วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

หนังสือผู้วินิจฉัย ครั้งที่ 6 อาทิตย์ที่ 8:11:2009

แซมสัน ตอนที่๒ ผวฉ.14:1-20/15:1-8 (แซมสันกับหญิงชาวทิมนาห์)
พอโตเป็นหนุ่มแซมสันก็เกิดไปชอบหญิงฟิลิสเตียคนหนึ่ง..เป็นชาวเมืองทิมนาห์ ก็เลยกลับไปบอกพ่อแม่ประมาณว่า “คนนี้ใช่เลย ไปขอให้หน่อย” แต่ในข้อที่๔บอกว่า”พ่อแม่ของแซมสันไม่รู้ว่าพระเจ้าเป็นผู้อนุญาตให้เรื่องนี้เกิดขึ้น ก็เลยพยายามที่จะบ่ายเบี่ยงเพราะผู้หญิงที่ลูกไปชอบเนี่ย...เป็นคนต่างชาติ” แต่พูดยังไงลูกก็ไม่ยอม แซมสันตื๊อ...จะเอาให้ได้ คงจะพูดประมาณว่า “แต่คนนี้....มันโดนใจจริงๆนะแม่” ....สุดท้ายพ่อแม่ก็แพ้ทาง ต้องไปขอสาวฟิลิสเตียมาเป็นเมียลูก
ระหว่างที่เดินทางไปขอสาวที่ทิมนาห์ แซมสันก็มีโอกาสได้แสดงวีรกรรมที่ไม่ธรรมดาเป็นครั้งแรก ด้วยการฉีกสิงโตออกเป็นสองซีกด้วยมือเปล่า แล้วในข้อที่๖.บอกว่าพ่อแม่ของแซมสันไม่ทันรู้เรื่อง...ทั้งที่เดินทางมาด้วยกัน แสดงว่าแซมสันต้องใช้กำลังอย่างมหาศาล ถึงได้สามารถฆ่าสิงโตอย่างเงียบเชียบและรวดเร็วจนพ่อแม่ไม่ทันรู้เรื่อง (เด็กๆลองนึกภาพตาม.. เดินทางมาด้วยกันแต่ไม่รู้ว่ามันฆ่าสิงโต สิงโตนะ...ไม่ใช่แมวหรืออีกัวน่า) แล้วก็มือเปล่าอีกต่างหาก
พอไปถึงเมืองทิมนาห์เมื่อได้พูดจาสู่ขอกันเป็นที่เรียบร้อย ไม่นานแซมสันก็กลับไปรับภรรยา...ระหว่างทางก็มีการแวะไปดูซากสิงโตที่เขาฆ่า (ตอนที่มากับพ่อแม่) ปรากฎว่ามีผึ้งมาทำรัง
แซมสันไม่รอช้ายื่นมือไปกวาดเอาน้ำผึ้งจากซากสิงโตแล้วก็เดินไป กินไป เหมือนหมีพูล์ (แซมสัน เดอะ พูล์) แถมยังมีแก่ใจไปแบ่งให้พ่อแม่กินด้วย แต่ไม่ได้บอกว่าตัวเองไปเอามาจากไหน ตอนนี้แซมสันทำผิดกฎของนาศีร์รึยัง (ผิดไปเรียบร้อยแล้วเพราะไปโดนซากศพ)
หลังจากนั้นก็มีการจัดงานเลี้ยงตามแบบที่ชาวบ้านเขาชอบทำกัน แล้วก็เลือกชายหนุ่มสามสิบคนมาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว แซมสันก็พูดกับคนเหล่านั้นว่า “ให้เราทายปริศนาซักข้อมั๊ย ถ้าพวกท่านตอบได้ภายในเจ็ดวันที่มีการเลี้ยงฉลองกันเนี่ย เราจะให้เสื้อผ้าพวกท่าน ทั้งชุดอยู่บ้านแล้วก็ชุดไปเที่ยว สามสิบชุด แต่ถ้าภายในเจ็ดวันยังตอบไม่ได้พวกท่านต้องเป็นฝ่ายมอบเสื้อผ้าสามสิบชุดให้เรา ทางฝ่ายเพื่อนเจ้าบ่าวสามสิบคนตอบตกลงรับคำท้า ว่าแล้วแซมสันก็เลยถามปัญหาว่า
