วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

หนังสือ1ซามูเอล ครั้งที่5 อาทิตย์ที่ 21:2:2010

ดู1ซมอ.8:11-14/15-18 อิสราเอลต้องจ่ายราคาแพงมากสำหรับระบบกษัตริย์ที่พวกเขาร่ำร้องอยากจะมี..ซามูเอลนำพระวจนะของพระเจ้ามาถ่ายทอดให้ประชาชนฟังอย่างครบถ้วน เริ่มต้นจากข้อที่11 “พระราชาจะเกณฑ์ลูกชาย เข้าประจำการให้กองทัพอยู่ในสภาพที่พร้อมรบเสมอ ไม่เหมือนแบบเดิมในสมัยผู้วินิจฉัย..ที่ไม่มีกษัตริย์ ก็ไม่ต้องมีพระราชวัง ไม่ต้องมีกองกำลังทหาร (ที่จะต้องstand by ไว้ตลอด) อาจจะขึ้นทะเบียนไว้เฉยๆ แต่ลูกชายไม่ต้องไปประจำการ เพราะฉะนั้น เมื่อไม่ต้องประจำการ.. ก็ไม่ต้องมีที่ทำการของราชการ พนักงานหรือที่ปรึกษาอะไรทั้งนั้น การร่วมรบในสมัยผู้วินิจฉัยจะเป็นแบบ”เฉพาะกิจ”งบประมาณต่ำเพราะมีพระเจ้าเป็นกษัตริย์..แค่นั้นพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องพรั่งพร้อมมากมาย..เราก็ชนะ
ข้อที่13 บอกว่า”กษัตริย์จะนำบุตรสาวของเจ้าไปปรุงเครื่องหอม ทำครัว” ประชาชนก็ต้องทำใจที่จะต้องสละลูกของตัวเองให้ไปรับใช้ในวังแทนที่จะอยู่รับใช้พ่อแม่ ข้อที่14 “พระองค์จะเอานา สวนมะกอกเทศ สวนองุ่นที่ดีที่สุด ให้แก่พวกข้าราชการ” เพราะไม่ใช่แค่กษัตริย์ที่ต้องกินดีอยู่ดี แต่ข้าราชการและผู้รับใช้ก็ต้องกินต้องใช้เหมือนกัน แล้วส่วนนี้..ประชาชนต้องเป็นคนจ่าย โดยข้อที่15และ17 บอกว่า”กษัตริย์จะชักหนึ่งในสิบของผลผลิตทางการเกษตรของประชาชน ไปเป็นค่าใช้จ่ายของทางราชการ สุดท้ายในข้อที่18 ซามูเอลจบด้วยคำพยาการณ์ว่า “วันหนึ่งข้างหน้าพวกเขาจะร้องขอให้พระเจ้าช่วยเพราะถูกกดดันจากกษัตริย์ที่ตัวเองอยากได้ และพระเจ้าจะไม่ฟังเพราะเตือนแล้ว..แต่ยังไงก็ตามณ.จุดนั้นคนอิสราเอลยังยืนยันที่จะเชื่อตัวเอง..ไม่ฟังเสียงพระเจ้า
ดู1ซมอ.8:19-22 เป็นอันว่าคำเตือนไม่มีความหมาย ข้อที่19 บอกว่า “ประชาชนไม่ยอมฟังเสียงที่พระเจ้าเตือนผ่านซามูเอล ยืนยันจะมีกษัตริย์ให้ได้ “ ซามูเอลเลยไปทูลพระเจ้าถึงคำยืนยันของประชาชน ความจริงไม่ต้องทูลพระเจ้ารู้มั๊ย..ว่าคนอิสราเอลตัดสินใจยังไง พระองค์รู้แน่นอนแต่ซามูเอลคงทุกข์ใจมาก..การไปทูลพระเจ้า น่าจะเป็นในลักษณะที่เขาปรับทุกข์กับพระเจ้ามากกว่า แล้วในข้อที่22”พระเจ้าก็บอกให้ซามูเอลเจิมตั้งกษัตริย์ให้อิสราเอลคนหนึ่งตามที่พวกเขาเรียกร้อง แต่จะเป็นใครยังไม่รู้..ให้ทุกคนกลับไปรอฟังข่าวที่บ้าน
