1.ใครคือผู้ที่พระเจ้าทรงเจิมไว้
ก.ซาอูล ข.ดาวิด ค.ทั้งซาอูล และดาวิด
2.เราได้ข้อคิดอะไรจาก “คำคร่ำครวญของดาวิดเพื่อซาอูลและโยนาธาน” (2ซมอ.1:17-27) โดยเชื่อมโยงกับหนังสือสุภาษิต10:8-11 / 13:3 / 15:2 /18:6-7
ก.ผู้มีสติปัญญาในทางพระเจ้าต้องพูดทุกเรื่องที่รู้
ข.ผู้มีสติปัญญาในทางพระเจ้าต้องเป็นคนที่พูดตรงไปตรงมา”ตลอดเวลา”
ค.ผู้มีสติปัญญาในทางพระเจ้าต้องเลือกพูดแต่สิ่งที่ควรพูด และ พูดในเวลาที่ถูกที่ควร
3.ดาวิดเป็นตัวอย่างที่ดีในการตักเตือนผู้กระทำผิด โดยสัมพันธ์กับ หนังสือกาลาเทีย6:1-2 ข้อใดกล่าวถูกต้อง
ก.อธิฐาน..แล้วเตือนด้วยความรักและถ่อมสุภาพ
ข.อธิฐาน..แล้วเตือนด้วยการประจานและชี้ความผิดอย่างตรงไปตรงมา
ค.อธิฐาน..แล้วเตือนด้วยความรักและท่าทีที่แข็งกร้าวเพื่อให้เขาสำนึก
4.การกระทำในข้อไหน สำแดงให้เห็นถึงความ”ไม่เชื่อฟังในพระเจ้า”
ก.ชาวยาเบชกิเลอาดไปเอาศพซาอูลกับโยนาธานกลับมาฝังที่กิเลอาด
ข.อับเนอร์สถาปนาอิชโบเชทขึ้นเป็นกษัตริย์ ค.ชาวยูดาห์สถาปนาดาวิดขึ้นเป็นกษัตริย์
5.จาก2ซมอ.1:11-16 และ 2ซมอ.4:10-12 สำแดงให้เห็นอุปนิสัยด้านใดของดาวิด
ก.ดาวิดไม่ใช่คนฉวยโอกาสและเขารักซาอูลอย่างจริงใจ
ข.ดาวิดเป็นคนฉวยโอกาสแต่เขารักซาอูลอย่างจริงใจ
ค.ดาวิดเป็นคนฉวยโอกาสและไม่จริงเคยใจกับซาอูล
6.การที่ดาวิดต้องอดทนและรอคอยอย่างยาวนาน..ในการที่จะได้เป็นกษัตริย์ของอิสราเอล ให้ข้อคิดอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อชีวิตคริสเตียน
ก.การเป็นคนที่ไม่ฉวยโอกาส ทำให้เราต้องรอบางอย่างนานเกินไป
ข.การรอคอยเป็นเรื่องบังเอิญ และไม่ใช่น้ำพระทัยพระเจ้า
ค.การรอคอยไม่ใช่เรื่อบังเอิญ แต่เป็นน้ำพระทัยพระเจ้า และเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคริสเตียน
7.จาก 2ซมอ.5:9 “เมืองของดาวิด” หมายถึงเมืองใด
ก.เยรูซาเล็ม ข.เฮโบรน ค.กิลกาล
8.จาก2ซมอ.5:17-25 เด็กๆคิดว่าดาวิดสามารถชนะฟิลิสเตียได้ถึงสองครั้งเพราะอะไร
ก.ดาวิดเริ่มชำนาญในการรบ ข.ดาวิดขอการทรงนำจากพระเจ้า ค.ฟิลิสเตียเริ่มอ่อนกำลัง
