วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2554

หนังสือ1พงศ์กษัตริย์ ครั้งที่10 อาทิตย์ที่7:8:2011

หลังจากที่พวกปุโรหิตพระบาอัลทำพิธีกันนานกว่าหกชั่วโมง ตั้งแต่เช้าถึงบ่ายสาม..ปรากฎว่าไม่มีเสียงตอบจากพระบาอัล..ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย พระคำภีร์บอกว่า.."ไม่ว่าพวกเขาจะโขยกเขยกหรือร้องเรียกเสียงดัง..เชือดเนื้อเฉือนตัว" คำว่าโขยกเขยก ร้องเสียงดังหรือแม้แต่เชือดเนื้อเฉือนตัวนี้ โดยส่วนตัวแล้ว น้าตุ๊ก เข้าใจว่า เป็นการบิ๊วท์ อัพ..แต่ถึงจะบิ๊วท์กันขนาดไหนพระบาอัลก็ไม่เห็นจะทำอะไร ไม่มีการส่งไฟลงมา..ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตรงจุดนี้ ถามว่าพระอื่นมีจริงๆมั๊ย..บรรดาศักดิเทพ..อติเทพ หรือแม้แต่ผีมีจริงรึเปล่า..มีจริงค่ะ แล้วพระบาอัลล่ะ..ก็อาจจะมีนะ อันนี้น้าตุ๊กไม่รู้จริงๆแต่!นั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญ สิ่งสำคัญก็คือ ถ้าพระเจ้าไม่อนุญาตให้อะไรเกิดขึ้น..ใครหรือนามไหนๆก็ทำให้มันเกิดไม่ได้ แล้วถ้าพระเจ้าไม่ช่วย..ก็ไม่มีใครสามารถบังอาจที่จะยื่นมือเข้ามาช่วยได้ เพราะฉะนั้น ถ้ามาเป็นคริสเตียนปุ๊บ!..ก็ไม่เคยถูกหวยอีกเลย หรือชิงโชคอะไรแล้วไม่เคยได้..ก็จงก้มศีรษะลงขอบพระคุณ เพราะนั่นคือพระหัตถ์ของพระเจ้าที่ปกอยู่เหนือชีวิตเรา พระองค์จึงทรงประทานแสงสว่างแก่เราด้วยการตัดความหวังเทียมเท็จที่มาจากทางอื่นออกไป เราจะได้เห็นแสงสว่างแท้จริงนิรันดร์ในทางของพระเจ้าอย่างชัดเจน ถ้าสั่งไม่ให้ช่วย..ใครก็ช่วยไม่ได้ แล้วถ้าพระองค์จะช่วยก็ไม่มีใครขวางได้เหมือนกัน และเมื่อถึงบ่ายสามโมง..ทีนี้ ก็ถึงตาเอลียาห์บ้าง..
ดู1พกษ.18:30-32/33-35 พอถึงบ่ายสามโมง..บ่ายสามโมงเป็นเวลาที่คนอิสราเอลถวายเครื่องบูชาพระเจ้า ข้อที่30 เอลียาห์บอกคนอิสราเอลว่า..เข้ามาดูใกล้ๆ..จะได้เห็นชัดๆ พวกท่านได้ดูการแสดงของพวกปุโรหิตพระบาอัลมาหกชั่วโมงแล้ว..แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทีนี้ตาเขาบ้าง..เอลียาห์ลงมือซ่อมแท่นบูชาของพระเจ้า..ต้องซ่อมก่อนเพราะถูกทำลายทิ้งมานาน แล้วเอลียาห์ก็เอาหินมาเรียงสิบสองก้อนตามจำนวนเผ่าของคนอิสราเอล..ทำอย่างงี้เพื่อไร..เป็นการระลึกถึงพันธสัญญาที่พระเจ้าให้ไว้กับอิสราเอล ตั้งแต่ที่พาพวกเขาออกมาจากอียิปต์ จากนั้นเอลียาห์ก็ฆ่าวัวฟันเป็นท่อนแล้ววางบนฟืนที่เรียงไว้ แต่ที่พิเศษกว่านั้น..เอลียาห์สั่งให้เทน้ำลงไปบนเครื่องบูชาแล้วก็บนฟืนด้วย เทแค่ไหน..สี่ไห..ไม่ใช่น้อย แล้วก็เทอย่างงี้สามรอบจนกองฟืนเปียกชุ่มไปหมด หลายคนที่ยืนดูอยู่คงคิดในใจ..ว่าทำซะเปียกขนาดนี้แล้วไฟมันจะติดได้ไง แต่เอลียาห์ทำเพราะความมั่นใจ เขาอยากให้รู้กันจะๆว่าพระเจ้าทำได้ทุกอย่าง ไม่ต้องบิ๊วท์..ไม่ต้องลุ้น..ไม่ต้องเหลี่ยม ถ้าพระเจ้าจะทำการ..ทุกอย่างจะเกิดขึ้นแน่นอน แม้ในสถานการณ์ที่มนุษย์คิดว่ายาก แต่สำหรับพระเจ้าไม่มีคำว่ายาก พระปัญญาของพระองค์ทรงลึกล้ำเกินกว่าสติปัญญามนุษย์จะเข้าใจ..อยู่เหนือเงื่อนไข..กฎเกณฑ์ และข้อจำกัดทุกอย่าง