เราจะเห็นว่า ในที่สุดพระเจ้าก็ยอมให้อิสราเอลได้มีกษัตริย์ ซึ่งมันทำให้เรารู้สึกว่า..ทำไมนะอิสราเอลถึงไม่รู้จักพอใจในพระคุณซะที คำตอบที่น่าจะเป็นไปได้ก็คือ เพราะพระคุณของพระเจ้าเป็นของฟรี แต่ธรรมชาติของมนุษย์ทุกคนมีความเย่อหยิ่ง (เป็นเชื้อบาปที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด) จิตใต้สำนึกมันก็เลยปฏิเสธ..ไม่อยากได้พระคุณ (อาจจะโดยไม่รู้ตัว) เพราะพระคุณไม่ตอบสนองความภาคภูมิใจให้เนื้อหนัง แถมพระเจ้ายังไม่เจาะจงคุณสมบัติของผู้รับอีกด้วย เด็กๆนึกออกมะ..ไม่ว่าเราจะเป็นใคร มาจากไหน มีฐานะหรือหน้าตายังไง ขอแค่เชื่อ..พระเจ้าให้เลย
แต่มนุษย์รับไม่ได้ มันง่ายไป ก็ชั้นยังไม่ได้ปลดปล่อยศักยภาพหรืออีโก้ส่วนตัวเลย แล้วจะภูมิใจได้ไง ยืดไม่ได้แถมยังต้องถ่อมใจอีกต่างหาก เพราะฉะนั้น..ทั้งอิสราเอลและรวมถึงมนุษย์ทุกคนไม่มีใครเลย..ที่จะเชื่อพระเจ้าได้ด้วยตัวเอง สุดท้ายพระเจ้าก็ต้องช่วยอีก ประทานความเชื่อให้โดยอัศจรรย์ที่มาจากพระองค์ เพราะถ้าจะรอให้มนุษย์เชื่อโดยกำลังของตัวเอง..คงไม่มีวัน เพราะงั้น จะไม่มีใครซักคนที่อวดได้ว่าชั้นเชื่อ..ด้วยสติปัญญาของตัวเอง เปิดไปดูเอเฟซัส 2:8-9 พระคำภีร์ข้อนี้ยืนยันชัดเจน ใครก็ตามที่เชื่อก็เชื่อโดยพระคุณของพระเจ้า พระเจ้าเป็นผู้เลือกเรา ไม่ใช่เราเลือกพระองค์ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อจะไม่มีใครซักคนที่อวดได้(..ว่าที่เชื่อเพราะชั้นฉลาด หรือมีอะไรพิเศษกว่าคนอื่น) แล้วก็ไปดูถูกคนอื่น หรือดูถูกคนที่เขาไม่เชื่อ
สรุปแล้วคนอิสราเอลก็ไม่ฟังคำเตือนที่พระเจ้าตรัสผ่านซามูเอล แต่เต็มใจที่จะจ่ายราคาให้กษัตริย์ที่จะมาปกครอง บางทีพวกเขาอาจจะคิดว่า..ยังไงก็คุ้มเพราะอะไร
เปิดไปดูผวฉ.6:1-6 เพราะพระอาชญาที่พวกเขาต้องรับเวลาที่กบฎต่อพระเจ้า..ดูเหมือนจะแพงกว่า ข้อนี้บอกว่า...”ในวาระของการถูกพิพากษาคนอิสราเอลจะถูกคนอามาเลข คนเรเดียน แล้วก็อีกหลายๆชาติ ทำลายแล้วก็ปล้นเอาทุกอย่างไปจนไม่มีอะไรเหลือ” (อิสรภาพก็ไม่มี เหมือนที่กิเดโอนต้องแอบไปนวดข้าวในบ่อย่ำองุ่น) เพราะงั้นอิสราเอลคงจะแอบปฏิเสธพระเจ้าในใจ อยากให้มนุษย์ด้วยกันมาเป็นกษัตริย์ คงคิดว่าถึงต้องจ่ายภาษีก็ยังดีกว่าถูกพิพากษา (แล้วไม่เหลืออะไรเลย) แต่พวกเขาคิดผิด..