วันจันทร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2553

หนังสือ 2 ซามูเอล ครั้งที่ 3 อาทิตย์ที่ 3:10:2010

จากคราวที่แล้วที่อับเนอร์เปลี่ยนใจแปรพักตร์ขอไปทำสัญญากับดาวิดพร้อมทั้งยื่นข้อเสนอว่าจะให้ดาวิดได้เป็นกษัตริย์ของอิสราเอล ดาวิดก็ตกลง..ยอมรับข้อเสนอโดยมีเงื่อนไขข้อเดียว คือ ให้ส่งตัว”มีคาล” ภรรยาเก่าคืนมา จากนั้น อับเนอร์ก็เอาเรื่องนี้ไปปรึกษากับผู้ใหญ่ทางฝ่ายอิสราเอล (หรือจะพูดให้ถูกก็คือ..อับเนอร์แค่ประกาศการตัดสินใจของตัวเองให้ทุกคนได้รู้..ก็เท่านั้น ไม่ได้ขอความเห็นใครหรอก แค่พูดให้ฟังเฉยๆ) แล้วอับเนอร์ก็กลับมาหาดาวิดที่เฮโบรนอีกครั้งนึง..
ดู2ซมอ.3:20-21 ข้อนี้บอกว่า..ดาวิดมีการเลี้ยงต้อนรับอับเนอร์กับผู้ติดตามอย่างเป็นทางการ แต่ตอนนั้น..โยอาบขุนพลของดาวิด..ที่เป็นโจทย์ของอับเนอร์..ไม่อยู่ ไปไหนเดี๋ยวข้อต่อไปจะบอกเรา ข้อที่21 อับเนอร์พูดกับดาวิดว่า”จะกลับไปรวบรวมคนอิสราเอลให้มาทำพันธสัญญากับดาวิด..เพื่อที่ดาวิดจะได้เป็นกษัตริย์ปกครองอยู่เหนืออิสราเอลทั้งหมด”( ซะที..) พอคุยกันรู้เรื่องแล้วดาวิดก็ส่งอับเนอร์กลับไป ตอนท้ายสุดของข้อนี้บอกว่า..”และเขาก็ไปโดยสวัสดิภาพ” ประโยคนี้มีความหมายที่สำคัญแฝงอยู่ เพราะอะไร..โยอาบลูกน้องดาวิดยังรบค้างอยู่..กับอับเนอร์ ตอนท้ายของบทที่แล้วอับเนอร์สู้ไม่ได้..ชวนโยอาบให้พักรบ โยอาบก็ตกลงเพราะมันมืดแล้ว..แล้วก็เหนื่อยกันทั้งคู่ แต่โยอาบก็แค่เบรคนะ..ยังไม่ได้เลิกแล้วต่อกัน
ดู2ซมอ.3:22-23 พระคำภีร์ข้อนี้ พยายามจะอธิบายให้เราเห็นภาพ..คล้ายๆกับอับเนอร์จะย่องมาเจรจากับดาวิดตอนที่โยอาบไม่อยู่ เพราะไม่ใช่เรื่องยากที่อับเนอร์จะส่งคนมาสอดแนมก่อน..ว่าโยอาบอยู่หรือไม่อยู่ (ข้อนี้น้าตุ๊กสันนิฐานเอง แต่ค่อนข้างมั่นใจว่ามีความเป็นไปได้สูง) แล้วตอนที่อับเนอร์มาคุยกับดาวิดเนี้ย..โยอาบออกไปทำสงคราม พระคำภีร์ย้ำว่า..กว่าโยอาบจะกลับมาอับเนอร์ก็กลับบ้านไปแล้ว แล้วพระคำภีร์ก็ได้พูดถึงการกลับไปอย่างสวัสดิภาพของอับเนอร์..ถึงสามครั้ง..เพราะอะไร จริงๆแล้วตอนนี้อับเนอร์ไม่มีสวัสดิภาพหรอก..จะไม่มีเงาหัวอยู่แล้ว เพราะไปฆ่าอาสาเฮลน้องของโยอาบกับอาบีชัย แล้วสองคนนี้ก็ฝีมือสุดยอดมาก ดังนั้น การที่อับเนอร์มาหาดาวิดแล้วได้กลับไปอย่างปลอดภัย ก็เลยเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดา
เริ่มเห็นความฉลาดของอับเนอร์รึยัง พอมองออกมั๊ยว่า..ทำไมเขาถึงหงุดหงิดใส่อิชโบเชท แล้วทำไมเขาถึงเปลี่ยนใจมาเข้าข้างดาวิด ก็มันเป็นทางเดียวที่อาจจะรอดจากน้ำมือของโยอาบ .....แล้วการกล่าวย้ำถึงสามครั้งว่า ”อับเนอร์กลับไปโดยสวัสดิภาพ” ก็หมายถึงสงครามระหว่างยูดาห์กับคนอิสราเอลกำลังจะยุติลง แล้วถ้าสงครามยุติแล้ว โอกาสที่โยอาบจะได้ฆ่าล้างแค้นอับเนอร์ในสนามรบอย่างถูกต้องก็กำลังจะหมดไป..
