วันอาทิตย์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2553

หนังสือ 2 ซามูเอล ครั้งที่ 2 อาทิตย์ที่ 26:9:2010

บทที่1 จบลงที่ดาวิดก็ได้ไว้อาลัยให้กับซาอูลและโยนาธาน ด้วยคำนิยมที่ไพเราะ สวยงามไม่มีที่ติเป็นที่เรียบร้อย หลังจากนั้น ดาวิดก็หันมาจัดการพิพากษาคนอามาเลขที่ฆ่าซาอูล..ด้วยข้อหาบังอาจฆ่าผู้ที่พระเจ้าทรงเจิม..
ดู2ซมอ.2:1-2 พอเคลียร์เรื่องยุ่งๆเสร็จแล้ว ดาวิดก็ทูลถามพระเจ้าว่า..เขาควรจะเอายังไงต่อไป...เด็กๆจำไว้..ว่าทุกครั้งที่ต้องตัดสินใจเรื่องต่างๆในชีวิต..เราเองก็ควรจะถามพระเจ้าทุกครั้งเหมือนกัน เช่น..พระเจ้าลูกควรทำไงดี..พระองค์คิดว่าลูกควรจะเรียนสายวิทย์มั๊ย หรือมีงานพิเศษอันนี้..จะทำดีหรือ ไม่ดี หรือแม้แต่ คนนี้เค้ามาจีบนานแล้ว..ลูกจะคบดีรึเปล่า..พระองค์เจ้าข้า ขอทรงเมตตาสำแดงแก่ลูก..ว่าพระองค์ทรงเห็นว่าไง (ลูกก็จะกระทำตามอย่างที่พระองค์ทรงเห็นชอบ) เหมือนในข้อนี้..ที่พอพระเจ้าบอกให้ดาวิดไปอยู่ที่เมืองเฮโบรน ในเขตของเผ่ายูดาห์ ดาวิดก็เชื่อฟังพระเจ้า จัดแจงย้ายพรรคพวกกับครอบครัวไปอยู่เฮโบรนตามที่พระเจ้าบอกทันที ข้อที่ 4 บอกว่า..ชาวยูดาห์ก็ยกดาวิดขึ้นเป็นกษัตริย์ของพวกเขา..ตามที่พระเจ้าเจิมไว้ (ยูดาห์เท่านั้น..ไม่ใช่อิสราเอลทั้งประเทศ)
ดู2ซมอ.2:5-6 จำได้มั๊ย..หลังจากที่ซาอูลตาย พวกฟิลิสเตียก็ตัดหัวเขากับโยนาธานแล้วเอาศพไปเหน็บประจานไว้ที่กำแพงเมือง ตอนนั้นเองที่ชาวยาเบชกิเลอาดได้สำแดงความกล้าหาญ ด้วยการบุกไปเอาศพคืน..กลับมาฝังที่อิสราเอล ข้อที่ 5 บอกว่า..พอมีคนมาบอกเรื่องนี้ให้ดาวิดฟัง ดาวิดรีบส่งผู้สื่อสารไปกล่าวชมเชย ยกย่องแล้วก็อวยพรชาวเมืองกิเลอาดเป็นการใหญ่ อารมณ์ประมาณว่า..ขอบคุณนะ..ที่ช่วยดูแลครอบครัวของเขา เพราะดาวิดเห็นซาอูลกับโยนาธานเป็นคนครอบครัวเดียวกับเขาเสมอ แล้วเขาก็ไม่เคยคิดเป็นอื่นกับซาอูลเลย..รักแล้วก็เคารพซาอูลเหมือนพ่อ แล้วโยนาธานก็เหมือนพี่ชายแท้ๆ
ดู2ซมอ.2:8-11 ชาวยูดาห์ได้สถาปนาดาวิดขึ้นเป็นกษัตริย์แล้ว เพราะอิสราเอลทุกคนรู้ดีว่า..พระเจ้าทรงเจิมตั้งดาวิดไว้ นั่นก็หมายถึง พระเจ้าเลือกแล้ว..ให้ดาวิดเป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอล แต่อับเนอร์..ไม่ อับเนอร์กลับทำบางอย่างที่ขัดกับน้ำพระทัยพระเจ้า ซึ่งอาจจะพูดได้ว่าเป็นการกระทำที่ส่งผลร้ายแรง แล้วก็ลากยาวกว่าที่ใครๆจะคาดคิด ข้อที่ 9บอกว่า ”อับเนอร์ได้สถาปนา..