วันพุธที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2554

บททดสอบ หนังสือ 2 ซามูเอล

1.ใครคือผู้ที่พระเจ้าทรงเจิมไว้

ก.ซาอูล ข.ดาวิด ค.ทั้งซาอูล และดาวิด

2.เราได้ข้อคิดอะไรจาก “คำคร่ำครวญของดาวิดเพื่อซาอูลและโยนาธาน” (2ซมอ.1:17-27) โดยเชื่อมโยงกับหนังสือสุภาษิต10:8-11 / 13:3 / 15:2 /18:6-7

ก.ผู้มีสติปัญญาในทางพระเจ้าต้องพูดทุกเรื่องที่รู้

ข.ผู้มีสติปัญญาในทางพระเจ้าต้องเป็นคนที่พูดตรงไปตรงมา”ตลอดเวลา”

ค.ผู้มีสติปัญญาในทางพระเจ้าต้องเลือกพูดแต่สิ่งที่ควรพูด และ พูดในเวลาที่ถูกที่ควร

3.ดาวิดเป็นตัวอย่างที่ดีในการตักเตือนผู้กระทำผิด โดยสัมพันธ์กับ หนังสือกาลาเทีย6:1-2 ข้อใดกล่าวถูกต้อง

ก.อธิฐาน..แล้วเตือนด้วยความรักและถ่อมสุภาพ

ข.อธิฐาน..แล้วเตือนด้วยการประจานและชี้ความผิดอย่างตรงไปตรงมา

ค.อธิฐาน..แล้วเตือนด้วยความรักและท่าทีที่แข็งกร้าวเพื่อให้เขาสำนึก

4.การกระทำในข้อไหน สำแดงให้เห็นถึงความ”ไม่เชื่อฟังในพระเจ้า”

ก.ชาวยาเบชกิเลอาดไปเอาศพซาอูลกับโยนาธานกลับมาฝังที่กิเลอาด

ข.อับเนอร์สถาปนาอิชโบเชทขึ้นเป็นกษัตริย์ ค.ชาวยูดาห์สถาปนาดาวิดขึ้นเป็นกษัตริย์

5.จาก2ซมอ.1:11-16 และ 2ซมอ.4:10-12 สำแดงให้เห็นอุปนิสัยด้านใดของดาวิด

ก.ดาวิดไม่ใช่คนฉวยโอกาสและเขารักซาอูลอย่างจริงใจ

ข.ดาวิดเป็นคนฉวยโอกาสแต่เขารักซาอูลอย่างจริงใจ

ค.ดาวิดเป็นคนฉวยโอกาสและไม่จริงเคยใจกับซาอูล

6.การที่ดาวิดต้องอดทนและรอคอยอย่างยาวนาน..ในการที่จะได้เป็นกษัตริย์ของอิสราเอล ให้ข้อคิดอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อชีวิตคริสเตียน

ก.การเป็นคนที่ไม่ฉวยโอกาส ทำให้เราต้องรอบางอย่างนานเกินไป

ข.การรอคอยเป็นเรื่องบังเอิญ และไม่ใช่น้ำพระทัยพระเจ้า

ค.การรอคอยไม่ใช่เรื่อบังเอิญ แต่เป็นน้ำพระทัยพระเจ้า และเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคริสเตียน

7.จาก 2ซมอ.5:9 “เมืองของดาวิด” หมายถึงเมืองใด

ก.เยรูซาเล็ม ข.เฮโบรน ค.กิลกาล

8.จาก2ซมอ.5:17-25 เด็กๆคิดว่าดาวิดสามารถชนะฟิลิสเตียได้ถึงสองครั้งเพราะอะไร

ก.ดาวิดเริ่มชำนาญในการรบ ข.ดาวิดขอการทรงนำจากพระเจ้า ค.ฟิลิสเตียเริ่มอ่อนกำลัง

9. “..เราไม่เคยอยู่ในนิเวศ นับแต่วันที่เราพาคนอิสราเอลออกจากอียิปต์จนกระทั่งวันนี้ แต่เราก็ไปมากับเต็นท์และพลับพลา เราได้เคยพูดสักคำกับผู้วินิจฉัยของอิสราเอลคนใด ผู้ที่เราบัญชาให้เขาเลี้ยงดูอิสราเอลประชากรของเราหรือว่า “ทำไมเจ้ามิได้สร้างนิเวศด้วยไม้สนสีดาร์ให้แก่เรา” จาก2ซมอ.7:5-7 ข้อใดคือความหมายที่พระเจ้าทรงสำแดงแก่เรา

