วันจันทร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เฉลยบททดสอบ 1ซามูเอล ชุดที่ 2 (ข้อที่11-30)

11.ตอบ ก.เพราะซาอูลเป็นผู้นำที่พระเจ้าทรงเจิมไว้ ดาวิดรู้แก่ใจและยอมรับในเรื่องนี้ เพราะเขาเชื่อฟังพระเจ้าก็ต้องยอมรับในสิ่งที่พระองค์เลือกด้วย การเหยียดมือหรือแม้แต่เปิดปากออกต่อต้านคนที่พระเจ้าเลือกก็เท่ากับต่อต้านพระเจ้าโดยตรง เพราะฉะนั้น อย่าเอาสติปัญญาที่มีเพียงน้อยนิดของเราไปตัดสินพระเจ้าโดยการต่อต้านหรือไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่พระองค์เลือก ไม่ว่าคนๆนั้นจะมีจุดอ่อนอะไรหรือนิสัยแย่ซักแค่ไหนก็ตาม เราต้องเชื่อว่า..เขาต้องมีเหลี่ยมคมที่พระเจ้าทรงใช้ได้
12.ตอบ ค.ถูกทั้งสองข้อ เพราะทุกคนรอบตัวเรา รวมทั้งตัวเราเอง..ต่างเป็นสิ่งที่มาจาการทรงเลือกของพระเจ้าทั้งหมด
13.ตอบ ข.อธิฐานและวางใจในพระเจ้า ระลึกอยู่เสมอว่าพระองค์ทรงควบคุมดูแลอยู่และจะทรงบันดาลให้ทุกอย่างเป็นไปตามพระทัยของพระองค์เสมอ ถ้าผู้นำกระทำผิดจริง..พระเจ้าจะทรงพิพากษาเองในรูปแบบที่พระองค์เห็นสมควร จริงๆความวุ่นวายหลายๆอย่างที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ ก็เกิดจากการที่คนเราไม่มีความเชื่อ..เมื่อไม่มีความเชื่อก็ไม่มีพระวจนะของพระเจ้าเป็นหลักในการดำเนินชีวิต หลายครั้งที่ไม่พอใจใคร..โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อไม่พอใจ..ผู้นำ(ในทุกๆสถาบัน) ก็อยากจะเป็นผู้ตัดสิน แล้วก็แก้ปัญหานั้นด้วยมือของตัวเอง..ทั้งที่ไม่ใช่หน้าที่ เพราะไม่มีความเชื่อ..ก็เลยมีมุมมองที่แคบกว่า และไม่มีวิสัยทัศน์ทางฝ่ายวิญญาณ..ว่าแท้จริงแล้ว พระเจ้าคือผู้ควบคุม และอนุญาตให้ทุกสิ่งเกิดขึ้น เพราะฉะนั้น ผู้นำ..ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ครูอาจารย์ สามี เจ้านาย หรือแม้แต่คณะรัฐบาล ก็คือผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกให้เป็นผู้นำของเรา ถ้าผู้นำผิดจริงพระเจ้าจะทรงพิพากษาเองในแบบของพระองค์ แล้วการพิพากษานั้นก็สัตย์ซื่อและเที่ยงธรรมกว่า เป็นผลดีกว่า และลงตัวกว่า ถ้าใครจะปฎิเสธความจริงในข้อนี้..น้าตุ๊กขอแนะนำให้มองดูภาวะของโลกร้อนในปัจจุบัน..ความแปรปรวนของดินฟ้าอากาศทุกวันนี้ ก็คือการพิพากษาที่มาจากพระเจ้า มนุษย์กำลังต้องกินผลแห่งน้ำมือตัวเองที่ทำร้ายโลก..ถามว่านานมั๊ยกว่าการพิพากษานี้จะเกิดขึ้น นานทีเดียว..ที่พระเจ้าทรงอดทนรอให้มนุษย์กลับใจใหม่แต่มนุษย์..ไม่ พวกเขายังคงเดินหน้าทำลายโลกอย่างต่อเนื่อง แล้วเมื่อวันพิพากษามาถึง เราจะได้เห็นว่า..การลงโทษของพระเจ้านั้น..สาแก่ใจเพียงใด เพราะฉะนั้น ถ้ามนุษย์มองเห็นความจริงในข้อนี้ แล้วถ่อมใจลงที่จะเชื่อและยำเกรงพระเจ้า เขาก็จะวางใจมอบให้พระองค์เป็นผู้พิพากษา เป็นผู้นำพาให้ทุกวัฎจักรของโลกนี้ขับเคลื่อนไปด้วยพระเจ้าผู้เกรียงไกร..ไม่ใช่ด้วยน้ำมือของมนุษย์ผู้อ่อนแอ..ขลาดเขลาและเย่อหยิ่ง (ถ้าใครรับคำนี้ไม่ได้ ก็ไม่เป็นไร ถือว่าน้าตุ๊กว่าตัวเองก็แล้วกัน.."><").
