอกซาอูลก็คงไม่ฟัง..เพราะตอนนี้เขาโกรธจนหน้ามืด รีบสั่งการให้คนไปตามตัวปุโรหิตมาพบ ไม่ใช่อาหิเมเลคคนเดียว..แต่เรียกมาทั้งตระกูล
ดู1ซมอ.22:12-13/14-15 พอเหล่าปุโรหิตเมืองโนบทั้งหมดมาถึง โดยไม่มีการไตร่สวนอะไรทั้งนั้น..ซาอูลสรุปเลยว่าปุโรหิตเมืองโนบทุกคน..คิดคดทรยศต่อราชบัลลังก์ของเขา
คนส่วนใหญ่คงสติแตกไปแล้ว ถ้าต้องถูกสอบสวนอยู่ต่อหน้าคนบ้าอย่างซาอูล แต่อาหิเมเลคไม่สะทกสะท้าน..นิ่งมาก..มีสติสมกับเป็นปุโรหิต เขาไม่แก้ตัวซักคำ..ว่าถูกดาวิดหลอกเพราะถ้าจะอ้าง..ก็ไม่ผิดเพราะดาวิดหลอกเขาจริง แต่อาหิเมเลคไม่คิดจะเอาเรื่องนี้มาเป็นประเด็น เขาไม่พูดถึงเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ..(นี่เป็นตัวอย่างที่ดีจริงๆ) เขายังกลับเตือนซาอูลให้มีสติ..ว่าดาวิดคือผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ที่สุดของท่าน มีคุณงามความดีมากมาย และยังเป็นลูกเขยของซาอูลด้วย ข้อที่15 อาหิเมเลคบอกว่า..แต่คำกล่าวหาที่ว่า..เขาอธิฐานให้ดาวิดนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะเขาและปุโรหิตเมืองโนบทุกคนยังไม่เคยทูลพระเจ้าให้แก่ดาวิดเลย ขอพระราชาอย่ากล่าวโทษกันเพราะพวกเขาไม่มีส่วนรู้เห็นเรื่องการก่อกบฎอะไรทั้งนั้น (ซาอูลจะเชื่อมั๊ยล่ะ)
ดูซมอ.22:16-17 ไม่มีคำไหนของอาหิเมเลคเข้าหูซาอูลเลย เขาหันไปสั่งองครักษ์ให้ฆ่าปุโรหิตทุกคนในที่นั้น แต่ไม่มีใครซักคนที่จะกล้าฆ่าปุโรหิตของพระเจ้าตามคำสั่งของซาอูล เพราะเป็นบาปที่ร้ายแรงมากกก ถ้าเราจำได้ในหนังสือฉธบ.พระเจ้าทรงบัญญัติให้คนอิสราเอลรวมทั้ง”กษัตริย์ด้วย”..ว่าต้องเชื่อฟังและกระทำตามคำแนะนำของปุโรหิตอย่างเค่งครัด เพราะปุโรหิตคือผู้วินิจฉัยที่พระเจ้าทรงเจิมไว้ เราก็ไม่รู้..ว่าซาอูลจะทำบาปไปถึงไหน เพราะเขาไม่ใช่แค่ไม่เชื่อฟัง แต่กำลังจะฆ่าหมู่ปุโรหิตด้วย..
