วันจันทร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เฉลยบททดสอบ 1ซามูเอล ชุดที่ 2 (ข้อที่ 1-10)

1.ตอบ ค.โยนาธานยอมรับว่าดาวิดเป็นกษัตริย์ที่พระเจ้าเลือก เพราะเสื้อคลุมก็เป็นสัญญลักษณ์ของสิทธิอำนาจ ดังนั้นการมอบเสื้อคลุมให้จึงหมายถึงการส่งต่อสิทธิอำนาจตามหน้าที่ของคนๆนั้น อย่างเสื้อคลุมของอาโรนที่ส่งต่อให้เอเลอาซาร์ เสื้อคลุมของเอลียาห์ที่ทิ้งลงบนตัวของเอลีชา ในที่นี้โยนาธานเป็นลูกกษัตริย์ซึ่งเป็นหนึ่งในรัชทายาทที่อาจจะได้สืบต่อราชบัลลังก์ ดังนั้น สิ่งที่โยนาธานทำในข้อนี้จึงเป็นการสำแดงชัดเจนว่า..โยนาธานยอมรับว่าดาวิดคือผู้ที่พระเจ้าเลือกให้เป็นกษัคริย์องค์ต่อไปและเขาก็เต็มใจที่จะหลีกทางให้ด้วยความเต็มใจ
2.ตอบ ข.เชื้อบาปที่อยู่ในเนื้อหนังของมนุษย์ ดูโรม 7:13-24
“เรารู้ว่าธรรมบัญญัตินั้นเป็นมาโดยฝ่ายพระวิญญาณ แต่ว่าข้าพเจ้าเป็นมนุษย์ถูกขายไว้ให้อยู่ใต้บาป” “ฉะนั้นข้าพเจ้าจึงมิใช่ผู้กระทำ แต่ว่าบาปซึ่งอยู่ในตัวข้าพเจ้านั่นเองเป็นผู้กระทำ..” “..ข้าพเจ้าเห็นมีกฎอีกอย่างหนึ่งอยู่ในกายของข้าพเจ้า ซึ่งต่อสู้กับกฎแห่งจิตใจของข้าพเจ้า และชักนำให้ข้าพเจ้าอยู่ใต้บังคับกฎแห่งบาป ซึ่งอยู่ในกายของข้าพเจ้า “
.....มีตรงไหนที่บอกว่าความบาปมาจากมารหรือสิ่งรอบตัวเราบ้างมั๊ย..ไม่มี พระคำภีร์บันทึกไว้ชัดเจนว่าความคิดชั่ว กิเลส ตัณหา สารพัดนิสัยที่ไม่ดีของมนุษย์นั้นล้วนอยู่ในตัวหรืออยู่ในเนื้อหนังของมนุษย์ทั้งสิ้น เพราะฉะนั้น ถ้าตัวเองนิสัยไม่ดี อย่าไปโทษมาร..มารมันทำได้แค่กระตุ้นเร้า เป่าหู ให้เชื้อบาปในตัวเรารุนแรงมากขึ้นเท่านั้น เหมือนในตัวเรานั้นมีไฟอยู่แล้ว ส่วนมารก็ทำได้แค่สาดน้ำมันเข้ากองไฟ เติมเชื้อให้การเผาผลาญนั้นเข้มข้น..รุนแรงยิ่งขึ้น แต่ถ้าเราติดสนิทกับพระเจ้า ดำเนินกับพระองค์ทุกวันทุกเวลา จิตวิญญาณของเราก็จะเติบโตและแข็งแรงพอที่จะต่อสู้กับเชื้อบาปที่อยู่ในตัว
3.ตอบ ค.ทั้งปลุกเร้าให้เราทำบาปและสั่นคลอนความเชื่อในทางพระเจ้า สารพัดการร้ายเป็นงานของมารทั้งสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การล่อลวงให้มนุษย์หลงไปจากทางของพระเจ้า..เหมือนจะเป็นภาระกิจอันยิ่งใหญ่ของมารเลยทีเดียว เพราะเท่าที่น้าตุ๊กสังเกตดู..ใครก็ตามที่เพิ่งมาเชื่อพระเจ้า..จะต้องมีอุปสรรคในการที่จะมาโบสถ์..เข้าใกล้หรือดำเนินกับพระเจ้าในสารพัดรูปแบบ..