อิชโบเชท โอรสของซาอูลขึ้นเป็นกษัตริย์ของอิสราเอล” เด็กๆเริ่มเห็นเค้าโครงของการแบ่งแยกรึยัง ฟังแล้วคิดดีๆ ข้อที่ 4 บอกว่า..”ชาวยูดาห์สถาปนา”ดาวิด”ขึ้นเป็นกษัตริย์ของยูดาห์” พอมาข้อนี้พระคำภีร์บอกว่า..”อับเนอร์ก็เอามั่ง..สถาปนา อิชโบเชท ขึ้นเป็นกษัตริย์ของอิสราเอล” โดยส่วนตัวแล้วน้าตุ๊กคิดว่า..จุดเริ่มต้นของรอยร้าวระหว่างอิสราเอลกับยูดาห์..น่าจะเริ่มตั้งแต่ตอนนี้แหละ (อันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัว ใครไม่เห็นด้วยก็ไม่เป็นไร) อับเนอร์คิดว่าตัวเองเป็นใคร..ถึงได้มีสิทธิ์เที่ยวยกแผ่นดินอิสราเอลให้ใครต่อใครได้ตามใจชอบ ต้องคิดให้ดีๆนะ..จริงๆแล้วอาณาจักรอิสราเอลไม่ได้เป็นของอับเนอร์..เขาไม่มีสิทธิ์ยกให้ใครทั้งนั้น พระเจ้าเท่านั้นที่มีสิทธิ์ แล้วไม่ใช่เขาไม่รู้..ว่าพระเจ้าเลือกดาวิด อับเนอร์รู้..แต่ยังจะทำสิ่งที่ขัดกับน้ำพระทัย..ยกอิชโบเชทขึ้นเป็นกษัตริย์
ดู2ซมอ.2:12-14 ข้อนี้บอกว่า..อับเนอร์กับทหารของอิชโบเชทไปที่เมืองกิเบโอน ส่วนโยอาบกับทหารฝ่ายดาวิดก็ออกไปที่เดียวกัน ซึ่งจริงๆ ก็คงจะนัดกันนั่นแหละ ข้อที่13 บอกว่า..พวกหนึ่งอยู่ที่ขอบสระข้างนี้..อีกพวกหนึ่งอยู่ข้างโน้น” พูดง่ายๆก็เหมือนแก๊งสองแก๊งกำลังนัดจะยกพวกตีกัน พอมาถึงจุดนัดหมายทั้งสองฝ่ายก็นั่งประจัญหน้า แล้วก็เริ่มประกาศศักดาท้าทายกัน โดยอับเนอร์เป็นคนเริ่มก่อน ข้อที่ 14 อับเนอร์พูดกับโยอาบว่า..”ให้คนหนุ่มลุกขึ้นรบเล่นกันให้เราดู” นี่คือสิ่งที่หัวหน้าแก๊งชอบทำ คือเบ่งกล้ามกัน แล้วก็ส่งลูกน้องออกไปตายก่อน อับเนอร์เป็นคนท้า แต่ โยอาบก็ไม่ยอมอยู่แล้ว..เดี๋ยวเสียเหลี่ยม เลยตอบกลับไปประมาณว่า..เอาไงเอากัน
ดู2ซมอ.2:15-17 ในที่สุดทั้งสองฝ่ายก็ตกลงกันว่า..ให้แต่ละฝ่ายเลือกตัวแทนฝ่ายละ12คน พอการประลองเริ่มขึ้น..พระคำภีร์บอกว่า..ทุกคนก็ดึงผมของฝ่ายตรงข้ามไว้ แล้วต่างคนต่างก็แทงคู่ต่อสู้ของตัวเอง สรุปแล้วทั้ง24คน..ตายเกลี้ยง (ได้อะไรเนี่ย..) ข้อที่17 บอกว่า..การสู้กันในวันนั้นบ้าบิ่นสุดๆ แล้วฝ่ายของอับเนอร์..คือ ฝ่ายอิสราเอลส่วนใหญ่ ดูเหมือนจะสู้ฝ่ายยูดาห์ที่นำโดยโยอาบ..ไม่ได้
