วันอังคารที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2553

หนังสือ 1ซามูเอล ครั้งที่6 อาทิตย์ที่14:3:2010

ดู1ซมอ.10:17-19 ข้อนี้บอกว่า..ซามูเอลเรียกประชุมคนอิสราเอลที่มิสปาห์ ซามูเอลพูดอะไร..ซามูเอลเตือนประชาชนอีกครั้งนึง..ว่าการร้องขอกษัตริย์เนี่ย..มันสำแดงถึงการไม่เชื่อฟังนะ รู้ตัวมั๊ยว่าทำอะไรกันอยู่ พระเจ้าทรงอุตรส่าห์กอบกู้เราให้พ้นจากมือของคนอียิปต์แล้วก็ยังอีกหลายชนชาติที่มาระราน อิสราเอลยังเป็นประเทศอยู่จนทุกวันนี้..ก็เพราะพระเมตตาคุณที่ไม่เคยสิ้นสุดของพระองค์ “..แต่วันนี้ท่านกลับเลือกที่จะละทิ้งพระเจ้า..แล้วพูดออกมาได้ว่าอยากให้มนุษย์ด้วยกันมาเป็นเจ้านาย” พูดจบซามูเอลก็สั่งให้อิสราเอลเข้าเฝ้าพระเจ้าเรียงตามเผ่าของตัวเอง
ดู1ซมอ.10:20-22 ซามูเอลรับบัญชาจากพระเจ้าให้หากษัตริย์ให้คนอิสราเอลด้วยการจับฉลาก (ความจริงมีอยู่สองคนที่รู้ตั้งแต่แรกแล้ว..ว่าพระเจ้าเลือกใคร ก็คือซามูเอลกับซาอูล) อันนี้เท่ากับถูกกำหนดไว้แล้ว และข้อนี้ก็บอกว่า..ในชั้นแรกเลือกได้เผ่า”เบนยามิน” จากเผ่าเบนยามินก็จับได้”ตระกูลมัตรี” จากตระกูลมัตรีก็มาลงที่ “ซาอูล” เพราะฉะนั้น นี่เท่ากับเป็นหมายสำคัญอีกครั้ง..ว่าพระเจ้าเลือกซาอูล แต่พอประกาศผลแล้วกลับหาซาอูลไม่เจอ
ดู1ซมอ.10:22-24 พอหาซาอูลไม่เจอ ซามูเอลก็ถามพระเจ้า พระเจ้าก็บอกว่า”ซาอูลหนีไปซ่อนอยู่ในกองสัมภาระ..(เด็กๆต้องจำไว้ วันข้างหน้าถ้าพระเจ้าทรงเรียกเราด้วยพระประสงค์ที่เจาะจงในลักษณะอย่างงี้ อย่าทำอะไร..เหมือนซาอูล ที่หนีไปซ่อนอยู่ในกองสัมภาระ แต่จงขานรับเสียงเรียกของพระองค์เหมือนซามูเอล..บอกพระเจ้าว่า..ลูกอยู่นี่ขอทรงตรัสเถิด แล้วลูกจะกระทำตามพระประสงค์จนสุดกำลัง) ข้อที่23 บอกว่า..ประชาชนก็ไปเอาตัวซาอูลมาให้ซามูเอล พอประชาชนเห็นซาอูล..ก็ประทับใจกันใหญ่..เพราะหล่อมาก..สูงใหญ่สง่างาม แล้วพวกเขาก็ร้องว่า ”ขอพระราชาทรงพระเจริญ” คือทุกคนก็พร้อมใจกันสรรเสริญกษัตริย์ที่พระเจ้ามอบให้ (ตามพระทัยคนอิสราเอล)
จากนั้นซามูเอลก็มีการทบทวนสิทธิและหน้าที่ของกษัตริย์ให้คนอิสราเอลฟังอีกครั้งนึง คล้ายๆจะเตือนแล้วเตือนอีกนะ..ว่ากษัตริย์มีสิทธิพิเศษมากขนาดไหน..แต่ก็ไม่มีใครฟัง หลังจากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันกลับไป ซาอูลก็กลับบ้าน..แต่มีนักรบติดตามเขาไปด้วยเพราะพระเจ้าจัดให้ คือดลใจให้ตามไปรับใช้