14.ตอบ ข.โกรธเพราะอารมณ์ไม่คงที่ของมนุษย์ เด็กๆต้องดูให้ดี..ไม่ใช่พอเห็นว่าเป็นดาวิด..ก็เลยคิดว่าเขาน่าจะโกรธโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพราะบริบทนี้เห็นชัดเจนว่า..ดาวิดโกรธเพราะอารมณ์ของมนุษย์ที่ไม่คงที่ของมนุษย์ เพราะนาบาลก็แค่พูดจาถากถางและไม่ยอมให้ในสิ่งที่ดาวิดร้องขอ..ก็เท่านั้น ยังไม่ได้ทำร้าย ขู่ฆ่า หรือตามล่าดาวิดเหมือนซาอูลเลย แต่เพราะดาวิดก็เป็นแค่มนุษย์คนนึง..จึงยังมีวาระที่อ่อนแอและสามารถผิดพลาดได้เสมอ
15.ตอบ ค.แม้จะเคยเอาชนะความบาปของเนื้อหนังได้ แต่มนุษย์ยังล้มลงในความบาปได้ตลอดเวลา เพราะฉะนั้น ถ้าเมื่อวานหรือวันนี้..เราสามารถเอาชนะนิสัยไม่ดีบางอย่างของตัวเองได้ มันก็ไม่ได้การันตีว่าเราจะชนะอย่างงี้ทุกวัน เด็กๆต้องจำไว้..ว่าตราบใดที่เรายังอยู่ในร่างกายนี้..เชื้อบาปและความอ่อนแอในตัวเรา มันสามารถผุดขึ้นมาได้ทุกเมื่อ เราถึงต้องพึ่งพระเจ้าตลอดเวลา..ห่างไม่ได้..ห่างเมื่อไหร่นิสัยแย่ๆพร้อมที่จะกลับมาทันที
16.ตอบ ค.เมื่อผู้นำทำสิ่งที่ค้านกับน้ำพระทัยพระเจ้า เราต้องไม่เดินตามอย่างเด็ดขาด พระเจ้าทรงสอนให้เราเชื่อฟังผู้นำก็จริง แต่ต้องเชื่อฟังตามแบบของพระเจ้า คือ เชื่อฟังพระเจ้าโดยเอาพระวจนะของพระองค์เป็นหลักเกณฑ์ก่อน แล้วถึงจะเป็นผู้นำ..ตามแนวทางที่พระองค์ทรงตั้งไว้ ดังนั้น เมื่อไหร่ที่ผู้นำไม่ยึดถือหรือเดินตามพระวจนะของพระเจ้า เราก็ไม่จำเป็นต้องเดินตามหรือเอาเป็นแบบอย่างอีกต่อไป
17. ตอบ ก.เพราะอาบีกายิลทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสามีแล้วก็ยังคนอื่นอีกหลายคน รวมทั้ง..ดาวิดด้วย แต่เดี๋ยวก่อน..การขัดคอหรือคัดค้านสามี..บางทีก็ไม่ใช่คำตอบเสมอไป มันต้องว่ากันเป็นเรื่องๆไป..ว่าเราค้านสามีเรื่องอะไร..ใช่เรื่องที่เขาไม่ดำเนินในทางพระเจ้าหรือเปล่า..