ดู1พกษ.18:36/37-39 เอลียาห์อธิฐานว่า “ข้าแต่พระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งอับราฮัม อิสอัคและอิสราเอล ขอให้ทราบเสียทั่วกันในวันนี้ว่า พระองค์คือพระเจ้าในอิสราเอล และข้าพระองค์เป็นผู้รับใช้ของพระองค์ และข้าพระองค์ได้กระทำบรรดาสิ่งเหล่านี้ตามพระดำรัสของพระองค์ ขอทรงฟังข้าพระองค์ โอ ข้าแต่พระเยโฮวาห์ ขอทรงฟังข้าพระองค์ เพื่อชนชาตินี้จะทราบว่า พระองค์คือพระเยโฮวาห์พระเจ้า และพระองค์ทรงหันจิตใจของเขาทั้งหลายกลับมาอีก" พูดแค่นี้ เด็กๆว่าใช้เวลาเท่าไหร่..น้าตุ๊กว่าไม่ถึงห้านาทีนะ แต่พออธิฐานเสร็จปุ๊บ ข้อที่38 บอกว่า “..ไฟของพระเจ้าก็ตกลงมาและไหม้เครื่องเผาบูชา และฟืนและหิน และผงคลีและเลียน้ำซึ่งอยู่ในร่อง เพราะฉะนั้น ต้องเป็นไฟที่ลุกโชนมากๆ..ไม่ใช่ไฟวับๆแวมๆแบบมายากล เพราะไฟที่พระเจ้าส่งมานี้เผาผลาญทุกอย่างจนเกลี้ยงเลย แล้วคำอธิฐานของเอลียาห์ในข้อนี้ก็น่าสนใจมาก ตรงไหน..ตรงที่เอลียาห์บอกว่า “.. และข้าพระองค์ได้กระทำบรรดาสิ่งเหล่านี้ตามพระดำรัสของพระองค์..” เอลียาห์ทำสิ่งเหล่านี้ตามพระบัญญัติของพระองค์ หมายความว่า สิ่งที่เอลียาห์ทำทั้งหมดนี้..ที่ไปท้าท้ายเขาแถมมีเยาะเย้ยบ้าง..อะไรบ้างเนี่ย เอลียาห์ทำตามที่พระเจ้าสั่ง ไม่ใช่อยู่ดีๆของขึ้นเลยไปท้าดวลกับพระบาอัล..ไม่ใช่ เพราะฉะนั้น เราเลียนแบบเอลียาห์ได้มะ..เดินๆไปเจอศาลเจ้า แล้วรู้สึกอยากลอง เพราะพระเจ้าบอกพระองค์ทรงสร้างให้เราต่ำกว่าพระองค์หน่อยเดียว นอกนั้นเราใหญ่กว่าเขาทั้งหมด คิดแล้ว แหม..มันอยากออกอาวุธ เลยไปท้าทายเขาบ้าง..ได้มั้ย..ไม่ได้นะคะ เพราะพระเจ้าไม่ได้สั่งให้เราทำเพราะฉะนั้น..ห้ามเลียนแบบ ข้อที่39 บอกว่า เมื่อประชาชนเห็นอย่างงั้นก็ซบหน้าลงยอมรับว่า..”พระเยโฮวาห์พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า" เพราะมันชัดสุดๆแล้ว การพิสูจน์ครั้งนี้จับต้องมองเห็นกันใสๆเลย..ว่าใครแน่กว่าใคร โดยไม่ต้องอาศัยหลักการอะไรที่มันซับซ้อน อิสราเอลเลยพร้อมใจกันยอมรับว่าพระเยโฮวาห์ทรงเป็นพระเจ้าที่ใหญ่ยิ่งสูงสุด ข้อที่40 บอกว่า เอลียาห์ได้สั่งให้จับตัวปุโรหิตพระบาอัลทั้งหมดไปฆ่าทิ้งที่ลำธารคีโชน เพราะความผิดที่พวกเขาทำ..คือ การนำให้คนของพระเจ้าหลงไปไหว้พระอื่น..มันให้อภัยไม่ได้ โทษคือตายสถานเดียว ถึงในยุคพระคุณ..ความผิดในเรื่องนี้ก็ยังเป็นโทษตายเช่นเดียวกัน แต่น่ากลัวกว่า..เพราะเป็นการตายฝ่ายวิญญาณ