9. “..เราไม่เคยอยู่ในนิเวศ นับแต่วันที่เราพาคนอิสราเอลออกจากอียิปต์จนกระทั่งวันนี้ แต่เราก็ไปมากับเต็นท์และพลับพลา เราได้เคยพูดสักคำกับผู้วินิจฉัยของอิสราเอลคนใด ผู้ที่เราบัญชาให้เขาเลี้ยงดูอิสราเอลประชากรของเราหรือว่า “ทำไมเจ้ามิได้สร้างนิเวศด้วยไม้สนสีดาร์ให้แก่เรา” จาก2ซมอ.7:5-7 ข้อใดคือความหมายที่พระเจ้าทรงสำแดงแก่เรา
ก.พระองค์ทรงบอกผู้วินิจฉัยของอิสราเอลหลายคนให้สร้างนิเวศเพื่อพระองค์..แต่ไม่มีใครทำ
ข.มีบางคนได้สร้างนิเวศถวายพระเจ้าแต่ไม่เป็นที่โปรดปราน เพราะไม่ได้สร้างด้วยไม้สนสีดาร์
ค.พระเจ้าค์ไม่ทรงประสงค์พระนิเวศ พระองค์ไม่เคยให้ความสำคัญกับอาคารสถานที่หรือสิ่งที่ดูดีแต่เพียงภายนอก
10.จาก 2ซมอ.7:8-11 พระเจ้าทรงชี้ให้เห็นความจริงในข้อใด เมื่อดาวิดจะสร้างพระนิเวศถวายพระองค์
ก.ดาวิดไม่มีความสามารถพอที่จะสร้างนิเวศเพื่อพระองค์ ข.พระเจ้าทรงตำหนิว่าดาวิดคิดเรื่องนี้ช้าเกินไป ค.พระเจ้าทรงเตือนให้รู้ว่าพระองค์เป็นผู้ควบคุม..และทรงเป็นผู้มอบทุกอย่างให้
11.ทำไมดาวิดถึงมีความกรุณาต่อ ”เมฟีโบเชท” (2ซมอ.9:1-7)
ก.เพราะต้องการรักษาสัญญาที่ให้ไว้เพื่อตอบแทนโยนาธาน
ข.เพราะต้องการลบล้างความผิดที่ทำไว้กับซาอูล ค.ถูกทั้ง ก.และ ข.
12.ดาวิดเป็นภาพจำลองของพระคริสต์ ส่วนเมฟีโบเชท เป็นภาพที่สำแดงให้เห็นถึง”ผู้ที่เป็นง่อยฝ่ายวิญญาณ”..หมายถึงใคร
ก.ซาอูล ข.คริสเตียน ค.มนุษย์ทุกคน
13.ข้อใดเรียงลำดับเหตุการณ์และกล่าวได้ถูกต้อง
ก.ดาวิดเห็นนางบัทเชบา>>ดาวิดอธิฐานต่อพระเจ้า>>ดาวิดพยายามต่อสู้กับความบาป>>แต่ในที่สุดดาวิดก็ล้มลงในความบาป
ข.ดาวิดเห็นนางบัทเชบา>>ดาวิดสั่งให้คนไปสอบถามว่าเธอเป็นใคร>>ดาวิดสั่งให้คนไปนำตัวบัทเชบามาที่พระราชวัง>>และดาวิดก็ล้มลงในความบาปจนถึงที่สุด
ค.ดาวิดเห็นนางบัทเชบา>>ดาวิดอธิฐานต่อพระเจ้า>>ดาวิดพยายามต่อสู้กับความบาป>>ดาวิดสามารถเอาชนะเนื้อหนังตัวเองได้และไม่ทำบาป
14.จาก2 ซมอ.11:2-5 ข้อใดกล่าวถูกต้อง
ก.ความบาปเกิดขึ้นเพราะเรายอมออมชอมและต่อยอดให้กับมัน
ข.มารเป็นฝ่ายหยิบยื่นความบาปให้มนุษย์ ค.ถูกทั้งก.และ ข.