ข้อที่27 บอกว่า..มีคนอัธพาลพูดว่า”ชายคนนี้จะช่วยเราได้ยังไง..” คือ คนที่ไม่เห็นด้วยไม่ชอบซาอูล..ก็มีเหมือนกัน แต่จะไม่ชอบเพราะอะไรเราไม่รู้ แต่พระคำภีร์เรียกคนกลุ่มนี้ว่า “อันธพาล” ทำไมเขาถึงถูกเรียกอย่างงั้น ก็จริงๆแล้วคนพวกนี้ทำบาป..เพราะการที่ซาอูลได้เป็นกษัตริย์เนี่ยใครเป็นคนเลือก..(ไม่ใช่พระเจ้าเหรอ) ในเมื่อพระเจ้าเป็นคนเลือกแล้วคุณไม่ยอมรับคนที่พระเจ้าเลือก..คุณก็ผิดแล้ว..เพราะไม่ไว้ใจพระเจ้า..ไม่ยอมรับสิ่งที่พระองค์เลือก เรียกว่าอันธพาลน้าตุ๊กว่ายังน้อยไป เพราะไม่ว่ายังไงเราต้องวางใจในผู้นำ ในสถานการณ์ และในทุกสิ่งที่พระเจ้าเลือก ถึงแม้สติปัญญา(อันโง่เขลา)ของมนุษย์จะแอบขัดแย้ง แต่จงสังวรณ์ไว้เสมอว่า..พระปัญญาของพระเจ้าล้ำเลิศเหนือทุกสิ่งในมหาจักรวาล แล้วสิ่งที่เด็กๆต้องจำไว้เสมอก็คือ..หลายครั้งพระเจ้าก็เลือกผู้เล็กน้อยอย่าง”กิเดโอน” เลือกลูกโสเภณีที่เติบโตมาในหมู่นักเลงหัวไม้อย่าง”เยฟธาห์” ให้เป็นผู้นำของอิสราเอล พระเจ้าไม่ได้เลือกแต่คนที่ดีพร้อม และสิ่งนี้ก็สำแดงให้เห็นถึง"ความบริสุทธิ์ยุติธรรมและความยิ่งใหญ่ของพระองค์"เพราะไม่ว่ามนุษย์จะคิดยังไง "พระเจ้าก็คือพระเจ้า" พระองค์ไม่ต้องการคำปรึกษาของมนุษย์ มีแต่มนุษย์ที่ต้องปรึกษาพระองค์ และจะไม่มีใครเปลี่ยนแปลงความจริงในเรื่องนี้ได้ พระคำภีร์ยังบอกต่อไปว่า..คนส่วนใหญ่ที่ชอบซาอูลก็เอาเครื่องบรรณาการมาถวาย แต่พวกอัธพาลก็ไม่สนใจ..เพราะชั้นไม่ชอบคนนี้ แต่ซาอูลก็นิ่งๆตอนนี้เขายังไม่โต้ตอบใคร (แต่เราต้องดูกันยาวๆ ว่าเขาจะนิ่งอีกนานแค่ไหน)
(บทที่11) “ซาอูลรบชนะคนอัมโมน” (เราจะมาดู”วีรกรรมครั้งแรกของซาอูล” ที่ทำให้คนอิสราเอลประทับใจไปตามๆกัน)
ดู1ซมอ.11:1-3 ข้อนี้บอกว่า นาหาชคนอัมโมนยกทัพมาล้อมเมืองยาเบชกิเลอาช ของอิสราเอล แล้วประกาศอย่างท้าทายเลยว่า..เขาจะควักลูกตาข้างขวาของคนอิสราเอลทุกคน เพื่อให้อยู่อย่างอับอายขายหน้า พูดเหมือนอิสราเอลเป็นตุ๊กตา..แล้วมีเจ้าของเป็นคนซาดิศม์จะเล่นหักแขนหักขายังไงก็ได้ตามความพอใจ แต่คำขู่ของนาหาชก็ทำให้คนอิสราเอลตกใจกลัวเหมือนกัน ข้อที่3 บอกว่า พวกผู้นำของเมืองยาเบชก็ไปต่อรองกับนาหาช บอกว่าขอเวลาเจ็ดวัน..จะไปหาคนมาช่วย ถ้าไม่มีใครมาก็จะยอมจำนนให้กับพวกอัมโมน.. (นี่ขอตรงๆเลยนะ ขอไปหาตัวช่วยก่อน..เผื่อรอด ซึ่งจริงๆแล้วในสนามรบ เรื่องอย่างงี้มันขอกันได้มะ.. ไม่มีใครให้เวลาใครหรอก..แค่เผลอยังไม่ได้เลย แต่นาหาชกลับให้เวลาคนอิสราเอลตามคำเรียกร้อง แปลกมั๊ยล่ะ)