ดู2ซมอ.3:24-25 “ฝ่าพระบาททำอะไรเช่นนี้..” พอโยอาบกลับมาก็มีคนรายงานให้ฟัง..ว่าอับเนอร์มาหาดาวิด แล้วก็กลับไปเรียบร้อยแล้ว..”โดยสวัสดิภาพ” พอรู้แค่นั้น..โยอาบโกรธ เขาถามดาวิดด้วยท่าทีที่คล้ายๆจะต่อว่า “นี่ฝ่าพระบาททำอะไรลงไป ปล่อยมันไปได้ไง ทำไมไม่จับตัวมันไว้ ไม่รู้เหรอว่าไอหมอนี่มันเจ้าเล่ห์ ทำเป็นมาเจรจาขอสงบศึก แต่จริงๆคงมาสอดแนมดูความเคลื่อนไหวของดาวิดมากกว่า”โยอาบคงจะโกรธมากเพราะปกติแล้ว..ไม่น่าจะมีใครกล้าพูดจากับดาวิดอย่างงี้ ลักษณะที่โยอาบพูดในข้อนี้ มันเหมือนคนไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง
ดูต่อ 2ซมอ.3:26-27 หลังจากเข้าเฝ้าดาวิดแล้ว ในที่สุดโยอาบก็ส่งคนไปจับตัวอับเนอร์มาอย่างลับๆ เพราะข้อที่ 26 บอกว่า”ดาวิดหารู้เรื่องนี้ไม่..” แปลว่าโยอาบแอบทำไม่ให้ดาวิดรู้ เมื่อได้ตัวมาแล้วโยอาบก็แทงอับเนอร์ตาย..แก้แค้นให้อาสาเฮลน้องชาย แต่ครั้งนี้ต้องจัดว่าเป็นฆาตกรรม เพราะมันไม่ใช่เหตุสุดวิสัยหรือเป็นการป้องกันตัวในสนามรบ.
ดูต่อ 2ซมอ.3:28-29 พอดาวิดรู้เรื่องที่โยอาบฆาตกรรมอับเนอร์ปุ๊บ..เขาประกาศให้ทุกคนรู้ทันทีว่า..เขาไม่เกี่ยว เขาไม่ปลื้มแล้วก็ไม่เห็นด้วยกับการกระทำครั้งนี้ของโยอาบ จากนั้นดาวิดก็จัดพิธีไว้อาลัยและงานศพให้อับเนอร์อย่างสมเกียรติ..เป็นการแสดงถึงความบริสุทธิ์ใจ ข้อที่32 บอกว่า..ขณะที่เดินตามขบวนศพดาวิดร้องไห้คร่ำครวญเสียงดังให้กับการจากไปของอับเนอร์ด้วย ส่วนประชาชนพอเห็นดาวิดร้องไห้..ก็ร้องตาม หลังจากนั้น พวกเขาก็ทูลชวนให้ดาวิดรับประทานอาหาร แต่ดาวิดไม่ยอมทาน..แถมออกปากสาบานต่อพระเจ้า..”ว่าถ้าเขากินอะไรก่อนอาทิตย์ตก ก็ขอให้พระเจ้าลงโทษเขาเลย” ชาวอิสราเอลถึงได้เข้าใจแล้วก็ยอมรับ...ว่าดาวิดไม่ได้ดีใจแล้วก็ไม่ได้รู้เรื่องด้วยจริงๆกับการตายของอับเนอร์
ดู2ซมอ.3:38-39 ดาวิดพูดกับพวกข้าราชการของพระองค์ว่า”พวกท่านไม่เข้าใจหรือไง..ว่าวันนี้..เราสูญเสียผู้ใหญ่ที่สำคัญคนนึงของอิสราเอลไป ดาวิดชี้ให้ทุกคนเห็นว่า..ถึงเขาจะได้รับการเจิมให้เป็นกษัตริย์..ตั้งนานแล้ว แต่เขาก็อ่อนแอเกินไป..ถึงยังไม่ได้ปกครองอิสราเอลซะที แล้วจริงๆตอนนี้..เขากับอับเนอร์ก็ตกลงกันได้แล้ว ถ้าอับเนอร์ไม่ตาย..สิ่งที่อับเนอร์สัญญาไว้กับดาวิด ดูท่าอับเนอร์จะทำได้จริงๆ แต่ไม่มีโอกาสได้ทำ (พูดถึงตรงนี้ เด็กๆคิดตามนะ..)