ถ้าคิดให้ดีจะเห็นว่า..การประลองกำลังครั้งนี้ไม่มีประโยชน์อะไรเลย นอกจากจะทำให้สถานการณ์แย่ลง ที่เคยแตกแยกกันก็ถูกบั่นให้ลึกลงไปอีก เพราะการท้าประลองกันอย่างงี้..พูดตรงๆเหมือนจิ๊กโก๋ยกพวกตีกัน ดวลกันเสร็จ..ฝ่ายที่แพ้จะยอมเลิกมั๊ย..ส่วนใหญ่ไม่เลิกหรอก มีแต่แพ้ชวนตี คือ แพ้แล้วไม่รู้จักแพ้ จะเอาคืนกันไม่มีวันเลิกลา
ดูต่อไป2ซมอ.2:18-21 พอตกเป็นลอง..อับเนอร์กับพวกดูเหมือนจะต้องหนีก่อน..อย่างน้อยก็ชั่วคราว ข้อนี้บอกว่า..สามพี่น้อง คือ โยอาบ อาบีชัย (ที่ย่องไปเอาเหยือกน้ำกับดาวิด แล้วขอดาวิดฆ่าซาอูลอ่ะ..จำได้มะ) แล้วอีกคนคืออาสาเฮล ก็อยู่ในการประลองครั้งนั้นด้วยอย่างพร้อมหน้า แต่..อาสาเฮลน้องสุดท้องเป็นคนไล่ตามอับเนอร์ไป ข้อที่18 บอกว่า..ฝ่ายอาสาเฮลนั้นฝีเท้าเร็วอย่างละมั่ง ก็เลยตามอับเนอร์ไปอย่างกระชั้นชิด..หวังจะเอาชนะอับเนอร์ให้ได้ คือ เขาทำให้เรานึกถึงเด็กหนุ่มไฟแรงที่มีอารมณ์อยากพิสูจน์ตัวเองอ่ะ..เด็กๆนึกออกมะ อาสาเฮลคงเป็นเด็กที่มีความกล้า แล้วอาจจะเห็นว่า..นี่เป็นโอกาสที่จะพิสูจน์ฝีมือหรือความเป็นผู้ใหญ่ของเขา..รึเปล่า ถึงได้ตามอับเนอร์ไปอย่างไม่คิดชีวิต ข้อที่19 บอกว่า ขณะที่ตามอับเนอร์ไป อาสาเฮลไม่เลี้ยวไปทางขวาหรือทางซ้ายเลย หมายความว่า..จดจ่อ แล้วก็มุ่งมั่นมากที่จะฆ่าอับเนอร์ให้ได้ ข้อที่21 อับเนอร์เลยพูดกับอาสาเฮลว่า..จงเลี้ยวไปทางขวาหรือซ้ายก็ได้แล้วเลือกจับเอาคนหนุ่มซักคน..แล้วริบของเขาซะ หมายความว่าไง..อับเนอร์พยายามที่จะบอกอาสาเฮลว่า..กลับไปเหอะ หรือไม่ก็ไปสู้กับคนอื่นแทน เลือกเอาทหารหนุ่มๆซักคนก็ได้แต่อย่ามายุ่งกับเขาเลย แต่อาสาเฮลไม่ฟัง..ยังตามไม่เลิก
ดูต่อ 2ซมอ.2:22-23 พอเห็นอาสาเฮลตามไม่ยอมเลิก อับเนอร์เลยออกปากเตือนอีกครั้งหนึ่งว่าเลิกตามเขาเหอะ..เขาไม่ฆ่าเด็กหนุ่มอย่างอาสาเฮล เพราะเดี๋ยวจะมองหน้าโยอาบไม่ได้ แต่..อาสาเฮลก็ไม่สนใจ..ยังตามอับเนอร์ไปจนถึงตัว
เห็นได้ชัดว่าอับเนอร์ก็ไม่ได้อยากจะฆ่าเด็ก แต่คงหมดความอดทน ข้อที่23 บอกว่า อับเนอร์เลยใช้ ”โคนหอก” แทงจนทะลุไปข้างหลัง อาสาเฮลเลยนอนตายอยู่ตรงนั้น เด็กๆสังเกตดู..พระคำภีร์บอกว่าอับเนอร์ใช้”โคนหอก” ไม่ใช่ปลายแหลมนะ..ที่ใช้แทงอาสาเฮล หมายความว่า..เขาต้องแข็งแรงอย่างมาก เพราะการใช้ของทื่อๆแทงคนอื่นจนทะลุข้างหลัง..ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องใช้กำลังมหาศาล เพราะฉะนั้น การใช้โคนหอก..อาจจะมีนัยน์ที่ทำให้อับเนอร์ดูมีศักดิ์ศรีขึ้นมา..นิดนึง (รึเปล่า..ไม่รู้ อันนี้เป็นข้อสันนิฐาน)