เพราะภาษีเป็นสิ่งที่เขาต้องจ่ายเพิ่ม นอกเหนือจากคำพิพากษา ไม่ใช่ว่า..มีกษัตริย์แล้วพวกเขาจะพ้นจากพระอาชญาเมื่อทำบาป แต่กว่าจะรู้ว่ามนุษย์พึ่งพาไม่ได้ มันก็สายไปแล้ว” เพราะตอนเนี้ย..ใจมันกบฎก็เลยหูหนวกตาบอดไม่สนใจอะไรทั้งนั้น รู้แต่ว่าเดินตามกฎของพระเจ้ามันไม่สนุก..อยากทำอะไรที่มันตามใจตัวเองมากกว่านี้ พระเจ้าถึงบอกว่า ”คนอิสราเอลไม่ได้ปฏิเสธซามูเอลในฐานะผู้วินิจฉัย แต่พวกเขากำลังปฏิเสธพระเจ้าไม่ยอมให้พระองค์เป็นผู้ครอบครองชีวิต (และจิตวิญญาณ)” ซึ่งมันน่าตกใจมาก!
พระเจ้าเลือก”ซาอูล”เป็นกษัตริย์
ดู1ซมอ.9:1-5 พ่อของซาอูลชื่อ คีช เป็นคนมีชื่อเสียงอยู่ในเผ่าเบนยามิน เลยนับว่าซาอูลมาจากตระกูลดี และอีกอย่างที่เรารู้ก็คือซาอูลเป็นคนสูง..หน้าตาดี รูปลักษณ์ภายนอกดูแล้วก็น่าจะโดนใจคนอิสราเอล ข้อที่3 บอกว่า..วันหนึ่งลาของพ่อซาอูลหายไปไร่ คีชก็เลยให้ซาอูลพาคนใช้ออกไปตาม สามวันผ่านไปก็ยังหาลาไม่เจอ ซาอูลเลยถอดใจคิดว่ากลับบ้านดีกว่า..เดี๋ยวพ่อจะเป็นห่วง เพราะตอนแรกก็คงจะห่วงลาอยู่หรอก แต่ถ้าหายไปหลายวัน..มันจะกลายเป็นห่วงลูก
ดูต่อ1ซมอ.9:6-8 คนใช้ของซาอูลจำได้ว่าเมืองนี้เป็นที่อยู่ของ “คนของพระเจ้า” หมายถึงผู้เผยพระวจนะหรือสมัยก่อนเรียกว่าผู้ทำนายซึ่งตอนนั้นก็คือซามูเอล คนใช้แนะนำให้ซาอูลไปหาซามูเอล เผื่อจะบอกได้ว่าลามันไปทางไหน ซาอูลก็เห็นด้วย..ติดอยู่แต่ว่าเขาไม่มีของไปกำนัลผู้เผยพระวจนะ..เสบียงก็หมดแล้ว คือไม่กล้าไปขอความช่วยเหลือฟรีๆ แต่คนใช้บอกว่าเขามีเหรียญเงินอยู่อันหนึ่ง..น่าจะใช้ได้ ก็เลยโอเค.ทั้งคู่เลยได้ไปหาซามูเอล โดยไม่รู้ตัวว่าการตัดสินใจครั้งนี้มันจะทำให้เกิดอะไรขึ้นกับชีวิตบ้าง
..พอทั้งคู่เข้าไปใกล้ที่อยู่ของซามูเอล พวกเขาก็เจอผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเดินไปตักน้ำก็เลยถามหาผู้ทำนาย ผู้หญิงคนนั้นก็บอกว่าซามูเอลยังอยู่ที่บ้าน ถ้ารีบๆหน่อยก็จะได้เจอเพราะเขากำลังจะไปถวายเครื่องสัตวบูชา แต่ถ้าไปไม่ทันก็ต้องรอจนเสร็จพิธีถึงจะได้พบ