1พกษ.18:41-42/43-44 หลังจากที่มีการพิสูจน์กันจนถึงขั้นแตกหักแล้ว พระเจ้าก็บอกกับเอลียาห์ว่าเดี๋ยวพระองค์จะส่งฝนลงมา..ถึงวาระที่คนอิสราเอลจะได้รอดพ้นจากภาวะภัยแล้งแล้ว เอลียาห์เลยทูลอาหับว่า.."ขอเชิญเสด็จขึ้นไปเสวยและดื่มเถิด เพราะมีเสียงฝนกระหึ่มมา" แต่ตอนนั้นไม่มีใครได้ยินนะ เอลียาห์ได้ยินคนเดียวด้วยหูฝ่ายวิญญาณที่เป็นของประทานพิเศษ จากนั้นเอลียาห์ก็อธิฐานต่อพระเจ้า เสร็จแล้วก็สั่งให้คนใช้ออกไปดู..ว่าฝนตั้งเค้ามารึยัง แต่คนใช้ไปดูแล้วก็ยังไม่เห็นวี่แววของฝน แล้วเอลียาห์ก็สั่งให้ไปดูอีก..เป็นครั้งที่2-3-4-5-6 ก็ยังไม่เห็นจะมีอะไร จนครั้งที่7 คนรับใช้ก็ไปดูแล้วกลับมารายงานว่า เออ..เขาเห็นละ แต่เป็นแค่เมฆ..ก้อนเท่าฝ่ามือเท่านั้นเอง เอลียาห์เลยบอกให้อาหับเตรียมราชรถแล้วรีบกลับไปวังที่ยิสเรเอลเพราะเดี๋ยวจะติดฝน หลังจากที่เอลียาห์พูดจบ..ซักพักเดียวฝนก็ตกอย่างหนักเลย เราจำได้มะ..ว่าเอลียาห์เคยบอกอาหับแล้ว..ว่าฝนจะไม่ตกเลยจนกว่าเขาจะพูด เพราะฉะนั้น นี่เป็นฝนครั้งแรกในรอบสามปี ทุกอย่างเป็นไปตามที่เอลียาห์พูดไว้ทั้งหมด เพราะอะไร..ข้อที่46 บอกว่า เพราะ“พระหัตถ์ของพระเยโฮวาห์ทรงสถิตอยู่บนเอลียาห์..” หมายความว่า เอลียาห์พูดและกระทำทุกอย่างตามที่พระเจ้าบอก..เขาไม่ได้ทำอะไรๆตามใจตัวเอง คำพูดของเอลียาห์ถึงได้ศักดิ์สิทธิ์ ท้ายข้อที่46 บอกต่อไปว่า..”และท่านก็คาดเอวของท่านไว้ และวิ่งขึ้นหน้าอาหับไปถึงทางเข้าเมืองยิสเรเอล” กลายเป็นว่าเอลียาห์ไปถึงที่ยิสเรเอลก่อนอาหับ ทั้งๆที่อาหับออกไปก่อนแล้วก็ขี่รถม้าไปด้วย แต่พระเจ้าทรงหนุนกำลังเอลียาห์..ทำให้เขาวิ่งเร็วกว่าม้า แซงหน้าอาหับไปเลย..