ส่วนการมีสติปัญญาที่พระเจ้าประทานให้ก็ยังไม่สมบูรณ์พอที่จะได้ชื่อว่าเป็นผู้ชอบธรรม ถ้าคนๆนั้นไม่ใช้ของประทานให้เป็นประโยชน์ในทางพระเจ้า..ในเวลาที่ถูกที่ควร เพราะฉะนั้น อาบีกายิลจึงได้ชื่อว่าเป็นภรรยาที่ดี เพราะเธอใช้สติปัญญาให้เกิดประโยชน์ต่อผู้อื่น (ด้วยความรัก) ดูเผินๆจะเห็นว่า..เธอทำสิ่งที่ขัดแย้งกับสามี แต่ในบริบทนี้ชี้ชัดว่า..นาบาลผิด เพราะไม่ดำเนินในทางพระเจ้า อาบีกายิลจึงเลือกทำสิ่งที่เป็นประโยชน์สูงสุด..ต่อสามี คนในบ้าน และรวมถึงดาวิดด้วย เพราะถ้าอาบีกายิลไม่เห็นแก่ประโยชน์ของผู้อื่น เธอก็อาจจะเลือกเป็นภรรยาที่ดีด้วยการนั่งมึน..อยู่เฉยๆ นาบาลว่าไง..เธอก็ว่าตามกัน ไม่จำเป็นต้องลุกขึ้นแก้ปัญหานู่นนี่ที่จะตามมา สามีกับผู้ชายในบ้านจะถูกฆ่าตายก็ช่าง หรือดาวิดจะต้องทำบาปด้วยการฆ่าผู้บริสุทธิ์เธอก็ไม่เกี่ยว (ดีซะอีก..เบื่อมานานละ..สามีแย่ๆอย่างงี้..อันนี้..น้าตุ๊กพูดเองนะ อาบีกายิลไม่ได้พูด) แถมพระเจ้ายังสอนให้เชื่อฟังสามี ถ้าอาบีกายิลจะอ้างอย่างนี้เพื่อที่จะอยู่เฉยๆ ก็คงไม่มีใครเห็นความผิดของเธอชัดเจนเท่าไหร่..แต่เธอไม่ทำ เธอเลือกที่จะลุกขึ้น แก้ปัญหา รับหน้า และพร้อมที่จะยอมตายแทนทุกคน
18.ตอบ ค.ถูกทุกข้อ เพราะพระเจ้าสามารถสอนเราผ่านใครก็ได้..ไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่แก่กว่า..เก่งกว่า..ฐานะดีกว่า..เรียนสูงกว่า แล้วพระเจ้าก็ไม่ได้ส่งถ้อยคำของพระองค์ผ่านทางศิษยาภิบาลหรือครูสอนพระคำภีร์เท่านั้น แต่พระเจ้าสามารถใช้ทุกอย่างให้เป็นสื่อของพระองค์ได้ บางทีก็ใช้คนที่เราไม่รู้จัก บางทีก็สื่อผ่านหนังที่เราดู..หนังสือที่เราอ่าน หรือเพลงที่เราฟัง เพราะฉะนั้น เราอย่าไปจำกัดหรือตีกรอบเองว่า..พระเจ้าต้องคุยกับเราผ่านทางศบ. ครู คนแก่ๆ หรือคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตเท่านั้น..ไม่ใช่ บางทีพระเจ้าอาจจะพูดกับเราผ่านเด็กเล็กๆ..ผ่านคนที่เพิ่งมาเชื่อ..คนที่ไม่ได้เชื่อพระเจ้า หรือแม้แต่คนที่ไม่สมประกอบ..พระเจ้าก็ใช้ให้เป็นสื่อของได้ ดาวิดถึงเป็นตัวอย่างที่ดี..ในการที่ยอมฟังคำพูดของอาบีกายิล เพราะถ้าจะนับกันจริงๆแล้ว ณ.จุดนั้น ดาวิดมีศักดิ์ศรีที่สูงกว่าอาบีกายิลเยอะ เพราะทั่วทั้งอิสราเอลรู้ว่า..ดาวิดคือ คนที่พระเจ้าเจิมไว้..ให้เป็นกษัตริย์องค์ต่อไปของอิสราเอล.. แต่ดาวิดยังมีความถ่อมใจ และยอมรับว่าสิ่งที่อาบีกายิลพูดนั้นมาจากพระเจ้า
19.ตอบ ข.แท้จริงแล้ว..พระเจ้า คือ ผู้ที่ช่วยหยุดดาวิดไว้..ไม่ให้ทำบาป ส่วนอาบีกายิลเป็นแค่สื่อ..ที่พระเจ้าใช้..ให้มาพูดกับดาวิด..เท่านั้นเอง