ก.พระองค์ทรงบอกผู้วินิจฉัยของอิสราเอลหลายคนให้สร้างนิเวศเพื่อพระองค์..แต่ไม่มีใครทำ

ข.มีบางคนได้สร้างนิเวศถวายพระเจ้าแต่ไม่เป็นที่โปรดปราน เพราะไม่ได้สร้างด้วยไม้สนสีดาร์

ค.พระเจ้าค์ไม่ทรงประสงค์พระนิเวศ พระองค์ไม่เคยให้ความสำคัญกับอาคารสถานที่หรือสิ่งที่ดูดีแต่เพียงภายนอก

10.จาก 2ซมอ.7:8-11 พระเจ้าทรงชี้ให้เห็นความจริงในข้อใด เมื่อดาวิดจะสร้างพระนิเวศถวายพระองค์

ก.ดาวิดไม่มีความสามารถพอที่จะสร้างนิเวศเพื่อพระองค์ ข.พระเจ้าทรงตำหนิว่าดาวิดคิดเรื่องนี้ช้าเกินไป ค.พระเจ้าทรงเตือนให้รู้ว่าพระองค์เป็นผู้ควบคุม..และทรงเป็นผู้มอบทุกอย่างให้

11.ทำไมดาวิดถึงมีความกรุณาต่อ ”เมฟีโบเชท” (2ซมอ.9:1-7)

ก.เพราะต้องการรักษาสัญญาที่ให้ไว้เพื่อตอบแทนโยนาธาน

ข.เพราะต้องการลบล้างความผิดที่ทำไว้กับซาอูล ค.ถูกทั้ง ก.และ ข.

12.ดาวิดเป็นภาพจำลองของพระคริสต์ ส่วนเมฟีโบเชท เป็นภาพที่สำแดงให้เห็นถึง”ผู้ที่เป็นง่อยฝ่ายวิญญาณ”..หมายถึงใคร

ก.ซาอูล ข.คริสเตียน ค.มนุษย์ทุกคน

13.ข้อใดเรียงลำดับเหตุการณ์และกล่าวได้ถูกต้อง

ก.ดาวิดเห็นนางบัทเชบา>>ดาวิดอธิฐานต่อพระเจ้า>>ดาวิดพยายามต่อสู้กับความบาป>>แต่ในที่สุดดาวิดก็ล้มลงในความบาป

ข.ดาวิดเห็นนางบัทเชบา>>ดาวิดสั่งให้คนไปสอบถามว่าเธอเป็นใคร>>ดาวิดสั่งให้คนไปนำตัวบัทเชบามาที่พระราชวัง>>และดาวิดก็ล้มลงในความบาปจนถึงที่สุด

ค.ดาวิดเห็นนางบัทเชบา>>ดาวิดอธิฐานต่อพระเจ้า>>ดาวิดพยายามต่อสู้กับความบาป>>ดาวิดสามารถเอาชนะเนื้อหนังตัวเองได้และไม่ทำบาป

14.จาก2 ซมอ.11:2-5 ข้อใดกล่าวถูกต้อง

ก.ความบาปเกิดขึ้นเพราะเรายอมออมชอมและต่อยอดให้กับมัน

ข.มารเป็นฝ่ายหยิบยื่นความบาปให้มนุษย์ ค.ถูกทั้งก.และ ข.

15.ภาพความสำเร็จของดาวิดกับบาปที่เขาทำกับนางบัทเชบา ให้ข้อคิดอะไรแก่เรา

ก.ความสำเร็จฝ่ายโลก ไม่ได้เป็นเกราะป้องกันความบาป

ข.จิตวิญญาณที่เติบโตสามารถป้องกันความบาปได้

ค.ทั้งความสำเร็จฝ่ายโลก และจิตวิญญาณที่เติบโตไม่ได้เป็นเกราะป้องกันการทำบาป

16.จุดที่ดาวิดล้มลงในความบาปเนื่องด้วยเรื่องนางบัทเชบา หลังจากที่เขาได้รับความสำเร็จทางโลก..ได้เป็นกษัตริย์ของอิสราเอลพรั่งพร้อมทั้งชื่อเสียงและเงินทอง..ให้ข้อคิดอะไรแก่เรา

ก.พระเจ้าทรงอวยพรดาวิดในทุกด้าน ข.หลายครั้งภาวะสุขสบายก็อันตรายต่อจิตวิญญาณ

ค.เมื่อประสบความสำเร็จทุกคนต้องทำบาปเหมือนดาวิด

17.ผู้เผยพระวจนะ”นาธัน”มาหาดาวิดในลักษณะใด (2ซมอ.12:1-12)