ดู2ซมอ.2:24-26 แน่นอน..โยอาบกับอาบีชัย ไม่มีทางยอมให้น้องตายฟรีอยู่แล้ว ข้อนี้บอกว่า..พวกเขาไล่ตามอับเนอร์ไปจนถึงทางที่จะไปเมืองกิเบโอน ส่วนพวกของอับเนอร์ก็ตั้งท่าอยู่ที่ยอดเขา แล้วอับเนอร์ก็พูดกับโยอาบว่า..”จะให้ดาบกินเรื่อยไปหรือ ท่านไม่ทราบหรือว่าตอนปลายมือก็ขม..” ความหมายก็คือ อับเนอร์ชวนให้พักรบก่อน เขาพูดประมาณว่า..จะให้พี่น้องฆ่ากันเองไปอีกนานแค่ไหน ไม่รู้หรอว่า..สุดท้ายก็มีแต่จะเสียด้วยกันทั้งสองฝ่าย ส่วนโยอาบก็เห็นว่ามืดแล้ว..เลยยอมตกลงให้พักการรบไว้ก่อน เพราะฝืนตามไปก็คงลำบากเหมือนกัน ข้อที่30บอกว่า พอกลับมานับจำนวนพลกันแล้วปรากฎว่า..ฝ่ายทหารของดาวิดคือยูดาห์..ที่นำโดยโยอาบ เสียทหารไป 19 คนถ้ารวมอาสาเฮลด้วยก็เป็น 20คนเท่านั้น แต่ฝ่ายของอับเนอร์ ทหารเก่าของซาอูล..เสียกำลังพลไป 360 คน..คือ ตอนนี้อับเนอร์สู้ไม่ได้เห็นๆ เพราะเสียทหารไปมากกว่าฝ่ายของดาวิดหลายเท่า
ดู2ซมอ.3:1 ข้อนี้บอกว่า..มีการทำสงครามระหว่างพงพันธ์ของซาอูล..ที่นำโดย”อับเนอร์” กับ พงศ์พันธ์ของดาวิด อยู่อีกนาน..เราลองคิดให้ดี..ว่าชนวนของความแตกแยกอันนี้มันเริ่มจากตรงไหน มันเริ่มจากอับเนอร์ใช่มั๊ย..ที่ดึงดันตั้งอิชโบเชทขึ้นมาเป็นกษัตริย์ ทั้งที่รู้อยู่ว่าพระเจ้าทรงเลือกดาวิด แล้วอับเนอร์ก็ไม่ได้ทำเพราะจงรักภักดีกับซาอูลนะ แต่ทำด้วยความมักใหญ่ใฝ่สูงของตัวเอง เพราะเดี๋ยวเราจะได้เห็นกันว่า..จริงๆแล้วอิชโบเชทเป็นแค่หุ่นเชิดของอับเนอร์เท่านั้น ขณะเดียวกัน”โยอาบ”ที่เป็นเหมือนขุนพลของอีกฝ่าย (คือ ดาวิด) ก็แรงพอกัน..ปล่อยให้เรื่องของศักดิ์ศรีเข้ามาครอบงำ แล้วนับวันก็ยิ่งชัดเจนว่าเป็นเรื่องส่วนตัวมากกว่าเรื่องของชาติบ้านเมือง(คุ้นๆมะ) แล้วถ้าสังเกตให้ดี่ช่วงนี้พระคำภีร์ไม่ค่อยกล่าวถึงดาวิด เหมือนเขาหายไปชั่วขณะหนึ่ง เลยไม่แน่ใจว่า..การท้าดวลกันครั้งนี้ดาวิดรู้เห็นด้วยหรือไม่..แต่เหมือนจะ..ไม่ พอสิ้นสุดการประลองที่ริมสระน้ำ..ฝ่ายที่แพ้ก็ใช่ว่าจะยอมแพ้ ที่ชนะก็ไม่ยอมจบ..เพราะอะไร ก็อาสาเฮลน้องเขาถูกอับเนอร์ฆ่าตาย..จะจบง่ายๆได้ไง เขาต้องแก้แค้นอับเนอร์ก่อน..ถึงจะสบายใจ ทำไปทำมามันเกี่ยวกับประเทศชาติตรงไหน นี่มันเรื่องส่วนตัวชัดๆ เพราะตามหลักเกณฑ์แล้วกรณีนี้..อับเนอร์ไม่ผิด เพราะ..