แล้วแต่มารว่าจะเลือกใช้ใครหรืออะไรเป็นเครื่องมือ ในการสกัดกั้นคนๆนั้นให้หลุดจากทางของพระเจ้า แต่ส่วนใหญ่จะเป็นคนใกล้ชิดหรือคนที่มีอิทธิพลกับเรา เช่น พ่อแม่ สามีหรือภรรยา เจ้านายหรือคนรอบข้างที่อยู่ในวงจรชีวิตของเรา นอกจากนี้ มารยังใช้สถานการณ์ต่างๆสกัดกั้น..ให้เราต้องห่างจากพระเจ้าอีกด้วย เช่น รถเสียตอนจะมาโบสถ์ ไม่มีเงินค่ารถ ทะเลาะกับแฟนตอนเช้าวันอาทิตย์ สะดุดกับนิสัยบางอย่างของคนในคริสตจักร ฯลฯ ....จนเป็นเหตุให้เราไม่สามารถหรือไม่อยากมาโบสถ์ ดังนั้น มันสำคัญอย่างยิ่งที่เราต้องรู้ให้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมและการงานของมาร เราจะได้เพียรอธิฐาน..เพื่อที่จะสามารถยืนหยัดเลือกทำสิ่งที่ถูกต้องได้..ในทุกสถานการณ์ โดยไม่เผลอไปติดกับของมาร...แต่เลือกเดินทางอันเป็นที่ชอบพระทัยและเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า
4. ตอบ ข.เพราะมนุษย์มักละเมิดและล้มเหลวในการรักษาสัญญาอยู่เสมอ ตลอดประวัติศาสตร์ในพระคำภีร์ได้พิสูจน์ให้เราเห็นแล้ว..ว่ามนุษย์ไม่สามารถรักษาสัญญาหรือทำตามกฎได้อย่างตลอดลอดฝั่ง เริ่มตั้งแต่ครั้งอาดามกับเอวา มาจนถึงอพย..ในถิ่นทุรกันดาร กระทั่งได้เข้าสู่คานาอัน ไม่มีซักครั้งที่ระบุว่า..มนุษย์สามารถรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับพระเจ้าได้ตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสมัยของผู้วินิจฉัยนั้น เป็นภาพชัดเจนที่สุด..ในความไม่เสถียรของมนุษย์ เพราะไม่เคยดีได้อย่างคงเส้นคงวา และเรื่อยมาจนถึงปัจจุบันด้วย เพราะฉะนั้น ถ้าปราศจากพระคุณของพระเยซูคริสต์แล้ว..มนุษย์จะต้องตายสถานเดียว
5.ตอบ ก.ต้องเป็นทางรอดที่ไม่ขึ้นอยู่กับความดีของมนุษย์ เพราะถ้าขืนต้องพึ่งความดีของตัวเองก็คงไม่มีทางรอด ถ้าเด็กๆจะเคยสังเกตความกบฎของเนื้อหนังของตัวเอง..เราจะพบว่า..”..คือในตัวของข้าพเจ้าไม่มีความดีประการใดอยู่เลย เพราะว่าเจตนาดีข้าพเจ้าก็มีอยู่ แต่ซึ่งจะกระทำความดีนั้นข้าพเจ้าหากระทำไม่ ด้วยว่าการดีนั้นซึ่งข้าพเจ้าปารถนาทำ ข้าพเจ้าไม่ได้กระทำ แต่การชั่วซึ่งข้าพเจ้ามิได้ปรารถนาทำ ข้าพเจ้ายังทำอยู่” โรม 7:18-19
ดังนั้น ด้วยความรักและพระกรุณาอันหาที่สุดมิได้ของพระเจ้า พระองค์จึงทรงเตรียมทางใหม่ที่เหนือชั้นกว่าเก่าไว้ให้เรา..เป็นทางรอดที่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความดีของมนุษย์ เป็นทางที่มนุษย์ผู้อ่อนแอและมักล้มเหลวในการทำดีจะสามารถเข้าไปลี้ภัยและพึ่งอาศัยในพระคุณเพียงอย่างเดียว โดยผ่านทางพระเยซูคริสต์..ผู้ซึ่งรับเอาความผิดบาปของเราไว้ในพระองค์