ดู1ซมอ.22:18-19 ในเมื่อไม่มีอิสราเอลคนไหนกล้าทำ ซาอูลเลยหันไปหาโดเอก..ลูกน้องคู่ใจชาวต่างชาติให้ฆ่าปุโรหิตเมืองโนบทุกคน คราวนี้..ไม่มีปัญหา เพราะโดเอกไม่ใช่คนอิสราเอล เขาไม่สนอยู่แล้ว..ว่าปุโรหิตเป็นใคร ขอแค่เจ้านายสั่งเขาทำให้หมด พระคำภีร์บอกว่า..วันนั้นเขาฆ่าปุโรหิตเมืองโนบไป 85 คน แล้วยังไปฆ่าชาวเมืองโนบทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ ผู้หญิง ผู้ชาย รวมทั้งสัตว์เลี้ยงด้วย..ตายเกือบหมด ข้อที่20 บอกว่า..มีรอดไปคนนึงชื่ออาบียาธาร์ เป็นลูกชายของอาหิเมเลค ที่หนีจากเมืองโนมมุ่งหน้าไปหาดาวิด
ดู1ซมอ.22:21-23 พอเจอดาวิดแล้ว อาบียาธาร์ก็เล่าทุกอย่างให้ดาวิดฟัง ดาวิดบอกว่า เขาก็คิดอยู่..ว่าโดเอกต้องไปฟ้องซาอูลเพราะวันนั้นโดเอกก็มองเขาเหมือนจะจับผิด ดาวิดยอมรับ..ว่าการที่ปุโรหิตและชาวเมืองโนบตัองถูกฆ่าก็เพราะเขาเป็นต้นเหตุ เขาเองก็ไม่รู้จะชดเชยความผิดอันนี้ได้ยังไง ดาวิดขอให้อาบียาธาร์อยู่กับเขา..เพื่อความปลอดภัย แล้วถ้าใครจะฆ่าอาบียาธาร์ก็ต้องข้ามศพเขาไปก่อน
ดูต่อ1ซมอ.23:1-3 มีคนมาบอกดาวิดว่า..เมืองเคอีลาห์กำลังถูกฟิลิสเตียโจมตี จริงๆแล้ว..ถ้าจะมีเมืองไหนของอิสราเอลถูกโจมตีตอนเนี้ย..มันก็ควรจะเป็นหน้าที่ของซาอูล แต่เราก็เห็นแล้ว..ว่าตอนนี้ซาอูลห่วงแต่จะฆ่าคนอิสราเอลด้วยกัน ทั้งดาวิดแล้วก็อีกหลายๆคนที่เกี่ยวข้อง..จนไม่สนใจศัตรูที่มาสร้างความเดือดร้อนให้บ้านเมือง ต่างกับดาวิด..ที่พอรู้ข่าวปุ๊บ! ใจก็อยากจะรับใช้ชาติทันที ข้อที่2 บอกว่า”เขาถามพระเจ้า..ว่าควรไปช่วยรบกับพวกฟิลิสเตียมั๊ย” นี่คือต้นแบบของผู้เชื่ออย่างแท้จริง..จะทำอะไรก็ถามพระเจ้าก่อน(เสมอ) แล้วครั้งนั้นพระเจ้าก็ทรงบอกให้ดาวิดเดินหน้า..ไปรบกับพวกฟิลิสเตีย..เพื่อกู้เมืองเคอีลาห์ไว้ ส่วนข้อที่3 บอกว่า..แต่พรรคพวกที่อยู่กับดาวิดไม่ค่อยอยากไป...เพราะขนาดซ่อนตัวอย่างงี้..ก็ยังกลัวซาอูลจะหาเจอ แล้วจะให้ออกไปรบ..ใครจะอยากไป ดีไม่ดีถ้าซาอูลมาเห็นเข้าพวกเขาต้องตายแน่..