1.อับเนอร์ไม่ได้อยากฆ่าอาสาเฮล พระคำภีร์บอกไว้ อับเนอร์พยายามไล่เขากลับไปถึงสองครั้ง แต่อาสาเฮลไม่ฟัง เพราะฉะนั้นถ้าอับเนอร์ไม่ฆ่าเขา เขาก็ต้องฆ่าอับเนอร์ ที่ไม่อยากรังแกเด็กก็จริงอยู่ แต่จะยืนเฉยๆให้เด็กฆ่าตายก็ใช่ที่
และ2.กรณีที่อับเนอร์ฆ่าอาสาเฮลนี้..ไม่ถือว่าเป็นการฆาตกรรม เพราะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในสนามรบระหว่างสงคราม ทุกคนมีสิทธิ์ป้องกันตัวเต็มที่ แต่โยอาบไม่ยอม..เขาจะเอาคืนให้ได้ แล้วสุดท้ายเราจะได้เห็นว่า..โยอาบก็ฆาตกรรมอับเนอร์จนได้
ดู2ซมอ.3:2-5 ข้อนี้เป็นการบันทึกถึงเชื้อสายของดาวิด เราก็อ่านพอให้รู้ว่า..มีใครบ้าง จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่มีคนนึงที่อยากให้จำไว้ให้ดี เพราะต่อไปจะมีบทบาทที่เข้มข้นมาก ก็คือ “อับซาโลม” ลูกชายของดาวิดที่เกิดจากนาง มาอาคาห์
ดู2ซมอ.3:6-7 คำว่า”อับเนอร์ได้กระทำตัวให้เข้มแข็งยิ่งขึ้นในพงพันศ์ของซาอูล” ถ้าจะพูดให้เข้าใจง่ายก็คือ..อับเนอร์เริ่มกล้าเกินเหตุ..บังอาจไปเอาภรรยาคนนึงของซาอูลมาเป็นภรรยาของตัวเอง การทำอย่างนี้ถือเป็นการประกาศกลายๆว่าเขาจะมาแทนที่ซาอูล..อับเนอร์เริ่มออกลายในที่สุด ข้อที่7 อิชโบเชทถามอับเนอร์ว่า..”เหตุใดท่านถึงเข้าหาสนมของเสด็จพ่อเรา..” อิชโบเชทคงไม่พอใจ จึงรวบรวมความกล้าแล้วถามอับเนอร์ตรงๆ แล้วอับเนอร์ว่าไง..ดูต่อไป
2ซมอ.3:8 อิชโบเชทถามคำเดียว..อับเนอร์สวนกลับมาเป็นชุด “ข้าพระบาทเป็นหัวสุนัขของยูดาห์หรือ..” คำนี้น้าตุ๊กถือว่า กล่าวโทษทีเดียวโดนมากกว่าหนึ่ง เพราะตอนนี้อับเนอร์กำลังต่อว่าอิชโบเชท แต่คำว่า”หัวสุนัข” เนี่ย..เค้าแขวะคนยูดาห์ที่อยู่ฝ่ายดาวิด (แต่โดยส่วนตัวแล้ว น้าตุ๊กคิดว่า..เค้าอาจจะเจาะจงไปที่”โยอาบ”) เป็นหัวหมา..คือ เป็นหัวหอกรับใช้ราชวงศ์ที่ไม่มีศักดิ์ศรี (ไม่มีศักดิ์ศรี ในความคิดของอับเนอร์เท่านั้น) เพราะถ้าให้เกียรติก็น่าจะเทียบกับนกอิทรีย์ เสือ สิงห์ หรือมังกรก็ได้..แล้วแต่ความเชื่อของแต่ละท้องถิ่น แต่ต้องไม่ใช่สุนัข..