.”มีของกินได้ออกมาจากตัวผู้กินเขา มีของหวานออกมาจากตัวที่แข็งแรง” หรือจะพูดให้เข้าใจง่ายก็คือ “มีอาหารออกมาจากตัวผู้กินหรือ...ผู้ล่า มีของหวานออกมาจากผู้มีกำลัง” ถามแบบนี้ใครจะไปตอบได้... เพื่อนเจ้าบ่าวก็ตอบไม่ได้ สุดท้ายพวกฟิลิสเตียก็เลยไปคาดคั้นข่มขู่เอากับภรรยาของแซมสัน บอกให้ไปหลอกถามคำตอบมาให้ได้ ไม่งั้นจะเผาบ้านให้ไฟคลอกตาย (ภรรยาของแซมสันกลัวมั๊ย) กลัวมาก...ไปตื๊อจนแซมสันทนไม่ไหว ก็เลยเฉลยคำตอบให้ฟัง
พอถึงวันที่เจ็ดพวกเพื่อนเจ้าบ่าวก็เลยมาตอบแซมสันว่า “มีอะไรหวานกว่าน้ำผึ้ง มีอะไรแข็งแรงกว่าสิงห์” (แปลว่าตอบถูก) แซมสันก็โมโหแล้วพูดว่า ถ้าพวกชาวบ้านไม่ใช้ภรรยาของเขาเป็นเครื่องมือ ก็ไม่มีทางตอบได้แน่ ว่าแล้วแซมสันก็ไปที่เมืองอัชเคโลนฆ่าชาวฟิลิสเตียสามสิบคน แล้วก็เอาเสื้อผ้าสามสิบชุดของคนที่เขาฆ่าเนี้ย..มาจ่ายเป็นเดิมพันให้คนที่ทายปริศนาได้ เสร็จแล้วก็กลับบ้านตัวเองไปเลย ทีนี้พ่อตาก็ไม่รู้ทำไง....กลัวลูกสาวหม้ายขันหมากก็เลยยกเจ้าสาวให้เพื่อนเจ้าบ่าวไปเลย (มั่วจริงๆ)
เด็กๆดูในข้อที่๑๙.บอกว่า..”พระวิญญาณของพระเจ้าสถิตกับแซมสันอย่างมาก” หมายความว่า พระเจ้าทรงเป็นผู้ประทานเรี่ยวแรงกำลังให้กับแซมสันเขาถึงเอาชนะฆ่าฟันคนฟิลิสเตียได้ เพราะฉะนั้น....เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น จริงๆแล้วก็คือแผนการของพระเจ้าที่วางไว้ให้แซมสันได้มีโอกาสแก้แค้นคนฟิลิสเตียเป็นครั้งแรก แม้ว่ากระบวนการบางอย่างมันจะดูไม่ถูกต้องหรือสวยงามนักในสายตามนุษย์ อยากให้เด็กๆพิจารณาเรื่องนี้ให้ดีๆ...ว่าหลายครั้งพระเจ้าอาจใช้คนบางคน ของบางสิ่ง หรืออนุญาตให้เหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น ก็เพื่อที่จะให้สิ่งเหล่านี้เป็นตัวขับเคลื่อนให้ทุกอย่างได้สำเร็จตามน้ำพระทัยของพระองค์ เพราะฉะนั้น แม้เราจะไม่เข้าใจแต่ขอให้จำไว้ว่า สุดท้ายแล้วทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันจะเป็นผลดีกับเราแน่นอน ดูต่อไปในบทที่๑๕.