ไม่มีอะไรที่พระเจ้าไม่ได้ควบคุม ไม่มีอะไรที่ไม่อนุญาตแล้วมันจะเกิดขึ้นได้.เพราะฉะนั้น ต้องเป็นพระประสงค์ของพระเจ้าที่จะยังไม่ให้ดาวิดได้ปกครองอิสราเอลทั้งหมด..น้าตุ๊กกล้าพูด..อันนี้ชัวร์ ข้อที่39 ดาวิดถึงบอกว่า..ชายเหล่านี้ที่เป็นบุตรของนางเศรุยาห์(โยอาบ อาบีชัย และอาสาเฮล)..หนักแก่เราเกินไป แปลว่า..แรงเกินไป ดูคล้ายๆจะเอาไม่อยู่ ดาวิดถึงขอให้พระเจ้าทรงพิพากษาคนที่ทำผิดด้วยพระองค์เอง
ฝ่ายอิชโบเชท..พอรู้ข่าวการตายของอับเนอร์ก็หมดกำลังใจ เพราะขนาดอับเนอร์ที่เป็นคนแข็งแกร่งยังถูกคนของดาวิดฆ่าตาย แล้วคนอ่อนกำลังอย่างเขาจะเหลืออะไร พระคำภีร์บอกว่า..พออิชโบเชทรู้สึกเคว้งคว้างขาดความมั่นใจ..อารมณ์นี้เลยพาให้คนอิสราเอลท้อใจไปด้วย
ดู2ซมอ.4:2-3/5-6 พระคำภีร์มีการพูดถึงชายอิสราเอลสองคนที่อยู่ฝ่ายอิชโบเชท ทั้งคู่เป็นคนเผ่าเบนยามิน มีหน้าที่เป็นผู้คุมกองปล้น ก็คือ หน่วยนึงของกองทัพในสมัยนั้น..สองคนนี้ทำอะไร พวกเขาทำทีว่ามาขนข้าว เสร็จแล้วก็ย่องเข้าไปทำร้ายอิชโบเชทตอนที่กำลังหลับ..สองคนนี้คิดอะไร ทำไมถึงทำอย่างงั้น แรกเลย..ต้องคิดว่าอิชโบเชทอ่อนแอ ถ้าคิดจะฆ่าก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่เขามีเหตุผลมากกว่านั้น..เพราะทุกคนรู้ว่าเมื่ออับเนอร์ตายไป อิสราเอลก็ขาดผู้นำ ถึงอับเนอร์จะอยู่เบื้องหลัง แต่ทุกคนรู้ดี..ว่าเขาเป็นผู้นำทิศทางของอิสราเอลมาตลอด..ไม่ใช่เฉพาะตอนที่อิชโบเชทเป็นกษัตริย์ แต่อับเนอร์มีอิทธิพลต่อประเทศอิสราเอลมาตั้งแต่สมัยซาอูลแล้ว เพราะฉะนั้น ขาดอับเนอร์ไปซักคน..อิชโบเชทจะทำไรได้ ทุกคนรู้แก่ใจว่าดาวิดเข้มแข็งแค่ไหน แล้วที่สำคัญดาวิดคือคนที่พระเจ้าเจิมไว้ให้เป็นกษัตริย์ มาตอนนี้หลายอย่างเริ่มเข้ารูปเข้ารอย ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆว่า”ทุกอย่างกำลังจะเป็นไปตามน้ำพระทัยของพระเจ้า” เพราะฉะนั้น สองคนนี้(ที่ย่องมาฆ่าอิชโบเชทเนี่ย)ก็เลยคิดว่า..เขาควรจะฉวยทำอะไรบางอย่างเพื่อประโยชน์ของตัวเอง