ข้อนี้..อับเนอร์กำลังจะบอกอิชโบเชทว่า “เค้าจงรักภักดีกับราชวงศ์ซาอูล..พ่อของคุณมาตลอด ถึงทุกวันนี้ที่คุณได้เป็นกษัตริย์เนี่ย..เพราะใคร แล้วใครที่คอยปกป้องคุณรวมทั้งพ่อของคุณด้วย..ให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของดาวิด (อันนี้ อับเนอร์ก็คิดไปเองอีก..เพราะจริงๆดาวิดไม่เคยคิดทำร้ายซาอูล แต่ถึงตอนที่มีคนจะทำร้ายซาอูลจริงๆ อับเนอร์ก็ไม่ใช่จะคุ้มครองได้ ดู1ซมอ.26:5-10) สรุปก็คืออับเนอร์เริ่มเผยตัวตนให้อิชโบเชทสำนึกว่า..เค้าต่างหากที่กุมบังเหียรทุกอย่างของอิสราเอลไว้ แล้วอิชโบเชทกล้าดียังไงถึงจะมาไตร่สวนเค้าเรื่องนางสนม
ดูต่อ2ซมอ.3:9-11 อาการเนี้ย..ที่เค้าเรียกว่า แพ้ชวนตี หลังจากที่ทั้งขู่..ทั้งว่าอิชโบเชทแล้ว อับเนอร์ก็ถือโอกาสแปรพักตร์ซะเลย เพราะจริงๆสถานการณ์ของตัวเองก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ โยอาบกับอาบีชัยก็จ้องจะเอาคืนเพราะไปฆ่าน้องเค้าตาย อับเนอร์เลยหัวใสเริ่มหาที่คุ้มภัย เพราะฉะนั้น ถึงเวลาแล้วที่ต้องหันหน้าไปพึ่งพาดาวิด ก็เลยใช้โอกาสนี้ บอกอิชโบเชทตรงๆเลย..ว่าเค้าจะไปเข้าข้างดาวิดแล้วนะ(ซะงั้น) เพราะข้อที่9 อับเนอร์พูดว่า..”ถ้าเขาไม่สนับสนุนให้ดาวิดเป็นกษัตริย์ตามที่พระเจ้าเจิมไว้นะ ขอให้พระเจ้าลงโทษ”(หน้าตาเฉยเลย.. ) แล้วอับเนอร์ยังพูดต่อไปอีกว่า..คอยดูนะ เค้าจะย้ายอาณาจักรจากพงพันศ์ซาอูล พูดง่ายๆจะปลดราชวงศ์ของซาอูล แล้วไปสถาปนาราชวงศ์ดาวิดแทน มีสิทธิ์อะไรเนี่ย..ทำยังกะตัวเองยิ่งใหญ่ซะเต็มประดา..จะตั้งใครก็ตั้ง จะปลดใครก็ปลดได้..ตามอำเภอใจ อับเนอร์คิดว่าตัวเองเป็นใคร..ไม่เข้าใจจริงๆ แล้วอิชโบเชทว่าไง..ข้อที่11 บอกว่า..อิชโบเชทเงียบกริบ..เถียงไม่ออกซักคำ เพราะเค้าก็กลัวอับเนอร์จริงอย่างว่า..