15.ภาพความสำเร็จของดาวิดกับบาปที่เขาทำกับนางบัทเชบา ให้ข้อคิดอะไรแก่เรา
ก.ความสำเร็จฝ่ายโลก ไม่ได้เป็นเกราะป้องกันความบาป
ข.จิตวิญญาณที่เติบโตสามารถป้องกันความบาปได้
ค.ทั้งความสำเร็จฝ่ายโลก และจิตวิญญาณที่เติบโตไม่ได้เป็นเกราะป้องกันการทำบาป
16.จุดที่ดาวิดล้มลงในความบาปเนื่องด้วยเรื่องนางบัทเชบา หลังจากที่เขาได้รับความสำเร็จทางโลก..ได้เป็นกษัตริย์ของอิสราเอลพรั่งพร้อมทั้งชื่อเสียงและเงินทอง..ให้ข้อคิดอะไรแก่เรา
ก.พระเจ้าทรงอวยพรดาวิดในทุกด้าน ข.หลายครั้งภาวะสุขสบายก็อันตรายต่อจิตวิญญาณ
ค.เมื่อประสบความสำเร็จทุกคนต้องทำบาปเหมือนดาวิด
17.ผู้เผยพระวจนะ”นาธัน”มาหาดาวิดในลักษณะใด (2ซมอ.12:1-12)
ก.กล่าวโทษรุนแรง>>ประจานให้อาย>>พิพากษา ข.เล่าเรื่อง>>ชี้ให้ดาวิดเห็นความบาป>>พิพากษา
ค.เล่าเรื่อง>>ประจานให้อาย>>พิพากษา
18.เมื่อพระเจ้าทรงพิพากษาดาวิดผ่านทางนาธัน ดาวิดมีท่าทีอย่างไร (2ซมอ.12:13)
ก.ไม่สนใจคำพูดของนาธัน ข.สำนึกและยอมจำนน ค.โกรธ
19.เด็กๆคิดว่าพระเจ้าทรงยกโทษให้ดาวิดเพราะเหตุใด
ก.พระเจ้าทรงมีความรักมั่นคงและสัตย์ซื่อต่อพระสัญญาของพระองค์เสมอ
ข.ดาวิดไม่ได้ทำผิด ค..ดาวิดทำความดีมากกว่าคนอื่น
20.ในขณะที่บุตรคนแรกที่เกิดกับนางบัทเชบาป่วยอยู่และยังไม่เสียชีวิต เด็กๆคิดว่าดาวิดอดอาหารเพื่ออะไร (2ซมอ.12:15-17)
ก.เพื่อประท้วงพระเจ้า ข.เพื่อให้นางบัทเชบาเห็นใจ
ค.เพื่ออธิฐานจนถึงที่สุด เผื่อว่าพระเจ้าจะกลับพระทัยไม่ลงโทษ..และบุตรของเขาจะไม่ตาย
21.เพราะเหตุใดดาวิดจึงเลิกอดอาหารทันทีที่บุตรชายคนแรกที่เกิดกับนางบัทเชบาเสียชีวิต (2ซมอ.12:18-21)
ก.เพราะพระเจ้าไม่ตอบคำอธิฐาน ข.เพราะความจริงดาวิดไม่เสียใจที่ลูกเสียชีวิต
ค.เพราะดาวิดยอมรับในน้ำพระทัยของพระเจ้า
22. เกี่ยวกับความบาปที่อัมโนนกระทำต่ดทามาร์ (2ซมอ.13:1-14) ข้อใดกล่าวถูกต้อง
ก.อัมโนนอยากได้ทามาร์>>อัมโนนอธิฐานต่อพระเจ้า>>อัมโนนพยายามตัดใจ>>อัมโนนข่มขืนทามาร์ในที่สุด
ข.อัมโนนอยากได้ทามาร์>>อัมโนนเหยียดยาวกับความบาป..ปล่อยให้ตัญหากัดกิน>>อัมโนนวางแผนชั่ว>>อัมโนนข่มขืนทามาร์
ค.อัมโนนอยากได้ทามาร์>>อัมโนนอธิฐานต่อพระเจ้า>>อัมโนนพยายามตัดใจ>>อัมโนนเอาชนะเนื้อหนังได้และไม่ทำบาป
23.จาก 2ซมอ.13:3-5/ 13:32 เด็กๆคิดว่า”โยนาดับ”เป็นคนอย่างไร
ก.เจ้าเล่ห์ ไม่เคยหวังดีกับใคร และมักหว่านความแตกร้าวในหมู่พี่น้อง
ข.มีความรัก หวังดีและช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอ ค.มีความรักแต่มักหว่านความแตกร้าวในหมู่พี่น้อง
24.ดาวิดทำอย่างไรกับอับซาโลมเมื่อเขาฆ่าอัมโนน (2ซมอ.13:34-39)
ก.ดาวิดสั่งให้คนไปตามจับอับซาโลม ข.ดาวิดประกาศตัดความสัมพันธ์กับอับซาโลม
ค.ดาวิดปล่อยให้อับซาโลมไปอาศัยอยู่กับทัลมัยและไม่ได้ลงวินัยอับซาโลม