ดูต่อ2ซมอ.4:8 หลังจากที่ลงมือทำร้ายแล้วฆ่าอิชโบเชทแล้ว..ชายเบนยามินสองคนนี้ก็ตัดหัวอิชโบเชทแล้วรีบ..ปร๊าด ไปถวายดาวิดที่เฮโบรน ด้วยความภาคภูมิใจ (ภาพนี้มันคุ้นๆมะ น้าตุ๊กอ่านปุ๊บ..ภาพคนอามาเลขที่วิ่งไปบอกดาวิดว่าเขาเป็นคนฆ่าซาอูล ขึ้นมาทันที) สองคนนี้บอกดาวิดว่า..นี่คือศีรษะของอิชโบเชทลูกซาอูลศัตรูของพระองค์ ซาอูลเคยตามฆ่าพระองค์อย่างหัวหกก้นขวิด มาวันนี้พระเจ้าทรงแก้แค้ให้แล้ว ทั้งซาอูลแล้วก็ลูกชายเค้าตายหมด นี่คือหัวของอิชโบเชท..ลูกคนสุดท้ายของซาอูล เขาสองคนก็จัดการฆ่าให้เรียบร้อยแล้ว (เอารางวัลมาซะดีๆ..อันนี้ น้าตุ๊กคิดเอง) ดาวิดว่าไง..
ดู2ซมอ.4:9-11 ดาวิดบอกเรคาบกับบาอานาห์ว่า..เคยมีคนทำคล้ายๆอย่างงี้ครั้งนึงแล้ว คือวิ่งมาแจ้งข่าวการตายของซาอูล แล้วก็คิดว่าเขาต้องดีใจ..แต่ดาวิดได้ตอบแทนชายคนนั้นด้วยการฆ่าเขาทิ้ง เพราะบังอาจฆ่าผู้ที่พระเจ้าเจิมไว้ เพราะฉะนั้นคนร้ายอย่างคุณ..ยิ่งหนักกว่า เพราะย่องไปฆ่าคนบริสุทธิ์ถึงในบ้าน..แล้วยังจะเอาหัวมาเป็นหลักฐานมัดตัวเองอีก อย่างงี้สมควรจะรับโทษอะไร..ถ้าไม่ใช่โทษตายเหมือนชายอามาเลข จากนั้น ข้อที่12 ดาวิดก็สั่งให้ลูกน้องประหารชายเบนยามินสองคนนี้..ที่ฆ่าอิชโบเชทซะ
กี่ครั้งแล้วที่ดาวิดแสดงให้เห็น..ว่าเขาไม่ใช่คนฉวยโอกาส เพราะกี่ครั้งแล้วที่เขามีโอกาสฆ่าซาอูลแต่เขาไม่ทำ หรือถ้าตอนที่คนอามาเลขวิ่งมาหาเขา แล้วบอกว่าซาอูลตายแล้ว ถามว่า..ถ้าตอนนั้น ดาวิดจะฉวยโอกาสประกาศตัวเป็นใหญ่แล้วขึ้นปกครองอิสราเอลเลย..ทำได้มั๊ย ได้แน่..แต่เขาไม่ทำ แล้วดาวิดก็ไม่เคยคิดจะทำด้วย เพราะการที่ชายสองคนนี้วิ่งเอาหัวของอิชโบเชทมาอวดเขาอีกครั้งเนี่ย..มันพิสูจน์ได้ชัดเจน ว่าดาวิดไม่ใช่คนฉวยโอกาส แต่คนเหล่านี้ไม่เคยรู้เลยว่าดาวิดเป็นคนยังไง พวกเขาไม่เข้าใจว่าดาวิดยอมจำนนกับพระเจ้ามากแค่ไหน ไม่รู้อะไรทั้งนั้น..ถึงได้ทำอะไรที่สิ้นคิดซ้ำซากกันอยู่นั่น ข้อที่12 บอกว่า ดาวิดเลยเอาศพของชายเบนยามินสองคนนี้แขวนไว้ที่ข้างสระน้ำเมืองเฮโบรน เพื่อเตือนใจไม่ให้ใครเอาเป็นเยี่ยงอย่างอีก เพราะกรณีอย่างงี้มันเกิดซ้ำมาสองครั้งแล้ว และดาวิดไม่อยากให้มันเกิดอีก ส่วนหัวของอิชโบเชทดาวิดก็ให้คนจัดการเอาไปฝังไว้ที่เดียวกับอับเนอร์
เราย้อนกลับมาดู2ซมอ.4:4 ข้อนี้บันทึกไว้ให้เรารู้ว่า..โยนาธานมีลูกชายคนนึง ตอนที่พี่เลี่ยงได้ข่าวว่าซาอูลที่เป็นปู่กับโยนาธานที่เป็นพ่อ..ตายแล้ว พี่เลี้ยงก็รีบพาลูกของโยนาธานหนีไป แต่ระหว่างที่อุ้มเด็กรีบหนีอย่างรนรานเนี่ย..เค้าทำเด็กหล่น แล้วเด็กก็เป็นง่อยไปเลย ก็ให้เราจำไว้..ว่ายังมีลูกชายโยนาธานคนนึงชื่อ”เมฟีโบเชท”ที่รอดชีวิตอยู่แต่เป็นง่อย เพราะพระคำภีร์จะมีการกล่าวถึงเมฟีโบเชทอีก