บอกว่า พอถึงฤดูเกี่ยวข้าวแซมสันก็เกิดคิดถึงภรรยาเลยกลับไปหา(กะจะไปง้อขอคืนดี) เอาแพะไปฝากตัวนึงด้วย แต่พอไปถึงพ่อตาบอกว่า เอาน้องแทนได้มั๊ยเพราะยกเมียของแซมสันให้คนอื่นไปแล้ว...แค่นั้นแหละแซมสันก็ลุกเป็นไฟ (แล้วก็ได้สร้างวีรกรรมทำเพื่อเธอ..) ออกไปจับหมาจิ้งจอกมาสามร้อยตัวมัดหางติดกันเป็นคู่ เอาเชื้อเพลิงติดไว้กับทุกคู่แล้วจุดไฟเผา เสร็จแล้วก็ปล่อยให้มันวิ่งเตลิดเปิดเปิงเข้าไปในนาของคนฟิลิสเตีย ไร่นาก็ถูกเผาวอดวายทั้งนาข้าว ทั้งสวนมะกอก (เนี่ยแซมสัน...สุดยอดแห่งความคิดสร้างสรรค์ ในการทรมานสัตว์)
พอชาวฟิลิสเตียรู้ว่าเป็นฝีมือของแซมสัน ก็ไปลงที่ภรรยากับพ่อตาหาว่าสองคนนี้เป็นต้นเหตุก็เลยฆ่าทิ้งซะ อ่ะ..พอแซมสันรู้เข้าก็แค้นอีก ออกไปฆ่าคนฟิลิสเตียอีก คราวนี้ตายไปเยอะแต่ไม่รู้กี่คน พระคำภีร์บอกไว้แต่ว่า ..แซมสันฆ่าซะแหลกจนพอใจแล้วก็หนีไปอยู่ที่ยูดาห์
แซมสัน ตอนที่๓ (แซมสันชนะพวกฟิลิสเตียที่เมืองเลฮี) ผวฉ.15:9-20
คนฟิลิสเตียก็ตามล่าแซมสันไปถึงเขตแดนของคนยูดาห์ ชาวยูดาห์ไม่อยากจะมีเรื่องกับพวกฟิลิสเตียอยู่แล้วเพราะคิดว่า..ยังไงก็สู้ไม่ได้ ก็เลยจับแซมสันมัดแล้วส่งตัวให้พวกฟิลิสเตีย แต่พอถึงมือพวกฟิลิสเตียพระเจ้าก็สถิตกับแซมสัน ทำให้เขาสามารถฆ่าคนฟิลิสเตียไปมากถึงพันคนด้วยกระดูกขากรรไกรลาเพียงท่อนเดียว แล้วแซมสันพูดว่าไงเด็กๆดูในข้อที่๑๖. ”ด้วยขาตะไกรลา เป็นกองซ้อนกอง ด้วยขาตะไกรลา เราได้ฆ่าคนหนึ่งพันเสีย” คือแซมสันพูดประมาณว่า “แค่ขาตะไกรลาเพียงชิ้นเดียว คนก็ตายเป็นกองพะเนิน เขาสามารถฆ่าคนนับพันได้ ด้วยขาตะไกรลาเพียงชิ้นเดียว” คือเขาน่าจะพูดด้วยความภาคภูมิที่ติดจะเย่อหยิ่งเล็กๆนะ...น้าตุ๊กว่า เพราะหลังจากนั้นในข้อที่๑๘.บอกไว้ว่า “แซมสันอ่อนเพลียและกระหายน้ำมากๆ จนต้องร้องทุกข์ถึงพระเจ้าเพราะคล้ายๆจะสำนึกได้ว่ากำลังวังชาและความสำเร็จทั้งหมดนั้น...มันมาจากพระเจ้าทั้งสิ้น ถ้าณ.ตอนนี้แค่พระเจ้าไม่ประทานน้ำให้เขาดื่ม..แซมสันจะรอดมั๊ย ไม่รอด..