ดู1ซมอ.9:15-16 วันก่อนหน้านี้พระเจ้าได้บอกซามูเอลไว้ล่วงหน้าแล้ว..ว่าในวันรุ่งขึ้นเขาจะได้พบกับคนที่จะมาเป็นกษัตริย์องค์แรกของอิสราเอล พระเจ้าบอกเรียบร้อยเลยว่าคนเนี้ยจะมาจากเผ่าเบนยาบินนะ ซามูเอลต้องเจิมตั้งคนนี้แหละ..ให้เป็นกษัตริย์ของอิสราเอล แล้วเขาจะเป็นคนที่ช่วยให้อิสราเอลรอดพ้นจากมือของพวกฟิลิสเตียด้วย
ดู1ซมอ.9:17-19 ขณะที่ซามูเอลเห็นซาอูลเดินเข้ามาหา พระเจ้าก็บอกย้ำกับซามูเอลอีกครั้งหนึ่ง..ว่าคนนี้แหละ ซามูเอลถึงได้แน่ใจว่าคนที่กำลังเดินเข้ามาเนี่ย..คือผู้ที่พระเจ้าเลือกแน่ๆ พอซาอูลเดินมาถึงก็ถามซามูเอลว่า “ช่วยบอกหน่อย..บ้านผู้ทำนายอยู่ไหน” ซามูเอลเลยตอบว่า”เราเองคือผู้ทำนาย” แต่ก่อนที่ซาอูลจะพูดอะไรต่อไป ซามูเอลก็สั่งการเป็นฉากๆให้ซาอูลเดินนำหน้าขึ้นไปบนสถานสูงที่กำลังจะมีการถวายสัตวบูชา นอกจากนี้ เขายังต้องอยู่ร่วมรับประทานอาหารและค้างคืนที่นั่นด้วย แล้วตอนเช้าก่อนจะกลับ..ซามูเอลจะบอกทุกเรื่องที่ซาอูลอยากรู้ ...ถึงตอนนี้ซาอูลคงจะรู้สึกงงๆ เพราะมาถึงยังไม่ทันพูดอะไรเลย..ซามูเอลก็บอกให้ทำนั่นทำนี่เยอะแยะไปหมด แล้วประโยคต่อไปที่ซามูเอลกำลังจะพูด ซาอูลจะไม่ใช่แค่งงแต่คงอึ้งไปเลย
ดู1ซมอ.9:20-21 ซามูเอลบอกว่า “ส่วนไอ้เรื่องลาที่หายไปสามวันน่ะ ไม่ต้องห่วงนะ..เขาหากันเจอแล้ว อึ้งมั๊ยล่ะ..ตั้งแต่มายังไม่ได้พูดซักคำ แล้วรู้ได้ไงว่าเขาจะมาถามเรื่องลาที่หาย..แล้วรู้ด้วยว่าหายไปกี่วัน..แถมยังบอกว่าไม่ต้องห่วง..เพราะมีคนเจอแล้ว เสร็จแล้วซามูเอลก็พูดอีก
“ความปรารถนาของคนอิสราเอลนั้นมุ่งหมายเอาใครเล่า ไม่ใช่ตัวท่านและพงพันศ์ของบิดาท่านหรอกหรือ” น้าตุ๊กว่า..คำพูดนี้ซาอูลน่าจะพอเข้าใจนะ เพราะสิ่งที่คนอิสราเอลมุ่งหมาย อยากได้ ตั้งตารอในตอนนั้นก็มีอยู่อย่างเดียวคือ “กษัตริย์” เพราะฉะนั้นพอซามูเอลพูดอย่างงี้ ซาอูลต้องเข้าใจแต่ไม่อยากเชื่อ..ว่ามันจะเป็นไปได้ เพราะข้อที่21 ซาอูลแย้งว่า เขาไม่ใช่คนเผ่าใหญ่ ไม่ได้มาจากตระกูลดัง แล้วทำไมซามูเอลมาพูดเหมือน “เขาคือคนที่ชาติต้องการ” ซะขนาดนั้น