ดู1ซมอ.11:5-7 ได้มีการส่งผู้สื่อสารจากเมืองยาเบชไปที่เมืองกิเบอาห์ถิ่นของก.ซาอูล พอประชาชนรู้ข่าวการขู่ทำร้ายของนาหาช..ก็ร้องไห้กันใหญ่ ส่วนซาอูลพอกลับจากไร่มารู้เรื่องเข้า..ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แต่ความโกรธของซาอูลในครั้งนี้เป็นมาโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพราะข้อที่6 บอกไว้ชัดเจนว่า..เมื่อซาอูลได้ยินเรื่องราวที่ชาวบ้านเล่าให้ฟัง “พระวิญญาณของพระเจ้าก็สถิตกับท่านอย่างมาก และความโกรธก็เกิดขึ้นอย่างรุนแรง” เรื่องนี้บอกอะไรเรามั่ง..พระคำภีร์ข้อนี้ทำให้เรารู้ว่า “จริงอยู่..ความโกรธส่วนใหญ่เป็นความบาปและไม่ได้มาจากพระเจ้า แต่การโกรธของซาอูลครั้งนี้..พระคำภีร์บอกไว้ชัดเจนว่า..เป็นผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์” ถ้าจะให้พูดตรงๆก็คือ..”มีบางครั้งเหมือนกันที่คริสเตียนสมควรจะโกรธ” เรื่องนี้สอนยากมาก เพราะมันล่อแหลมสุดๆ..เด็กๆต้องติดสนิทกับพระเจ้า ถึงจะแยกได้ขาด..ว่าความโกรธอันไหนมาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ แล้วอันไหนมาจากเนื้อหนังของเราเอง ถ้ายังไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร จำประเด็นนี้ไว้ก่อน แขวนมันไว้ในใจ..เดี๋ยวซักวันพระเจ้าจะส่งสถานการณ์ตัวอย่างมาให้ (case study จะตามมาทีหลัง)
ดู1ซมอ.11:7-8 ข้อนี้บอกว่า..เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ดลใจให้ซาอูลโกรธมาก..เขาก็ฟันวัวคู่หนึ่งออกเป็นท่อนๆแล้วส่งชิ้นส่วนไปทั่วอิสราเอล..ทำอย่างงี้เพื่ออะไร..เป็นการประกาศให้พี่น้องอิสราเอลร่วมใจกันออกมารบ แล้วยังเตือนด้วยว่า..ถ้าใครไม่ออกมาช่วยรบ..วัวของคนนั้นก็จะมีสภาพเดียวกันนี้ ข้อที่8บอกว่า..ซาอูลนับชาวอิสราเอลที่ออกมาร่วมรบได้มากถึง 330000 คน และสุดท้ายพระเจ้าก็ทรงกระทำให้อิสราเอลได้ชนะพวกอัมโมน..ภายใต้การนำทัพของซาอูลเป็นครั้งแรก