ต้องตายแน่ ดังนั้นเมื่อแซมสันสำนึกได้และโมทนาพระคุณแล้ว พระเจ้าก็ทรงบันดาลให้น้ำไหลออกมาอย่างอัศจรรย์ แซมสันถึงได้รอดตายเพราะได้ดื่มน้ำและจิตวิญญาณก็ได้รับการฟื้นฟูขึ้นอีกครั้ง พระคำภีร์บอกว่าแซมสันวินิจฉัยอิสราเอลอยู่ยี่สิบปี แต่แซมสันไม่ได้วินิจฉัยในทางที่เป็นแม่ทัพกู้ชาติ ไม่ได้เป็นผู้ตัดสินหรือปกครองอิสราเอล แต่แซมสันได้ชื่อว่าเป็นผู้วินิจฉัยคนหนึ่งเพราะเป็นผู้สร้างแรงบันดาลใจ ปลุกใจคนอิสราเอลให้มีความกล้าหาญ กล้าลุกขึ้นต่อสู้กับพวกฟิลิสเตียจนอิสราเอลสามารถบรรลุผลสำเร็จในสมัยของก.ซาอูลและก.ดาวิด แต่เรื่องของแซมสันก็ยังไม่ได้จบแค่นั้น...
เรื่องของแซมสันที่เมืองกาซา ผวฉ.16:1-3
ประเด็นสำคัญในตอนนี้ จริงๆแล้วก็คือ การชี้ให้เห็นถึงนิสัยแย่ๆของแซมสันที่ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ ทำผิดกฎข้อห้ามของการเป็นนาศีร์อยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง”เรื่องผู้หญิง” ในบทที่๑๖บอกว่า มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เมืองกาซา มีคนเห็นแซมสันเข้าไปนอนกับหญิงโสเภณี พวกฟิลิสเตียก็เลยยกกันมาดักรอจะฆ่าแซมสัน กะว่าตอนเช้าพอแซมสันออกมาก็จะฆ่าทิ้งซะเลย(สร้างปัญหาดีนัก) ว่าแล้วพวกฟิลิสเตียก็ล้อมที่นั้นไว้ซุ่มรออยู่ที่ประตูเมือง ปรากฎว่า....ยังไม่ทันจะเช้าเลยแค่เที่ยงคืนเท่านั้นแหละ พระคำภีร์บอกว่า”แซมสันก็ลุกขึ้นมายกประตูเมืองรวมทั้งเสาสองต้น พร้อมทั้งดาลประตูใส่บ่าแบกไปถึงยอดภูเขาหน้าเมืองเฮโบรน” (นึกถึงเรื่องมนุษย์จอมพลังเนอะ ไอ้ตัวเขียวๆอ่ะ) คือแซมสันคงคิดแล้วล่ะว่าถ้าแบกไปแต่คน...คงต้องเดินหลายเที่ยว สู้ยกไปทั้งยวงดีกว่า เที่ยวเดียวจบ
สรุปว่าแซมสันรอดจากมือพวกฟิลิสเตียได้อีกครั้ง..อย่างไม่มีปัญหา แต่นิสัยของแซมสัน ที่เสียเรื่องผู้หญิงเอามากๆเนี่ย มันทำให้พวกฟิลิสเตียจับทางเขาได้ จนในที่สุดเมื่อมาถึงตอนที่๔ เราก็จะเห็นว่าสุดท้ายแซมสันก็พลาดจนได้ (เพราะหมกมุ่นกับผู้หญิงจนได้เรื่อง) วันนี้เวลาหมดแล้ว เรื่องของแซมสันคงต้องไปต่อกันสัปดาห์หน้า
พระเจ้าอวยพรค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น