ดู2ซมอ.3:12-13 ไม่ใช่แค่ขู่..อับเนอร์ทำอย่างที่พูดไว้ทันที ข้อนี้บอกว่า..เขาส่งผู้สื่อสารไปหาดาวิด..ขอทำพันธสัญญาโดยยื่นข้อเสนอว่าจะให้ดาวิดเป็นกษัตริย์ของอิสราเอล ข้อที่12 อับเนอร์บอกว่า..”มือของข้าพระบาทจะอยู่ฝ่ายพระองค์ แล้วจะนำอิสราเอลทั้งสิ้นมามอบให้” หมายความว่า ถ้าแค่ดาวิดยอมทำสัญญากับเขา เขาจะจัดการที่เหลือให้..ที่เหลือคืออะไร คำว่าที่เหลือของอับเนอร์..ก็ต้องหมายถึงอิชโบเชทด้วย เพราะตอนนี้อิชโบเชทยังค้างอยู่บนบัลลังก์ของอิสราเอล ถ้าจะให้คนใหม่ขึ้น..ก็ต้องเอาคนเก่าลงซะก่อน เราไม่รู้หรอกว่าอับเนอร์จะทำยังไงกับอิชโบเชท แล้วจะไม่มีโอกาสได้รู้ด้วย..เพราะเดี๋ยวเค้าจะตายก่อนที่จะได้ทำอะไรๆตามที่พูดๆไว้
ข้อที่13 บอกว่า..ดาวิดตอบตกลงทันที โดยมีเงื่อนไขข้อเดียวคือ..ต้องส่งตัว”มีคาล”ภรรยาเก่าของเขาคืนมาก่อน..ไม่งั้น ไม่ตกลง (มีคาล คือ ลูกสาวที่ซาอูลยกให้ดาวิด แล้วพอดาวิดต้องหนี ซาอูลก็ยกมีคาลให้คนอื่น) ทำไมดาวิดยังอยากได้ภรรยาเก่าคืน..เพราะดาวิดเชื่อในความมั่นคงของการแต่งงาน เพราะถึงยังไงมีคาลก็คือภรรยาของเขา เหตุผลอีกข้อนึงก็น่าจะเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีความเป็นกษัตริย์ เพราะตอนนี้ดาวิดก็เป็นกษัตริย์แล้ว ถ้าจะปล่อยให้เมียตัวเองไปเป็นเมียของคนอื่น..มันก็คงจะดูไม่ค่อยสมาร์ทเท่าไหร่ สุดท้ายดาวิดก็เลยได้มีคาลคืนมา
ดู2ซมอ.3:17-18 ข้อนี้บอกว่า..อับเนอร์ได้เอาเรื่องที่ตัวเองตัดสินใจจะทำสัญญากับดาวิดไปปรึกษาพวกผู้ใหญ่ก็คือ บรรดาผู้นำของอิสราเอล ซึ่งแน่นอน ทุกคนต้องเห็นด้วย แต่จากข้อนี้ทำให้เรารู้อีกเรื่องนึง ก็คือ การแต่งตั้งอิชโบเชทเป็นกษัตริย์ของอิสราเอล..น่าจะเป็นการตัดสินใจหรือเป็นความเห็นชอบของอับเนอร์คนเดียว เพราะข้อที่17 อับเนอร์พูดว่า..”เมื่อก่อนนี้ท่านทั้งหลายใคร่ให้ดาวิดเป็นกษัตริย์เหนือท่าน..” แปลว่า ผู้นำคนอื่นๆเค้าอยากให้ดาวิดเป็นกษัตริย์ตั้งนานแล้ว พวกเขารู้กันทุกคนว่าพระเจ้าเลือกดาวิดแล้วก็อยากที่จะให้เป็นไปตามนั้น แต่คงจะขัดอับเนอร์ไม่ได้..เลยต้องยอมให้อิชโบเชทเป็นกษัตริย์ (ไปก่อนชั่วคราว) มาถึงตอนนี้อับเนอร์ก็คงแค่รายงานให้ฟังเป็นพิธี..ประมาณว่า เอาล่ะ..พวกท่านจะได้สมใจละเพราะตอนนี้เค้าตกลงจะยอมให้ดาวิดเป็นกษัตริย์ของอิสราเอลแล้ว
วันนี้เอาไว้แค่นี้ก่อนนะคะ..น้าตุ๊กขอหนุนใจเด็กๆทุกคนโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่กำลังสอบหรือเหน็ดเหนื่อยกับการทำวิทยานิพนธ์ต่างๆ หรือที่กำลังฝึกงาน ขอให้เพียรอธิฐานนะคะ อย่าหยุดแสวงหาพระเจ้า..อย่าให้เวลาอย่างอื่นที่เป็นฝ่ายโลกเข้ามาเบียดเวลาที่เราจะเฝ้าสนิทกับพระเจ้า พระคุณของพระเจ้าที่ประทานให้เราในวันนี้..สำเร็จรูปแบบสุดๆแล้วค่ะ เพราะถึงบางอาทิตย์เราจะไม่ได้มาโบสถ์ แต่พระวิญญาณบริสุทธิ์ที่สถิตในใจเรา ไม่มีสิ่งใดมากั้นขวางได้ แค่ก้มศีรษะลงและอธิฐานเราก็ได้เข้าเฝ้าพระเจ้าทันที
พบกันใหม่สัปดาห์หน้า ขอพระเจ้าอวยพรค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น