25.เด็กๆคิดว่า..ปัจจัยทางโลกข้อใดที่มีส่วนทำให้อับซาโลมทำบาปจนถึงที่สุด
ก.ดาวิดลงโทษอับซาโลมรุนแรงเกินไป
ข.ดาวิดไม่ยอมยกโทษให้อับซาโลมเมื่อเขาสำนึกผิดและกลับใจใหม่
ค.ดาวิดยอมยกโทษให้อับซาโลมโดยที่เขายังไม่สำนึกผิดและยังไม่กลับใจใหม่
26.จาก 2ซมอ.17:1-14 เด็กๆคิดว่า..ครั้งนี้อับซาโลมไม่เชื่อคำแนะนำของอาหิโธเฟลเพราะเหตุใด
ก.คำแนะนำของอาหิโธเฟลไม่ใช้น้ำพระทัยพระเจ้า ข.คำแนะนำของอาหิโธเฟลไม่น่าเชื่อถือ
ค.คำแนะนำของอาหิโธเฟลไม่เป็นประโยชน์ต่ออับซาโลม
27.เด็กๆคิดว่าเหตุใดพระเจ้าจึงมีน้ำพระทัยให้การพิพากษาตกมาที่ครัวเรือนของดาวิด
ก.เพราะดาวิดไม่รักครอบครัวของเขา
ข.เพราะพระเจ้าทรงต้องการให้ดาวิดเจ็บปวด
ค.เพราะพระเจ้าทรงประสงค์ให้ดาวิดเห็นความบาปของตนเองในมุมมองของผู้อื่น
28.ท่าทีของดาวิดที่มีต่ออับซาโลม.. ให้ข้อคิดอะไรแก่เรา
ก.ดาวิดมักลงโทษอับซาโลม..เหมือนพระเจ้ามักลงโทษเรา
ข.ดาวิดยังคงรักและยกโทษให้อับซาโลม..เหมือนพระเจ้าที่ยังคงรักและยกโทษให้เราเสมอ
ค.ดาวิดไม่รักอับซาโลม..ลูกที่มักกระทำผิด..เหมือนพระเจ้าที่ไม่ทรงรักผู้ที่ทำบาป
29.จากหนังสือโรม8:31-33 ข้อใดกล่าวถูกต้อง
ก.พระเยซูทรงไถ่บาปที่เราเคยทำในอดีตและปัจจุบัน
ข.พระเยซูทรงไถ่บาปที่เราจะทำในอนาคต แต่เราต้องถูกพิพากษาบาปที่เราเคยทำในอดีต
ค.พระเยซูทรงไถ่บาปเพื่อเราทั้งในอดีต..ปัจจุบัน..และอนาคต
30.จากหนังสือ 1โครินธ์12:27-31 “..ของประทานอันยิ่งใหญ่กว่านั้น” หมายถึงข้อใด
ก.การเผยพระวจนะ ข.ความรอดในองค์พระเยซูคริสต์
ค.การกระทำการอัศจรรย์
31.จาก 2ซมอ.24:1-9 เหตุใดการนับจำนวนพลของดาวิดจึงเป็นความบาป
ก.เพราะดาวิดกำลังจะทำสงคราม
ข.เพราะประชาชนต้องไปรบทั้งที่ไม่เต็มใจ
ค.เพราะดาวิดหลงลืมพระเจ้า..จึงนับกำลังพลเพื่อสนองความภาคภูมิใจของตัวเอง
32.เหตุใดดาวิดจึงเลือกให้พระเจ้าลงโทษด้วยการให้เกิดโรคระบาดในอิสราเอล(2ซมอ.24:14)
ก.เพราะเป็นการพิพากษาที่มาจากพระหัตถ์ของพระเจ้า
ข.เพราะเป็นการพิพากษาที่ระยะเวลาสั้นที่สุด
ค.เพราะดาวิดต้องการให้ประชาชนถูกลงโทษ
33.จากยอห์น 6:27 ข้อใดคือความหมายของ “อาหารที่ดำรงอยู่คืออาหารแห่งชีวิตนิรันดร์”
ก.พระเยซูคริสต์ ข.กษัตริย์ดาวิด ค.ยอห์น
34.เหตุใดดาวิดจึงไม่รับข้อเสนอของอาราวนาห์ (2ซมอ.24:22-24)
ก.เพราะที่ดินของอาราวนาห์ราคาแพง
ข.เพราะอาราวนาห์ไม่เต็มใจที่จะมอบให้จริงๆ
ค.เพราะดาวิดเชื่อว่าเราต้องเสียสละบางอย่างในการถวายบูชาแด่พระเจ้า
35.สิ่งใดที่เด็กๆควรมอบถวายแด่พระเจ้าในการนมัสการพระองค์ที่โบสถ์
ก.หัวใจที่จดจ่อและยอมจำนนต่อพระเจ้า
ข.การแต่งกายที่หรูหราภูมิฐาน
ค.ควรผลัดกันจัดเตรียมดอกไม้ประดับในห้องประชุม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น