ก.กล่าวโทษรุนแรง>>ประจานให้อาย>>พิพากษา ข.เล่าเรื่อง>>ชี้ให้ดาวิดเห็นความบาป>>พิพากษา

ค.เล่าเรื่อง>>ประจานให้อาย>>พิพากษา

18.เมื่อพระเจ้าทรงพิพากษาดาวิดผ่านทางนาธัน ดาวิดมีท่าทีอย่างไร (2ซมอ.12:13)

ก.ไม่สนใจคำพูดของนาธัน ข.สำนึกและยอมจำนน ค.โกรธ

19.เด็กๆคิดว่าพระเจ้าทรงยกโทษให้ดาวิดเพราะเหตุใด

ก.พระเจ้าทรงมีความรักมั่นคงและสัตย์ซื่อต่อพระสัญญาของพระองค์เสมอ

ข.ดาวิดไม่ได้ทำผิด ค..ดาวิดทำความดีมากกว่าคนอื่น

20.ในขณะที่บุตรคนแรกที่เกิดกับนางบัทเชบาป่วยอยู่และยังไม่เสียชีวิต เด็กๆคิดว่าดาวิดอดอาหารเพื่ออะไร (2ซมอ.12:15-17)

ก.เพื่อประท้วงพระเจ้า ข.เพื่อให้นางบัทเชบาเห็นใจ

ค.เพื่ออธิฐานจนถึงที่สุด เผื่อว่าพระเจ้าจะกลับพระทัยไม่ลงโทษ..และบุตรของเขาจะไม่ตาย

21.เพราะเหตุใดดาวิดจึงเลิกอดอาหารทันทีที่บุตรชายคนแรกที่เกิดกับนางบัทเชบาเสียชีวิต (2ซมอ.12:18-21)

ก.เพราะพระเจ้าไม่ตอบคำอธิฐาน ข.เพราะความจริงดาวิดไม่เสียใจที่ลูกเสียชีวิต

ค.เพราะดาวิดยอมรับในน้ำพระทัยของพระเจ้า

22. เกี่ยวกับความบาปที่อัมโนนกระทำต่ดทามาร์ (2ซมอ.13:1-14) ข้อใดกล่าวถูกต้อง

ก.อัมโนนอยากได้ทามาร์>>อัมโนนอธิฐานต่อพระเจ้า>>อัมโนนพยายามตัดใจ>>อัมโนนข่มขืนทามาร์ในที่สุด

ข.อัมโนนอยากได้ทามาร์>>อัมโนนเหยียดยาวกับความบาป..ปล่อยให้ตัญหากัดกิน>>อัมโนนวางแผนชั่ว>>อัมโนนข่มขืนทามาร์

ค.อัมโนนอยากได้ทามาร์>>อัมโนนอธิฐานต่อพระเจ้า>>อัมโนนพยายามตัดใจ>>อัมโนนเอาชนะเนื้อหนังได้และไม่ทำบาป

23.จาก 2ซมอ.13:3-5/ 13:32 เด็กๆคิดว่า”โยนาดับ”เป็นคนอย่างไร

ก.เจ้าเล่ห์ ไม่เคยหวังดีกับใคร และมักหว่านความแตกร้าวในหมู่พี่น้อง

ข.มีความรัก หวังดีและช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอ ค.มีความรักแต่มักหว่านความแตกร้าวในหมู่พี่น้อง

24.ดาวิดทำอย่างไรกับอับซาโลมเมื่อเขาฆ่าอัมโนน (2ซมอ.13:34-39)

ก.ดาวิดสั่งให้คนไปตามจับอับซาโลม ข.ดาวิดประกาศตัดความสัมพันธ์กับอับซาโลม

ค.ดาวิดปล่อยให้อับซาโลมไปอาศัยอยู่กับทัลมัยและไม่ได้ลงวินัยอับซาโลม

25.เด็กๆคิดว่า..ปัจจัยทางโลกข้อใดที่มีส่วนทำให้อับซาโลมทำบาปจนถึงที่สุด

ก.ดาวิดลงโทษอับซาโลมรุนแรงเกินไป

ข.ดาวิดไม่ยอมยกโทษให้อับซาโลมเมื่อเขาสำนึกผิดและกลับใจใหม่

ค.ดาวิดยอมยกโทษให้อับซาโลมโดยที่เขายังไม่สำนึกผิดและยังไม่กลับใจใหม่

26.จาก 2ซมอ.17:1-14 เด็กๆคิดว่า..ครั้งนี้อับซาโลมไม่เชื่อคำแนะนำของอาหิโธเฟลเพราะเหตุใด