มาถึงจุดนี้ เราคิดว่าเอลียาห์รู้สึกยังไง โอโห..สำเร็จแล้ว ในที่สุดพระเจ้าก็ชนะ..สำแดงให้เห็นชัดเจนว่าพระองค์ยิ่งใหญ่จริงๆ จากนี้ไป ทั่วทั้งอิสราเอลจะต้องยอมรับว่าพระเยโฮวาห์ทรงเป็นพระเจ้า..การฟื้นฟูใหญ่จะต้องเกิดขึ้นในอิสราเอลแน่นอน แล้วน้าตุ๊กว่าไม่ใช่เอลียาห์คนเดียวหรอกที่คิด..ว่ามันก็น่าจะเป็นอย่างงั้น..เราเองก็คิด แต่ต้องดูกันต่อไปว่ามันจะเป็นอย่างที่เอลียาห์คิดรึเปล่า

ดู1พกษ.19:1-2 หลังจากที่อาหับเห็นการอัศจรรย์ที่เอลียาห์ทำบนภ.คารเมลแล้ว ในฐานะที่เป็นกษัตริย์..เราคิดว่าอาหับควรทำอะไร ในเมื่อชัดเจนขนาดนั้น..ว่าพระบาอัลไม่ได้มีฤทธิ์เดชอะไรเลย..พระเยโฮวาห์ต่างหากที่ทรงเป็นพระเจ้าผู้เที่ยงแท้ ณ.เวลานั้นอาหับน่าจะคิดได้ แล้วลุกขึ้นมาทำสิ่งที่ถูกต้องซักที ที่สำคัญเขาเป็นถึงกษัตริย์ การฟื้นฟูใหญ่น่าจะเกิดขึ้นในอิสราเอล..เอลียาห์คิดอย่างงั้น (เราก็คิดด้วย) แต่..ข้อนี้ บอกว่า พอมาถึงวัง..แทนที่อาหับจะสั่งการเปลี่ยนแปลงอะไรต่างๆอย่างที่เอลียาห์คิด..เปล่า มาถึงก็กุลีกุจอเอาเรื่องมารายงานให้เมียฟัง แล้วก็จบลงที่ปุโรหิตของพระบาอัลถูกเอลียาห์ฆ่าตายหมดเลย450คน..เกลี้ยง น่าผิดหวังมั๊ย..แทนที่กลับมาแล้วอาหับจะสั่งการอะไรต่างๆอย่างร้อนรน เออ..ต้องล้มล้างพระบาอัลนะ เพราะเขาเห็นมากับตาว่าพระบาอัล..โหลยโท่ยแค่ไหน พระเยโฮวาห์เท่านั้นที่ทำได้ทุกอย่าง แต่อาหับกลับออกอาการทำอะไม่ถูก..ต้องเอาเรื่องมาปรึกษาเยเซเบลก่อน..ทั้งที่ตัวเองเป็นถึงกษัตริย์ ส่วนเยเซเบล..พอได้ยินเรื่องทั้งหมด ปุ๊บ !! ควันออกหูเลย สั่งการทันที..ให้ผู้สื่อสารไปบอกเอลียาห์ว่า.."ถ้าพรุ่งนี้เวลานี้ เรามิได้กระทำชีวิตของเจ้าให้เหมือนอย่างชีวิตของคนเหล่านั้นแล้ว ก็ให้พระทั้งหลายลงโทษเรา และให้หนักยิ่งกว่า" ถ้าพรุ่งนี้ฉันฆ่าแกไม่ได้..ฉันไม่ขออยู่เป็นคน ( แปลว่า..ถ้าฉันอยู่..เอลียาห์ต้องตาย )