ดู1ซมอ.11:14-15 ซามูเอลเรียกประชุมคนอิสราเอลที่กิลกาล..เพื่อรื้อฟื้นราชอาณาจักร เวลารื้อฟื้นราชอาณาจักร ก็จะมีการการทบทวนถึงพันธสัญญาระหว่างพระเจ้ากับคนอิสราเอล..เพื่อเตือนความจำให้คนอิสราเอลสังวรณ์ถึงพระบัญญัติของพระองค์ แล้วการประชุมครั้งนี้ก็มีการเจิมตั้งซาอูลให้เป็นกษัตริย์ต่อหน้าพระเจ้าด้วย คนอิสราเอลรู้สึกว่าซาอูลเนี่ยเหมาะสมมากที่จะเป็นกษัตริย์ของพวกเขา...มาถึงก็ทำให้อิสราเอลได้รับชัยชนะ.ความรู้สึกของประชาชนก็คือโอโห..คนนี้ใช่เลย
แต่ความจริงมันใช่อย่างที่เขาคิดมะ..ไม่ใช่เลย เด็กๆต้องจำไว้และวางใจให้ได้ เพราะไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ จะสุขหรือทุกข์ จะสำเร็จหรือล้มเหลว..พระเจ้าก็ควบคุมทั้งนั้น มันไม่เกี่ยวอะไรกับผู้นำเลยหรือมนุษย์หน้าไหนเลย แต่ตอนนี้คนอิสราเอลยังหลงผิดอยู่ ซามูเอลจึงจำเป็นต้องรื้อฟื้นราชอาณาจักรของพระเจ้า..หมายถึง เตือนความจำให้พวกเขาระลึกถึงพันธสัญญา รวมถึงเรื่องราวเก่าๆ การช่วยกู้ครั้งแล้วครั้งเล่าชองพระเจ้าที่มีต่อคนอิสราเอล
คำปราศรัยของซามูเอล
ดู1ซมอ.12:3-4 พระธรรมตอนนี้เป็นการพิสูจน์ตัวเองของซามูเอลต่อหน้าพระเจ้าแล้วก็ต่อหน้าคนอิสราเอลทั้งประเทศด้วย อันนี้น่าจะสืบเนื่องมาจากที่คนอิสราเอลกล่าวหาเขาไว้ในบทที่ 8...คือตอนนั้นคนอิสราเอลหาเรื่องจะเรียกร้องขอกษัตริย์ โดยอ้างเหตุผลว่าลูกของซามูเอลไม่สัตย์ซื่อเหมือนพ่อ ทั้งๆที่ซามูเอลก็ยังไม่ได้แต่งตั้งลูกให้เป็นปุโรหิตเลย...มาถึงตอนนี้ ซามูเอลก็เลยไม่อ้อมค้อมเอาเรื่องนี้มาเคลียร์ตรงๆเลย แล้วก็ท้าให้ประชาชนหาข้อบกพร่องของเขาด้วย
ในข้อแรกซามูเอลบอกว่า..เขาเคยริบโคหรือเอาลาของใครไปบ้าง..ความหมายก็คือซามูเอลกำลังจะบอกว่าเขาไม่เคยโกงหรือเอาเปรียบใคร และข้อต่อไปซามูเอลก็พูดว่า..ข้าพเจ้ารับสินบนจากผู้ใดและกระทำให้ตาของข้าพเจ้าบอดไป.ก็หมายถึงเขาไม่เคยใช้อำนาจไปในทางที่ผิด ไม่เคยรับสินบนแล้วบิดเบือนคำพิพากษา สุดท้ายซามูเอลบอกว่า..ถ้าใครคิดว่าสิ่งที่เขาพูดไม่เป็นความจริง คือเขาไม่บริสุทธิ์ยุติธรรมจริงก็ให้คัดค้านได้เลย..แต่คำตอบคือ”ไม่มี” คนอิสราเอลยอมรับว่า..ซามูเอลรับใช้พระเจ้าด้วยความสัตย์ซื่อและบริสุทธิ์ใจมาตลอด
ดู1ซมอ.12:6-7 หลังจากที่ซามูเอลท้าพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองแล้ว ทีนี้ก็ถึงตาประชาชนมั่ง...