ดู1ซมอ.9:22-24 ซามูเอลพาซาอูลกับคนรับใช้เข้าไปในห้องโถงที่จัดไว้สำหรับรับประทานอาหาร แล้วก็ให้ซาอูลนั่งตรงหัวโต๊ะ ซึ่งปกติแล้วจะเป็นที่ของคนสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะอาหารหรือโต๊ะประชุมก็เหมือนกัน ข้อที่23 ซามูเอลบอกคนครัวว่า ให้เอาเนื้อที่เขาสั่งให้เก็บไว้ออกมา..นี่แสดงว่าเขาเตรียมการรับรองไว้ล่วงหน้า สรุปว่าแขกที่ไม่ได้รับเชิญในการนี้เลยกลายเป็นคนสำคัญตัวจริง
ดู1ซมอ.9:27/10:1 เช้าอีกวันซามูเอลก็ไปส่งซาอูลกลับบ้าน ระหว่างทางที่กำลังเดินไปซามูเอลบอกให้ซาอูลสั่งคนใช้ให้เดินล่วงหน้าไปก่อน พออยู่กันสองคนซามูเอลก็หยิบขวดน้ำมันเจิมลงบนศีรษะของซาอูล แล้วก็บอกว่า”พระเจ้าเลือกเขาให้เป็นกษัตริย์ของอิสราเอล” ถึงตอนนี้ ซาอูลที่อึ้งๆอยู่แล้วตั้งแต่เมื่อวาน..มาตอนนี้คงอึ้งได้อีก แต่ความคลุมเคลือหรือความสงสัยที่ค้างอยู่..คงจะหมดไปละ เพราะสิ่งที่ซามูเอลทำมันยืนยันร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าเขาถูกเลือกให้เป็นกษัตริย์ของคนอิสราเอลจริงๆ
ดู1ซมอ.10:2-4/5-7 ซามูเอลรู้ว่าซาอูลจะไม่ยอมรับอะไรง่ายๆ คงเป็นประเภทที่ต้องการ..การคอนเฟิร์ม ก็เลยมีการพูดทำนายล่วงหน้าให้ฟัง..ว่าเดี๋ยวซาอูลเดินกลับไปเนี่ยนะ..เขาจะเจออะไรมั่ง อย่างแรกที่ซามูเอลบอกก็คือ ระหว่างทางที่กลับไปซาอูลจะเจอผู้ชายสองคนริมที่ฝังศพของนางราเชล และสองคนนี้จะพูดเหมือนที่ซามูเอลบอกซาอูล ก็คือเขาหาลาเจอแล้ว แต่ตอนนี้พ่อกำลังเป็นห่วงเขามาก
จากนั้นพอเดินไปอีกนะที่ต้นก่อหลวง ตำบลทาโบร์ ซาอูลจะเจอผู้ชายสามคนกำลังเฝ้าพระเจ้าที่เบธเอล ซามูเอลบอกละเอียดด้วย..ว่าคนหนึ่งอุ้มลูกแพะสามตัว อีกคนมีขนมปังสามก้อน คนสุดท้ายจะถือถุงหนังเหล้าองุ่นแล้วสามคนนี้จะไม่แค่ทักทายซาอูลเฉยๆ...แต่จะแบ่งขนมปังให้เขาสองก้อน..เป็นเสบียงกลับบ้านด้วย (นี่ถ้าหมอดูสมัยนี้แม่นเหมือนซามูเอลนะ..คงรวยเละ ผู้คนก็คงจะแห่กันไปยกเขาเป็นรูปเคารพ หรือไม่ก็เอาแต่นั่งกด1900 1900 *** แต่อย่าหวัง..ตราบใดที่แก้วสารพัดนึกไม่มีวันที่จะอยู่ในมือของผู้ร้าย ตราบนั้นพระเจ้าก็จะไม่มีวันให้ของดีได้ไปอยู่กับพวกเทียมเท็จ แล้วคนของพระเจ้าที่เป็นของแท้และมีของประทานพิเศษ..จะไม่มีวันเห็นแก่เงินทองหรือเกียรติยศ “แล้วฉวยโอกาสหากินบนความอ่อนแอของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน” ..เพราะถ้าทำอย่างงั้น พระเจ้าก็จะทรงปลดลง ให้ต้องพบจุดจบเหมือนบาลาอัม (กดว.31:8)