ดาวิดขึ้นเป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอล
ดู2ซมอ.5:1-2 พวกผู้ใหญ่ของอิสราเอลได้มาหาดาวิดที่เฮโบรน แล้วก็ออกปากยอมรับว่า ดาวิดเป็นกษัตริย์ของพระเจ้า พวกเขาใช้คำพูดว่า”พวกเขาเป็นกระดูกและเนื้อของดาวิด” แปลว่า..พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของดาวิด ไม่ใช่ดาวิดเป็นส่วนนึงของพวกเขานะ..ถ้าคิดดูดีๆศักดิ์ศรีมันต่างกัน เหมือนที่เราเป็นส่วนหนึ่งของกายพระตริสต์ ไม่ใช่พระคริสต์เป็นส่วนหนึ่งของเรานะ พระคริสต์เป็นทั้งหมดที่เรามีและเราป็น เพราะฉะนั้น การพูดอย่างงี้ถือเป็นการให้เกียรติแล้วก็ยอมรับ..ว่าพวกเขากับดาวิดมีสายเลือดที่ผูกพันกัน
ดู2ซมอ.5:3-4หลังจากที่พูดอรัมภบทอยู่ซักพักนึง..ทางผู้นำของอิสราเอลก็เจิมตั้งดาวิดให้เป็นกษัตริย์ตามพระสงค์ของพระเจ้า แล้วการสถาปนา ดาวิดในครั้งนี้ก็เป็นไปด้วยความชอบธรรม หมดจด..งดงามทุกอย่าง เพราะดาวิดไม่เคยฉวยโอกาสยกตัวเองขึ้นเป็นกษัตริย์ก่อนเวลาอันควร สิ่งคนอามาเลขกับคนที่ฆ่าอิชโบเชททำ..ดาวิดก็พิพากษาพวกเขาตามความผิดจริง ไม่เคยปิดตา..หรือแกล้งทำเป็นไม่เห็นเวลาที่มีคนทำชั่ว..ถึงแม้จะทำเพื่อปูทางให้เขาได้เป็นกษัตริย์เร็วขึ้นก็ตาม ดาวิดก็ไม่สนใจ..เขาเลือกที่จะหนักแน่นรอคอยเวลาของพระเจ้าด้วยความอดทน อดทนจริงๆเพราะกว่าจะถึงวันนี้ดาวิดรอมา15ปีแล้ว
จริงๆแล้วหลายๆปัญหาของมนุษย์ก็เกิดขึ้นด้วยเหตุผลแค่นี้แหละ..ไม่อยากรอ รอไม่ไหว..มันนานไป อยากใช้ทางลัด ไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัยก็เหมือนกันหมด..ล้มเหลวกับการรอคอยตลอด ไปดูตัวอย่างในอดีตกัน
ดูปฐก.13:14-16/15:2-5 ในข้อนี้คือ พระเจ้าเสด็จมาประทานพระสัญญาให้แก่อับราฮัม(อับราม) สัญญาว่าไง..สัญญาว่าจะยกดินแดนคานาอันทั้งหมดให้ลูกหลานของอับราฮัม และอับราฮัมก็จะมีลูกหลานมากมายเหมือนผงคลีดิน..ในบทที่15:5 พระเจ้าทรงย้ำอีกครั้งว่าพงศ์พันธ์ของอับราฮัมจะมากมายเหมือนดาวในท้องฟ้า หมายความว่า..จะมีเยอะมากจนนับไม่ถ้วน บทที่15:2 อับราฮัมแย้งพระเจ้าว่า..