6.ตอบ ก.พระธรรมที่อยู่บนแผ่นหิน ใบลาน หรือวัตถุอื่นใด..ไม่สามารถชำระให้มนุษย์บริสุทธิ์ได้ ข้อ 4-5 และ 6 พูดเรื่องเดียวกัน เป็นเหตุเป็นผล และเป็นบทสรุปที่มาจากรากเดียวกัน เรื่องเดียวกัน.. อย่างข้อนี้ก็ยังเป็นสาเหตุหนึ่งที่พระเจ้าต้องประทานพระคุณให้แก่มนุษย์ เพราะธรรมหรือกฎบัญญัติสารพัดมีไว้ก็เพื่อแค่ให้รู้..ว่าตอนนี้คุณนอกกรอบแล้วรึยัง เหมือนกระจกเงาที่สะท้อนให้เราเห็นตัวเองทุกครั้งที่มองดู ถ้าไม่มีกระจกเราก็ไม่สามารถเห็นตัวเองชัดเจน อาจจะเห็นบ้างแต่ไม่ชัด ต่อเมื่อมีธรรมหรือกฎกติกาที่เป็นเหมือนกระจก เราจึงเห็นชัดเจนว่า..อันไหนถูก อันไหนผิด แล้วเราผิดตรงไหน ละเมิดอะไรไปบ้าง แต่ตราบใดที่กระจกไม่สามารถแก้ไขให้เราสวยขึ้น ผอมลง หรือดูดีไปกว่าเดิมได้ ตราบนั้นพระธรรมหรือกฎบัญญัติก็ไม่สามารถทำให้มนุษย์ชอบธรรมได้เช่นกัน
7.ตอบ ข.เมื่อเราเชื่อในสิ่งที่พระเยซูทำเพื่อเรา การได้เข้าอาศัยในคานาอันไม่ใช่คำตอบเพราะเป็นแค่ภาพจำลองของอาณาจักรสวรรค์ที่พระเจ้าทรงบอกไว้เป็นหมายสำคัญถึงพระเยซูคริสต์..พระผู้ช่วยให้รอดที่จะทรงมาบังเกิดในแผ่นดินยูดาห์ แล้วถ้าแค่รู้จักพระเยซูหรือรู้เรื่องราวของพระองค์ก็ไม่ได้แปลว่า คนที่รู้นั้นจะได้รับความรอด เพราะหลายคนรู้ก็จริงแต่ไม่เชื่อ..ก็ไม่ได้รับความรอด เพราะฉะนั้น ต้องเชื่อในสิ่งที่พระองค์กระทำ คือ เชื่อว่าพระเยซูคริสต์เป็นพระบุตรของพระเจ้า ทรงมาเกิดเป็นมนุษย์ ยอมตายที่ไม้กางเขนเพื่อแบกรับความผิดบาป รับโทษแทนเรา และทรงเป็นขึ้นมาใหม่ในวันที่สาม อันสำแดงถึงชัยชนะเหนือความตายของพระองค์ เราทั้งหลายที่เชื่อในพระองค์ก็จะได้รับชัยชนะไปกับพระองค์ด้วย นี่คือหัวใจสำคัญของความรอด ต่อให้เราไม่รู้เรื่องราวทั้งหมดของพระองค์หรือไม่รู้จักพระองค์ดีพอ แต่ถ้าเราเชื่อในการกระทำนี้ของพระเยซูเราก็ได้รับความรอดเช่นกัน
8.ตอบ ก.ต้องรับเชื่อใหม่ทุกปี อันนี้ไม่ใช่กฎของพระสัญญาอันใหม่ของพระเจ้า เพราะพันธสัญญาใหม่นี้จะถือหลักตามแนวทางของพระเยซูคริสต์ และสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำบนไม้กางเขน ดูฮีบรู 9:11-14