ซามูเอลเริ่มฟื้นความทรงจำให้คนอิสราเอล ด้วยการพูดถึงประวัติศาสตร์ในสมัยอพยพว่า “พระเจ้าทรงเป็นผู้แต่งตั้งโมเสสกับอาโรน และทรงนำบรรพบุรุษออกจากแผ่นดินอียิปต์” คำว่าพระเจ้าทรงเป็นผู้แต่งตั้งโมเสสกับอาโรน หมายความว่าไง..ไม่ใช่โมเสสกับอาโรนนะ..ที่ช่วยกู้คนอิสราเอลให้พ้นจากการเป็นทาส..แต่เป็นพระเจ้า จริงอยู่ที่พระเจ้าแต่งตั้งผู้นำและทรงใช้มนุษย์..เหมือนในครั้งนั้นที่ใช้โมเสส แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าโมเสสเป็นคนช่วยให้ยิวได้รับอิสรภาพ เพราะไม่ว่าผู้นำจะเป็นใครพระเจ้าก็ยังเป็นผู้ควบคุมอยู่ดี
ในข้อที่7 บอกว่า”ฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงยืนนิ่งอยู่ ข้าพเจ้าจะเสนอคดีของท่านต่อพระเจ้า..” ตอนนี้ถึงตาคนอิสราเอลต้องตกเป็นจำเลยมั่ง ซามูเอลกำลังจะไต่สวนแล้วก็แจ้งข้อหาความผิดบาปที่พวกเขากระทำต่อพระเจ้า โดยการเชื่อมโยงเรื่องราวตั้งแต่สมัยอพยพ โยชูวา ผู้วินิจฉัย ให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน คือมาจบลงที่เรื่องของซามูเอล
ดู1ซมอ.12:12-13 จริงๆแล้วเนี่ย..อิสราเอลก็มีปัญหามาตลอด ตั้งแต่สมัยอพยพ ในถิ่นทุรกันดาร ในสมัยของโยชูวา มาจนถึงผู้วินิจฉัย ซามูเอลเชื่อมโยงเรื่องเก่าๆไล่มาจนถึงยุคปัจจุบัน ล่าสุดที่คนอัมโมนมาข่มขู่คนอิสราเอล..จนในที่สุดภายใต้การนำของก.ซาอูล อิสราเอลก็ได้ชัยชนะ..แต่ นั่นยังไม่ใช่ประเด็นที่ซามูจะเอลพูดถึง
เพราะสิ่งที่เขาอยากจะบอกจริงๆก็คือ..ในสมัยก่อนหน้าเนี้ยเมื่อไหร่ก็ตามที่อิสราเอลต้องเจอกับปัญหาไม่ว่าเรื่องอะไร พวกเขาจะเข้าใจดีว่า..ปัญหาที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะพวกเขาทำบาป แล้วคนอิสราเอลในสมัยโบราณก็จะสำนึก กลับใจใหม่แล้วขอให้พระเจ้าช่วย..”แต่สิ่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับคนอิสราเอลที่กำลังยืนอยู่ต่อหน้าซามูเอลตอนนี้” คนเหล่านี้ที่ยืนฟังซามูเอลพูดอยู่เนี่ย..ไม่รับรู้ว่าความบาปหรือความบกพร่องของตัวเอง...คือสาเหตุที่ทำให้พวกเขาเดือดร้อน แต่โยนความผิดไปให้กับ “ผู้นำ” โทษว่าซามูเอลไม่ดีพอ..แล้วก็มาร้องขอกษัตริย์กันปาวๆ อย่างที่ทำกันอยู่เนี่ย..ในข้อที่14 ซามูเอลบอกว่า..จงดูพระราชาที่พวกท่านร้องขอ และดูเถิดพระเจ้าก็ทรงตั้งพระราชาไว้เหนือท่านแล้ว” ความหมายของซามูเอลคือ..อยากได้..ก็จัดให้ แต่คนอิสราเอลต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองเลือก..
หมดเวลาแล้วค่ะ ประเด็นนี้ยังไม่จบ..พบกันสัปดาห์หน้า
พระเจ้าอวยพรค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น