ดู1ซมอ.23:4-5 พอลูกน้องคัดค้าน..ดาวิดก็ฟังนะ แต่เขาคงรู้สึกมีภาระใจกับภาระกิจนี้ ดาวิดเลยยกให้พระเจ้าเป็นผู้ตัดสิน เพราะข้อที่4 บอกว่า..ดาวิดจึงทูลถามพระเจ้าอีกครั้ง..ว่าควรมั๊ยที่เขาจะออกไปรบ แล้วพระเจ้าก็ทรงยืนยัน..”ให้ดาวิดไปรบที่เคอีลาห์ แล้วก็ยังสัญญา..ว่าจะให้เขาชนะพวกฟิลิสเตียด้วย” ดาวิดกับพรรคพวกเลยรู้สึกมั่นใจ พากันออกไปรบกับพวกฟิลิสเตียจนได้ชัยชนะ ข้อที่5 บอกว่า..นอกจากดาวิดจะช่วยกู้ชาวเมืองเคอีลาห์ไว้แล้ว วันนั้นเขายังได้ยึดฝูงสัตว์ของพวกฟิลิสเตียมาด้วย..แปลว่า หลังจากที่ไม่ได้กินเนื้อดีๆมานานเพราะต้องซ่อนอยู่ในป่า วันนั้น..ดาวิดกับพวกก็คงได้กินสเต็คเนื้อสันกันจนเปรม
ดู1ซมอ.23:6-7 หลังจากที่รบชนะพวกฟิลิสเตีย ชาวเมืองเคอีลาห์ก็ยอมให้ดาวิดลี้ภัยอยู่ที่นั่น แล้วตอนนี้ก็รู้ถึงหูซาอูลแล้ว..ว่าดาวิดอยู่ที่เคอีลาห์ ซาอูลก็รีบรวมพลเพื่อจะยกไปล้อมจับดาวิดกับพวก ข้อที่7 ซาอูลพูดว่า”..พระเจ้าทรงมอบเขาไว้ในมือเราแล้ว เพราะดาวิดอยู่ในเมืองที่มีประตูและดาล” คือซาอูลมั่นใจมากว่าคราวนี้ต้องจับดาวิดได้แน่ๆ เพราะเมืองเคอีลาห์มีประตูสองชั้นและลูกกรง..ที่ซาอูลมองว่า มันจะกลายเป็นที่กักขังดาวิดได้อย่างแน่นหนา ถ้าล้อมไว้ก็คงหนีไปไหนไม่รอด เลยคิดไปเองว่าพระเจ้าจะยอมให้เขาฆ่าดาวิด
ดู1ซมอ.23:11-12 ส่วนดาวิดพอรู้ข่าวว่าซาอูลกำลังมา ดาวิดทำไง..แสวงหาน้ำพระทัยพระเจ้า เพราะข้อที่6 บอกว่า..อาบียาธาร์ได้พกเอาเอโฟดมาด้วย ตอนที่หนีจากเมืองโนบมาหาดาวิด ดาวิดเลยใช้เอโฟดทูลถามพระเจ้าสองข้อ ข้อแรกถามว่า..ซาอูลจะมาจับเขาจริงๆรึเปล่า..พระเจ้าตอบว่า..”จริง..เขามาแน่” ข้อที่สองถามว่า..แล้วชาวเมืองโนบจะส่งตัวเขากับพรรคพวกให้ซาอูลหรือไม่ พระเจ้าตอบว่า”เขาทั้งหลายจะมอบเจ้าให้ซาอูล” ในเมื่อคำตอบมันชัดเจนขนาดนี้ ดาวิดกับคนของเขาเลยตัดสินใจรีบออกจากเมืองเคอีลาห์ไป เพื่อไม่ให้ใครต้องเดือดร้อน แล้วชาวเมืองเคอีลาห์ก็จะได้ไม่ต้องลำบากใจ..ที่ต้องส่งตัวเขาให้กับซาอูล
ดู1ซมอ.23:13-14 พอซาอูลรู้ว่าดาวิดหนีไปแล้ว เขาก็ยกเลิกแผนการที่จะยกมาล้อมเมืองเคอีลาห์ ปัญหาทุกอย่างก็ไม่เกิดขึ้น แต่ข้อที่14 บอกว่า..ซาอูลก็ยังตามหาดาวิดไม่เลิก “แต่พระเจ้ามิได้มอบท่านไว้ในมือของซาอูล” นี่คือประโยคที่มั่นใจได้ที่สุด เพราะความปลอดภัยของคริสเตียนไม่ได้ขึ้นอยู่กับระยะห่าง”ของเรา”กับ “ภัยอันตรายบนโลกใบนี้” แต่ขึ้นอยู่กับพระเจ้า (ส่วนความไม่ประมาทและการใช้สติปัญญาต่อเหตุการณ์ต่างๆอย่างมีเหตุผล..