มันจะเป็นไปได้ไง ก็พระเจ้ายังไม่ได้ประทานลูกให้เขาเลย งั้นสงสัยต้องเป็นเชื้อสายของเอลีเยเซอร์เด็กในบ้าน..ที่เขาตั้งใจจะรับเป็นลูกบุญธรรมล่ะมั้ง แต่พระเจ้าบอกว่า..ไม่ใช่ ลูกแท้ๆของเจ้าเองจะเป็นคนรับมรดก พระเจ้ายืนยันว่า..ต้องเป็นลูกของอับราฮัมที่เกิดกับภรรยา(คือ นางซาราย) เท่านั้นที่จะเป็นคนรับมรดก นี่คือ พระสัญญาของพระเจ้าที่ให้ไว้ แล้วอับราฮัมกับซารายก็มีหน้าที่แค่..ต้องรอ รอจนกว่าพระสัญญาจะเป็นจริง แต่พวกเขารอมั๊ย..ดูต่อไป
ปฐก.16:1-4 คนอยากมีลูกอ่ะ..รอไปรอมาก็เริ่มทนไม่ได้ ทั้งที่พระเจ้าก็สัญญาไว้แล้ว และสัญญาของพระองค์ก็ไม่เคยล้มเหลว แต่ซารายทนไม่ไหว..กลัวไม่มีคนสืบเชื้อสายให้อับราฮัม ก็เลยคิดว่า เอาน่า..ลูกของเมียน้อยก็ยังดีกว่าไม่มีลูกเลยหรือไปเอาใครมาเป็นลูกก็ไม่รู้ ข้อนี้บอกว่าซารายเลยยกนางฮาการ์สาวใช้คนนึงให้เป็นภรรยาของอับราฮัม..ซึ่งอับราฮัมก็ตกลง แล้วสุดท้ายฮาการ์ก็ท้อง พอท้องแล้วไง..เหมือนหนังไทยเลย ข้อที่4 บอกว่า..พอฮาการ์รู้ตัวว่าท้องปุ๊บ..ก็เริ่มแสดงท่าทีดูหมิ่นซารายนายผู้หญิง ปัญหาเริ่มเกิดละ..ในที่สุดซารายก็ไม่ทน ยืนยันให้อับราฮัมไล่ฮาการ์กับลูกออกไป นี่ก็ผลของความไม่อดทนรอเวลาของพระเจ้า
มาดูตัวอย่างข้อต่อไป
เปิดไป อพย.32:1-2/3-4 เมื่อประชาชนเห็นโมเสส”ล่าช้า”อยู่ไม่ลงมาจากภูเขาซะที ก็เริ่มกระวนกระวายขึ้นไปตั้งหลายวันแล้ว..ไม่กลับลงมาซะที เลยไปบอกอาโรนว่าสร้างรูปเคารพให้หน่อย..อาโรนก็เลยสร้างวัวทองคำขึ้นมาให้ สร้างเสร็จคนอิสราเอลก็พากันนมัสการรูปวัว ปรากฎว่าพอโมเสสกลับลงมาก็โกรธจัด...เผารูปวัว บดเป็นผง โรยลงในน้ำ แล้วบังคับให้คนอิสราเอลดื่ม หลังจากนั้นก็สั่งให้คนเผ่าเลวีสะพายดาบไปฆ่าพี่น้องอิสราเอลด้วยกัน พระคำภีร์บอกว่าครั้งนั้นก็ตายไปสามพันคน เพราะพวกเขาล้มเหลวที่จะคอย..แต่เลือกที่จะทำตามสติปัญญา(อันโง่เขลาของตัวเอง)
เปิดไปดูที่ใกล้ๆกันอีกซักเรื่อง 1ซมอ13:9-10/13-14 ข้อนี้ซาอูลก็ร้อนใจ เห็นพวกฟิลิสเตียยกทัพมาอย่างน่ากลัว แต่จะรบก็รบไม่ได้เพราะยังไม่ได้ถวายบูชาพระเจ้า ซามูเอลก็ยังมาไม่ถึงซะที ในที่สุดซาอูลก็”รอไม่ไหว”เลยละเมิดกฎของพระเจ้า จัดแจงเผาเครื่องบูชาซะเอง..แล้วพอเผาเสร็จปุ๊บซามูเอลก็มา ไม่ได้ช้าเกินไป..ไม่ได้สายเกินไป แต่ซาอูลเอง..ที่รอไม่ไหว ผลจากการกระทำในวันนั้น..ทำให้เขาถูกปลด อาณาจักรของซาอูลต้องจบลงแค่นั้นเพียงเพราะว่า..ซาอูล”ไม่รู้จักรอ”