ดู1ซมอ.10:10-12 ข้อนี้พูดถึงหมายสำคัญครั้งที่สาม ตามที่ซามูเอลบอกไว้ ซึ่งอันนี้สำคัญสุด ซามูเอลบอกว่าซาอูลจะเผยพระวจนะ แล้วเขาก็ทำจริงๆเพราะพระเจ้าทรงสถิต
ข้อที่11บอกว่า..ชาวบ้านที่เคยรู้จักซาอูลมาก่อน พอเห็นเขาเผยพระวจนะก็งง..แล้วก็พูดกันประมาณว่า เอ๊ะ..นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับลูกชายของคีชนะ เดี๋ยวนี้เขาเป็นผู้เผยพระวจนะแล้วเหรอ คือปกติพวกเขาคงเห็นซาอูลเป็นเด็กหนุ่มธรรมดา..ที่ทำไร่เลี้ยงลาไปวัน เพราะฉะนั้น ในเวลาที่พระเจ้าทรงเจิมใครก็ตาม..มันจะมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่คนรอบข้างต้องสังเกตเห็น แล้วการเผยพระวจนะก็เป็นเครื่องหมายที่แสดงให้เห็นว่า..พระเจ้าได้ประทานสิทธิอำนาจในการปกครองอิสราเอลให้ซาอูลแล้วจริงๆ (พวกเราน่าจะจำได้ในสมัยอพยพ ตอนที่โมเสสแต่งตั้งผู้นำ70 คนให้มาช่วยรับภาระการดูแลประชาชน ผู้นำ70คนที่ได้รับการเจิมตั้งก็เผยพระวจนะอยู่ในค่ายเหมือนที่ซาอูลทำอยู่ตอนนี้) และที่สำคัญอีกอย่างคือในข้อที่12 บอกว่า “ดังนั้นจึงเกิดเป็นคำภาษิต..” คำว่า ซาอูลอยู่ในจำพวกผู้เผยพระวจนะด้วยหรือ..กลายเป็นคำสุภาษิต หมายความว่าเกิดเป็นคำพูดที่ใช้บอกเล่าต่อๆกันไปเพื่อว่าคนที่ไม่อยู่ในเหตุการณ์ก็จะได้รู้กันอย่างทั่วถึง..(ว่าตอนนี้พระเจ้าการันตีเขาแล้ว)
ดู1ซมอ.10:14-16 พอซาอูลมาถึงบ้าน..ลุงก็ออกมารับแล้วถามว่าไปไหนมา ซาอูลก็บอก..ไปหาลา หาไม่เจอก็เลยไปถามซามูเอล พอได้ยินชื่อซามูเอลลุงก็หูผึ่ง..ถามใหญ่เลยว่าซามูเอลบอกอะไรมั่ง แต่ซาอูลก็บอกแค่ค่าวๆ คือพูดถึงแต่เรื่องลา ส่วนเรื่องระดับประเทศ..ที่ซามูเอลเจิมเขาเป็นกษัตริย์..ซาอูลไม่พูดถึงเลย
หมดเวลาแล้ว พบกันสัปดาห์หน้า
ขอพระเจ้าอวยพรค่ะ

2 ความคิดเห็น:

  1. มีจุดให้ขำได้อีกตามเคย.... พระเจ้านี่น่ารักเนอะ สามารถทำให้เรื่องยากผ่านครูตุ๊กแล้วดูเป็นเรื่องที่เข้าใจง่ายอย่างลงตัวที่เดียว (อ.วราพร มาอ่านยังขำเลย 1900 1900*** อิอิ =)

    ตอบลบ
  2. ขอบคุณพระเจ้าค่ะ..ที่ส่งผ่านเรื่องยากให้เป็นเรื่องเข้าใจง่าย..ผ่านทางลูก ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์ของพี่หนุ่ยกับมาม้าด้วยค่ะ ฝากอธิฐานให้ด้วยนะคะ

    ตอบลบ