ก็ยังเป็นสิ่งที่เราควรทำ แต่สุดท้ายแล้วผลจะเป็นยังไงมันขึ้นอยู่กับพระเจ้า) อย่างดาวิดเนี่ย..เมื่อพระเจ้าเลือกแล้วว่าเขาต้องเป็นกษัตริย์ของอิสราเอล..ยังไงซะดาวิดก็ต้องปลอดภัยเพราะน้ำพระทัยพระเจ้าต้องสำเร็จ ส่วนอาหิเมเลคกับชาวเมืองโนบ..จริงๆแล้วพวกเขาก็ปลอดภัยเท่าๆกับดาวิด แต่ที่ถูกฆ่าก็เพราะภาระกิจของพวกเขาเสร็จสิ้นแล้ว แต่ดาวิด..ยัง เพราะฉะนั้น ดาวิดไม่จำเป็นต้องคำนวนหาระยะของความปลอดภัยเลย..ว่าเขาควรจะอยู่ห่างจากซาอูลแค่ไหน แต่ดาวิดและคริสเตียนควรคำนึงถึงความปลอดภัยในการอยู่ใกล้ชิดกับพระเจ้ามากกว่า เพราะนั่นคือสันติสุขและความปลอดภัยที่เราวางใจได้อย่างแท้จริง
ดู1ซมอ.23:15-17 ขณะที่ดาวิดลี้ภัยอยู่ในป่าศิฟ..เขาก็ได้รู้ชัดเจนว่าซาอูลยังตามล่าเขาไม่เลิก จิตใจของดาวิด..ตอนนี้ทั้งเหนื่อยล้าแล้วก็หวาดกลัว ข้อนี้บอกว่า..โยนาธานก็อุตส่าห์บุกป่าฝ่าดงตามไปให้กำลังใจดาวิดถึงที่ซ่อน ข้อที่17 โยนาธานพูดว่า..อย่ากลัวเลย เพราะซาอูลไม่มีวันหาดาวิดเจอ ทำไมโยนาธานถึงมั่นใจขนาดนั้น..ก็เขาเชื่อแน่ว่าดาวิดจะต้องได้เป็นกษัตริย์ของอิสราเอล เพราะพระเจ้าทรงเจิมเขาไว้แล้ว..และน้ำพระทัยของพระองค์ต้องสำเร็จ “..และฉันจะเป็นอุปราช เสด็จพ่อก็ทราบเรื่องนี้..” หมายความว่า โยนาธานไม่เคยปิดบังว่าเขากับดาวิดเป็นเพื่อนรักกัน แล้วถ้าดาวิดได้เป็นกษัตริย์..เขาก็จะอยู่เคียงข้าง ให้การสนับสนุนและยอมรับใช้ด้วยความเต็มใจ
ดู1ซมอ.23:19-20 ข้อนี้บอกว่า..ชาวบ้านที่อยู่เมืองศิฟได้ไปบอกซาอูลว่าดาวิดซ่อนตัวอยู่ที่เมืองนั้น แล้วยังเสนอจะช่วยซาอูลจับดาวิดด้วย นี่ขนาดเป็นคนเผ่าเดียวกันนะ.. ข้อที่22-23 ซาอูลบอกว่า..”จงไปหาดูให้แน่นอนยิ่งขึ้น..คอยสังเกตุดูให้แน่ว่าเขาซ่อนตัวอยู่ที่ไหนและกลับเอาเนื้อความแน่นอนมาบอกเรา” คราวนี้ซาอูลดูจะรอบคอบกว่าเดิม กะจะจับให้มั่นคั้นให้ตาย เพราะคงไม่อยากกลับมามือเปล่าอีก ซาอูลเลยสั่งชาวศิฟให้ไปเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของดาวิดให้แน่นอนก่อนแล้วค่อยกลับมารายงานเขา
ดู1ซมอ.23:25/26-28 หลังจากรับคำสั่งจากซาอูลแล้ว เมื่อชาวเมืองศิฟกลับไปสะกดรอยดาวิดได้ไม่นาน ซาอูลก็ตามมาจับดาวิด แต่ดาวิดก็ไหวตัวทันเพราะมีคนมาบอก ดาวิดเลยหนีลึกเข้าไปอีกประมาญสามสี่กิโล แต่ซาอูลก็ไม่ยั่นตามดาวิดไปติดๆ ข้อที่26 บอกว่า..ซาอูลไปดักดาวิดที่ฟากนึงของภูเขา ส่วนดาวิดก็อยู่อีกด้านนึง..