นอกจากข้อที่เราพูดถึงแล้ว ก็ยังมีอีกมากมายหลายข้อทีเดียว รวมทั้งในชีวิตประจำวันของเราทุกคนด้วย..ที่บางครั้งต้องเกิดความทุกข์ยากเพราะ..ไม่รู้จักคอย อยากได้รถใหม่..มือถือใหม่..เงินไม่มี ก็ดิ้นรนไปยืมเค้ามา อยากรวยเร็วๆ เลยไปเล่นหวย..เล่นการพนัน สุดท้ายหนี้สินก็พันตัวจนดิ้นไม่หลุด แต่นี่ยังเป็นแค่ปัญหาเล็กๆทางฝ่ายโลก ซึ่งถ้าเราไม่รู้จักรอ..ก็จะแค่เดือดร้อนทางฝ่ายเนื้อหนัง แต่ถ้าเราไม่รู้จักรอในเรื่องของจิตวิญญาณ ไม่รอคอยวันขององค์พระผู้เป็นเจ้าแต่เลือกที่จะไปเชื่อสิ่งอื่น ความพินาศอันเป็นนิรันดร์จะทำให้เราเดือดร้อนไปชั่วกัปชั่วกัลป์ อันนี้คือเรื่องใหญ่กว่าและหนักกว่าอย่างเทียบกันไม่ได้..
เพราะฉะนั้น ให้เราเรียนรู้จากดาวิด “..ว่าการรอคอยเป็นส่วนหนึ่งและเป็นเรื่องปกติของชีวิตคริสเตียน” การรอคอยเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า..ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ..ไม่มีอะไรบังเอิญในชีวิตคนเรา แล้วการรอคอยก็เป็นบททดสอบความเชื่อและความอดทนที่ได้ผลดีที่สุด เพราะหลายคนก็มักจะล้มเหลวระหว่างที่คอย แต่ขอให้เด็กๆเอาก.ดาวิดเป็นตัวอย่าง แล้วอดทนรอ..ไม่ว่าจะรอการเติบโตเป็นผู้ใหญ่..เพื่อที่จะทำอะไรๆได้มากกว่านี้ รอที่จะได้อะไรก็ตามที่เราอยากได้..ให้เป็นไปตามเวลาของพระเจ้า ไม่ใช่เวลาที่เราพอใจ และสำคัญที่สุดของคริสเตียน คือ รอคอยองค์พระผู้เป็นเจ้า อย่าไปฟังเสียงมารที่คอยทำให้เราสงสัย แถมชอบกระตุ้นให้เราอยากทำบางอย่างตามใจตัวเอง แทนที่จะรอเวลาของพระเจ้า
ขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์ทรงเลือกเรา ขอบคุณที่พระองค์ทรงสำแดงพระลักษณะของพระองค์ให้พวกเราได้เห็น ขอบคุณสำหรับทุกวันที่ผ่านมา และน้าตุ๊กของขอบคุณเป็นพิเศษสำหรับวันนี้..ที่รู้สึกดีเป็นพิเศษ ขอบคุณทุกคำอวยพรที่ส่งผ่านมาด้วยความรักในพระคริสต์ของพี่น้องและลูกหลาน ขอบคุณพระเจ้า..ลูกทั้งหลายจะเพียรรอคอยพระองค์ด้วยความหนักแน่นและอดทน พระเยซูเจ้าขอเชิญพระองค์เสด็จมาเถิด..เอเมน
พบกันใหม่สัปดาห์หน้านะคะ ขอพระเจ้าอวยพรค่ะ..

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น