เยเซเบลไม่ได้สนใจสิ่งที่อาหับเล่าเลย..ว่า เออ พระเยโฮวาห์ส่งไฟลงมาจากฟ้านะ ส่วนพระบาอัลของyou อ่ะ!ไม่ได้เรื่อง..เยเซเบลไม่สนเลย สนแค่ว่า..นี่ชั้นเสียหน้านะ! แกปล่อยให้เอลียาห์มาฆ่าปุโรหิตของชั้นโดยไม่ทำไรเลย..ได้ไง

ดู1พกษ.19:3-4 ข้อนี้บอกว่า“พอเอลียาห์ถูกขู่ฆ่า..เอาชีวิต เขาก็ลุกขึ้นหนีไปที่เบเออเชบา..” มะวานยังเป็นฮีโร่อยู่เลย มาวันนี้..หนีซะแล้ว แค่ผู้หญิงคนเดียวขู่จะเอาชีวิต เอลียาห์ถึงกับต้องหนีหัวซุกหัวซุน ทำไมเขาถึงถอดใจขนาดนั้น..ความเชื่อหายไปไหน ภาพการอัศจรรย์บนภูเขาคารเมลไม่มีความหมายเลยเหรอ

..ที่เอลียาห์เป็นอย่างงี้ เพราะผิดหวังในตัวอาหับ..อาหับอ่อนแอเหลือเกิน ตัวเองเป็นถึงกษัตริย์..ได้เห็นการอัศจรรย์ชัดเจนแต่ไม่กล้าทำอะไรเลย..ยังปล่อยให้เยเซเบลครอบงำจนเต็มขนาด ที่สำคัญเมื่อเยเซเบลขู่ฆ่าเอลียาห์แล้ว อาหับไม่คิดจะลุกขึ้นปกป้องเอลียาห์ซึ่งเป็นคนของพระเจ้าเลย เอลียาห์ถึงถอดใจ..ผู้รับใช้หลายคนก็ถอดใจ เพราะอะไร เป็นธรรมดาที่มนุษย์มักคาดหวังตามสติปัญญาตัวเอง..แทนที่จะไว้ใจพระเจ้าให้ถึงที่สุด หลายคนรับใช้แทบตายยังถูกด่า..ถูกวิจารย์เสียๆหายๆ เอลียาห์ก็ทุ่มสุดตัวแต่กลับถูกผู้หญิงคนนึงขู่เอาชีวิต..อย่างงี้มันรับไม่ไหว เพราะจริงๆแล้วมันก็ทำใจลำบาก เวลานี้เอลียาห์รู้สึกสิ้นหวังจนถึงกับทูลขอให้ตัวท่านตายเสียที ข้อที่4 เอลียาห์ทูลว่า "พอแล้วพระองค์เจ้าข้า โอ ข้าแต่พระเยโฮวาห์ บัดนี้ขอเอาชีวิตของข้าพระองค์ไปเสีย เพราะข้าพระองค์ก็ไม่ดีไปกว่าบรรพบุรุษของข้าพระองค์" (เอ่อ!ด้วยความเคารพ อันนี้ ไม่ทราบว่าเอลียาห์เคยเผลอคิดว่าตัวเองดีกว่าผู้รับใช้คนอื่นในประวัติศาสตร์พระคำภีร์รึเปล่านะ 555 )