จะเป็นลักษณะที่ตามไปติดๆ หรือกำลังจะไปดักหน้าดาวิด อันนี้ก็ไม่รู้ รู้แต่ว่า..การเผชิญหน้ากำลังจะเกิดขึ้น แต่ทันใดนั้น..เสียงระฆังหมดยกก็ดังขึ้น (อันนี้น้าตุ๊กพูดเอง) เพราะข้อนี้บอกต่อไปว่า..ขณะที่ซาอูลกับคนของเขากำลังเข้ามาใกล้จนแทบจะเอื้อมมือไปจับดาวิดได้แล้ว ผู้สื่อสารคนนึงก็ตะโกนบอกซาอูลว่า”..พวกฟิลิสเตียกำลังยกทัพมาปล้นโจมตีอิสราเอล” เมืองไหนไม่รู้ แต่น่าจะเป็นกิเบอาห์บ้านของซาอูลหรือไม่ก็ย่านๆนั้นแหละ เพราะข้อที่28 บอกว่า ซาอูลถึงกับยอมวางมือจากการไล่ล่าดาวิดเพื่อไปรบกับฟิลิสเตีย แสดงว่า..มันต้องคอขาดบาดตายสำหรับเขาจริงๆ ซาอูลถึงยอมปล่อยดาวิดไปทั้งๆที่จะจับได้อยู่แล้วเชียว ดาวิดเลยรอดไปได้ในเสี้ยววินาทีสุดท้าย (อีกครั้ง)
นี่คือตัวอย่างชัดเจนที่ทำให้เราเห็นว่า..น้ำพระทัยพระเจ้าคือสิ่งที่ต้องสำเร็จเสมอเพราะนั่นคือสิ่งที่ดีและยิ่งใหญ่ที่สุดในมหาจักรวาล แม้ว่ามนุษย์จะไม่เข้าใจ..ว่าทำไมบางอย่างถึงต้องเกิดขึ้น อย่างชาวอิสราเอลที่ถูกฟิลิสเตียยกมาปล้นโจมตีในครั้งนี้..พวกเขาก็คงไม่เข้าใจว่าทำไมพระเจ้าถึงยอมให้ศัตรูมารุกราน เหตุผลคืออะไร..พวกเขาไม่รู้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป..เราทั้งหลายกลับได้รู้เหตุผลที่พระเจ้าทรงบันดาลให้เกิดเหตุการณ์ในครั้งนั้นขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นเราทั้งหลายได้เห็นชัดเจนว่า..การที่อิสราเอลถูกโจมตีครั้งนั้น”เป็นผลดีที่สุดต่อมนุษยชาติจริงๆ” เพราะมันทำให้ซาอูลยอมวางมือจากการเอาชีวิตของกษัตริย์ดาวิด..ผู้ซึ่งพระเจ้าทรงตั้งไว้ให้เป็นต้นตระกูลของพระเมสสิยาห์..คือองค์พระเยซูคริสต์พระผู้ช่วยให้รอดของเรา ในทางเดียวกันที่อีกหลายๆเหตุการณ์ร้ายในอดีต ปัจจุบัน หรือแม้แต่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตที่พวกเราอาจจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจก็ตาม..ก็จะต้องเป็นผลดีต่อพวกเราผู้ซึ่งรักพระองค์อย่างสุดจิตสุดใจแน่นอน
น้าตุ๊กขอหนุนใจให้เด็กๆทุกคนวางใจในพระเจ้า จะทำอะไรก็โฟกัสที่พระองค์ ไม่ใช่ตัวเรา และขอให้ทุกคนเพียรอธิฐานให้พระเจ้าทรงชันสูตรจิตใจของพวกเราเสมอๆ เพราะจะทำให้เรารู้เท่าทันแม้ความคิดเจ้าเล่ห์ของตัวเอง ต่อเมื่อเราดูแลชีวิตและจิตใจของเราเองให้เป็นที่ชอบพระทัยของพระเจ้าได้แล้ว เราจึงจะสามารถเป็นภาชนะที่พระเจ้าทรงใช้ได้และถวายเกียรติต่อพระองค์
ขอพระเจ้าอวยพรค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น