ก.คำแนะนำของอาหิโธเฟลไม่ใช้น้ำพระทัยพระเจ้า ข.คำแนะนำของอาหิโธเฟลไม่น่าเชื่อถือ

ค.คำแนะนำของอาหิโธเฟลไม่เป็นประโยชน์ต่ออับซาโลม

27.เด็กๆคิดว่าเหตุใดพระเจ้าจึงมีน้ำพระทัยให้การพิพากษาตกมาที่ครัวเรือนของดาวิด

ก.เพราะดาวิดไม่รักครอบครัวของเขา

ข.เพราะพระเจ้าทรงต้องการให้ดาวิดเจ็บปวด

ค.เพราะพระเจ้าทรงประสงค์ให้ดาวิดเห็นความบาปของตนเองในมุมมองของผู้อื่น

28.ท่าทีของดาวิดที่มีต่ออับซาโลม.. ให้ข้อคิดอะไรแก่เรา

ก.ดาวิดมักลงโทษอับซาโลม..เหมือนพระเจ้ามักลงโทษเรา

ข.ดาวิดยังคงรักและยกโทษให้อับซาโลม..เหมือนพระเจ้าที่ยังคงรักและยกโทษให้เราเสมอ

ค.ดาวิดไม่รักอับซาโลม..ลูกที่มักกระทำผิด..เหมือนพระเจ้าที่ไม่ทรงรักผู้ที่ทำบาป

29.จากหนังสือโรม8:31-33 ข้อใดกล่าวถูกต้อง

ก.พระเยซูทรงไถ่บาปที่เราเคยทำในอดีตและปัจจุบัน

ข.พระเยซูทรงไถ่บาปที่เราจะทำในอนาคต แต่เราต้องถูกพิพากษาบาปที่เราเคยทำในอดีต

ค.พระเยซูทรงไถ่บาปเพื่อเราทั้งในอดีต..ปัจจุบัน..และอนาคต

30.จากหนังสือ 1โครินธ์12:27-31 “..ของประทานอันยิ่งใหญ่กว่านั้น” หมายถึงข้อใด

ก.การเผยพระวจนะ ข.ความรอดในองค์พระเยซูคริสต์

ค.การกระทำการอัศจรรย์

31.จาก 2ซมอ.24:1-9 เหตุใดการนับจำนวนพลของดาวิดจึงเป็นความบาป

ก.เพราะดาวิดกำลังจะทำสงคราม

ข.เพราะประชาชนต้องไปรบทั้งที่ไม่เต็มใจ

ค.เพราะดาวิดหลงลืมพระเจ้า..จึงนับกำลังพลเพื่อสนองความภาคภูมิใจของตัวเอง

32.เหตุใดดาวิดจึงเลือกให้พระเจ้าลงโทษด้วยการให้เกิดโรคระบาดในอิสราเอล(2ซมอ.24:14)

ก.เพราะเป็นการพิพากษาที่มาจากพระหัตถ์ของพระเจ้า

ข.เพราะเป็นการพิพากษาที่ระยะเวลาสั้นที่สุด

ค.เพราะดาวิดต้องการให้ประชาชนถูกลงโทษ

33.จากยอห์น 6:27 ข้อใดคือความหมายของ “อาหารที่ดำรงอยู่คืออาหารแห่งชีวิตนิรันดร์”

ก.พระเยซูคริสต์ ข.กษัตริย์ดาวิด ค.ยอห์น

34.เหตุใดดาวิดจึงไม่รับข้อเสนอของอาราวนาห์ (2ซมอ.24:22-24)

ก.เพราะที่ดินของอาราวนาห์ราคาแพง

ข.เพราะอาราวนาห์ไม่เต็มใจที่จะมอบให้จริงๆ

ค.เพราะดาวิดเชื่อว่าเราต้องเสียสละบางอย่างในการถวายบูชาแด่พระเจ้า

35.สิ่งใดที่เด็กๆควรมอบถวายแด่พระเจ้าในการนมัสการพระองค์ที่โบสถ์

ก.หัวใจที่จดจ่อและยอมจำนนต่อพระเจ้า

ข.การแต่งกายที่หรูหราภูมิฐาน

ค.ควรผลัดกันจัดเตรียมดอกไม้ประดับในห้องประชุม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น