1พกษ.19:5-7 เอลียาห์หนีเยเซเบลจากยิสเรเอลมาจนถึงเบเออเชบาซึ่งอยู่ใต้สุดของอิสราเอล..ไกลมาก ข้อนี้ บอกว่า..”แล้วเอลียาห์ก็ไปหลับอยู่ที่ใต้ต้นซากหรือสนจูนิเปอร์ พระเจ้าก็ให้ทูตสวรรค์มาเลี้ยงเอลียาห์” ก่อนหน้านี้พระองค์ทรงใช้อีกา..ใช้หญิงม่าย..มาครั้งนี้ทรงใช้ทูตสวรรค์ จุดนี้สำแดงให้เราเห็นว่าพระเจ้าสามารถใช้ทุกอย่างให้เป็นเครื่องมือของพระองค์ พระองค์ทรงใช้ทุกอย่างที่จับต้องมองเห็นได้ พระองค์อาจใช้ศัตรู..ใช้ธรรมชาติ..หรือแม้แต่ใช้เทคโนโลยีในการช่วยกู้เราให้พ้นจากสถานการณ์ต่างๆ และในเวลาที่ไม่มีอะไรเลย..พระองค์ก็ทรงช่วยเราอย่างอัศจรรย์..หรือใช้สิ่งที่มนุษย์มองไม่เห็นได้เช่นกัน เหมือนข้อนี้ที่พระองค์ใช้ทูตสวรรค์ให้มาปลุกเอลียาห์ขึ้นมากินขนมปังกับน้ำ..กินเสร็จก็นอน..นอนแล้วก็กิน..กินนอน..กินนอนอยู่อย่างงั้น อ่านแล้วเห็นภาพเลย..อารมณ์มันเหมือนเวลาที่พ่อแม่เห็นลูกเหนื่อยหรือผิดหวัง..หมดกำลังใจ คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็สงสารอยากให้เขาพัก..เห็นเขาหลับก็ไม่อยากปลุก นอกจากจะเรียกให้ลุกขึ้นมากินข้าวกินน้ำ..เสร็จแล้วก็ปล่อยให้นอนต่อ ไม่ต้องอะไรมาก..อย่างน้าตุ๊กก็เป็นแม่ แค่ลูกไปโรงเรียนเหนื่อยกลับมา..แล้วหลับไป เราก็คอยไปเปิดแอร์หรือพัดลมให้โดยไม่คิดจะปลุกลูกเลย..อยากให้เขานอน จนสมควรแก่เวลาก็ไปปลุกให้เขาทานข้าวเพราะกลัวว่าจะหิว เพราะฉะนั้น ตรงนี้ทำให้เรารู้ว่า พระเจ้าห่วงเอลียาห์แค่ไหน พระองค์ไม่ได้โกรธเอลียาห์เลยนะ..ที่เขาหนีมาอย่างงี้ แต่พระเจ้าเข้าใจความเป็นมนุษย์ของเรา พระเจ้ารู้ความจำกัดของมนุษย์ แล้วพระองค์ก็อยู่ข้างเราเสมอเหมือนพ่อแม่..ที่ลูกก็คือลูก จะเก่ง..ไม่เก่ง จะแพ้หรือชนะ เราก็รักของเราอยู่ดี

วันนี้เวลาหมดเร็วหน่อยนะคะ เพราะเป็นวาระที่โบสถ์เราจัดงานวันแม่ เป็นวันที่เด็กๆเอาดอกไม้เข้าไปกราบคุณแม่ ขอพระคุณความรักของพระเจ้าปกอยู่เหนือคุณแม่ทุกคน เพราะพระองค์ทรงสร้างให้แม่มีความรักที่เป็นอัศจรรย์เหนือความรักทั้งปวงในตัวมนุษย์..รองจากรักของพระองค์ ขอพระเกียรติจงมีแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราตลอดไป..อาเมน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น