“พระองค์เสด็จเข้าไปในวิสุทธิสถานเพียงครั้งเดียวเท่านั้น และพระองค์ไม่ได้นำเลือดแพะและเลือดลูกวัวเข้าไป แต่ทรงนำพระโลหิตของพระองค์เองเข้าไป และทรงสำเร็จการไถ่บาปชั่วนิรันดร์ “ ดังนั้น เราทั้งหลายที่เชื่อในสิ่งที่พระเยซูทรงทำ ก็จะพึ่งในกฎเดียวกันของพระคุณแห่งพันธสัญญาใหม่ การรับเชื่อในพระเยซูคริสต์เพียงครั้งเดียวจึงเพียงพอ ที่จะสามารถไถ่ถอนเราจากความบาปและความตาย ไม่ต้องทำซ้ำเหมือนปุโรหิตในสมัยพันธสัญญาเดิม..ที่ต้องเอาเลือดแพะ เลือดวัวเข้าไปในห้องอภิสุทธิสถานทุกปี “..เพราะว่าเลือดแพะและเลือดวัวตัวผู้ และเถ้าของลูกโคตัวเมีย ที่ประพรมลงบนคนบาปสามารถชำระให้มนุษย์บริสุทธิ์ได้ พระโลหิตของพระเยซูคริสต์ ผู้ได้ทรงถวายพระองค์เองแด่พระเจ้าโดยพระวิญญาณนิรันดร์ ให้เป็นเครื่องบูชาอันปราศจากตำหนิ ก็จะทรงชำระได้มากยิ่งกว่านั้นสักเพียงใด”
9.ตอบ ค.พระเจ้า นี่คือความจริงทางฝ่ายวิญญาณ และต่อไปเราก็จะเรียนรู้และมองเรื่องราวต่างๆในแง่ของจิตวิญญาณกันให้มากขึ้น เพื่อที่เด็กๆจะสามารถมองผ่าน..และเข้มแข็งกับปัญหาต่างๆได้มากขึ้น เพราะแท้จริงแล้ว ทุกรูปแบบของชีวิต ทุกเหตุการณ์ และทุกสภาวะในวงจรชีวิตของเรา ล้วนอยู่ใต้การควบคุมของพระเจ้าทั้งสิ้น และแน่นอนมีพระประสงค์ของพระองค์แฝงอยู่ในทุกเรื่องราวชีวิตของเราเสมอ ดังนั้น ถ้าเราสามารถโฟกัสที่พระเจ้าได้ ความเข้าใจในสิ่งต่างๆก็จะชัดเจนขึ้น ความสงสัยและความไม่พอใจหรือไม่รู้จักพอก็จะลดน้อยลง
10.ตอบ ข.พระเจ้าประสงค์ให้ดาวิดเลือกทำในสิ่งที่ถูกต้องด้วยตัวเอง.. เพราะจะมีประโยชน์อะไร ถ้าพ่อแม่พร่ำสอน..เลี้ยงลูกจนโตแล้วก็เลือกทางที่ถูก..ชี้สิ่งที่ดีให้ตลอดเวลา..ไม่ว่าลูกจะโตซักแค่ไหน ลูกก็ไม่เคยมีโอกาสได้คิดเองแม้แต่เรื่องเดียว ไม่เคยเลือกคบเพื่อนเอง ไม่เคยเลือกกินอาหารที่เป็นประโยชน์เอง ไม่เคยตอบโจทย์ของแต่ละปัญหาด้วยตัวเอง แล้วบทพิสูจน์ความเติบโตและวิจารณญาณของลูกจะอยู่ตรงไหน ในทางพระเจ้าก็เหมือนกัน..แท้จริงแล้วคริสเตียน คือ ผู้ที่รอด เรื่องราวของคริสเตียน ก็คือเรื่องราวของผู้ที่ได้รับความรอด..ว่าด้วยเรื่องการเปลี่ยนแปลงตัวเอง ไม่ใช่เปลี่ยนโลก เปลี่ยนปัญหา หรือเปลี่ยนคนอื่น ดังนั้น ตลอดชีวิตของเราจะวนเวียนอยู่ประมาณนี้..คือ เติมส่วนที่ขาดและตัดส่วนที่เกิน ตามน้ำพระทัยอันครบถ้วนบริบูรณ์ของพระเจ้า ไม่ใช่ครบถ้วนในมุมมองของเรา เพื่ออะไร..ไปที่ไหนจะได้ฉายแสงที่นั่น พระเจ้าต้องได้รับเกียรติเวลาที่เราเล่าเรื่องราวข่าวประเสริฐของพระองค์ และทุกคนจะต้องสรรเสริญพระเจ้าเมื่อเห็นการดำเนินชีวิตของเรา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น