20.ตอบ ก.พระเยซู คือ ทางเดียวที่มนุษย์จะสามารถเข้าสู่สวรรค์ เพราะพระองค์ทรงตรัสไว้ในข้อนี้ว่า.. ”เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า..ท่านจะได้เห็นท้องฟ้าเบิกออก และบรรดาทูตสวรรค์ของพระเจ้าขึ้นและลงอยู่เหนือบุตรมนุษย์” เราเรียนกันไปแล้วว่า..ข้อนี้สัมพันธ์และเป็นภาพเดียวกับที่ยาโคบฝัน ในปฐก. 28:12 ซึ่งภาพที่ยาโคบเห็นคือบันไดที่เป็นจุดเชื่อมระหว่างสวรรค์กับโลก ที่เขารู้เพราะตรงบันไดที่เขาเห็นในฝัน..มีทูตสวรรค์ขึ้นลงอยู่ตรงนั้น เพราะฉะนั้น การที่พระเยซูบอกว่า..เราจะเห็นทูตสวรรค์ขึ้นลงอยู่เหนือบุตรมนุษย์ จึงมีความหมายเท่ากับ..”บุตรมนุษย์นั้น” คือ ทางที่เชื่อมระหว่างสวรรค์กับโลก เพราะเป็นที่ที่ทูตของพระเจ้าขึ้นลงเหมือนตรงบันไดที่ยาโคปบอก แล้วบุตรมนุษย์ คือใคร..ก็พระเยซูคริสต์นั่นเอง เพราะฉะนั้น คำตอบหรือความหมายที่พระเยซูทรงบอกเราในข้อนี้ก็คือ พระองค์เป็นทางเชื่อมเดียวที่มนุษย์จะพามนุษย์เข้าสู่สวรรค์
21.ตอบ ก.ให้เราทำดีถวายพระเจ้า นี่คือเคล็ดลับ..ที่จะทำให้เราสามารถทำสิ่งที่ถูกต้องได้เสมอ..ไม่ว่าทำแล้วคนรอบข้างจะมีท่าทียังไง เห็นหรือไม่เห็น..ในสิ่งที่เราทำ มันก็ไม่สำคัญเพราะเราทำเพื่อพระเจ้า ไม่ได้ต้องการเสียงปรบมือหรือคำสรรเสริญจากมนุษย์ เพราะฉะนั้น เราจะมีจุดยืนที่มั่นคงแล้วก็มีพลังในการทำสิ่งที่ดี ไม่ใช่เดี๋ยวดี..เดี๋ยวร้าย ขึ้นลงไปตามเสียงตอบรับของคนรอบข้าง ถ้ามีคนชมก็ทำ..ไม่มีใครเห็นก็ไม่ทำ..อะไรประมาณนี้
22.ตอบ ค.ถูกทั้งสองข้อ พระเจ้าทรงนิ่งเฉย และถอนการทรงสถิตไปจากซาอูลเพราะพระองค์เห็นหัวใจที่ไม่สัตย์ซื่อครั้งแล้ว..ครั้งเล่าของซาอูล ทั้งที่พระองค์ก็อดทนรอให้เขากลับใจใหม่มานานแสนนาน..แต่ซาอูลก็ไม่เคยสำนึก สุดท้าย..วาระที่ต้องถูกพิพากษาก็มาถึง และเมื่อเวลานั้นมาถึงแล้ว..มันก็สายไป เด็กๆจำไว้ให้ดี ถ้ามีเสียงเตือน..ไม่ว่าจะผ่านใครมาก็ตาม ขอให้ไวต่อเสียงของพระเจ้า..ฟัง..แล้วรีบกลับใจใหม่ ถึงไม่มีกำลังพอก็ให้ขานรับพระสุรเสียงของพระเจ้าเหมือนซามูเอลว่าลูกอยู่นี่ ขอทรงตรัสเถิด..ลูกยอมรับพระองค์เจ้าข้า..ลูกขอโทษ ลูกอ่อนแอ ลูกมันแย่..ขอพระเจ้าเสริมกำลัง ลูกขอหลบอยู่ใต้ปีกของพระองค์ ขออย่างเดียว..อย่าทำเฉย หรือแกล้งไม่รู้..ว่าพระเจ้าเตือน เพราะถึงยังไงเราก็หนีความจริงไม่ได้
23. ตอบ ข.ไปหาหมอดูเพื่อทำนายดวงชะตา เพราะคนส่วนใหญ่ที่ไปหาหมอดูเขาต้องการอะไร..อยากรู้อนาคต..จะรวยมั๊ย..จะแต่งงานอายุเท่าไหร่ แต่งแล้วจะดีหรือไม่ ถามจริงๆเหอะ..รู้แล้วจะทำไม เปลี่ยนอนาคตได้มั๊ย..ไม่ได้ ที่เชื่อว่าจะเปลี่ยนอนาคตได้ด้วยการแก้เคล็ดต่างๆนาๆอ่ะ..คิดไปเองทั้งนั้น..เราทุกคนที่เชื่อพระเจ้ารู้แก่ใจ..ว่าทุกอย่างอยู่ใต้การควบคุมของพระเจ้าทั้งสิ้น แล้วเราก็รู้ว่า พระเจ้าทรงช่วยคนที่รักพระองค์ให้เกิดผลอันดีในทุกสิ่ง..แล้วผลอันดีที่คริสเตียนทุกคนจะได้รับกันอย่างทั่วหน้า ก็คือ ความรอดและชีวิตนิรันดร์ ไม่ใช่บ้านหลังใหญ่ รถแพงๆ เงินเยอะๆ หรือสุขภาพที่ดีตลอดกาล (เพราะถ้าสุขภาพดีตลอดกาล..แล้วจะตายกันยังไง) ดังนั้น สิ่งที่เสื่อมสูญทั้งปวงจึงไม่ใช่คำตอบสำหรับคริสเตียน ความเชื่อในพระเจ้าอย่างเดียว..เพียงพอแล้วสำหรับเรา ถ้าคริสเตียนยังไปหาหมอดู..ก็ไม่ใช่คริสเตียนแล้วล่ะ เพราะคุณไม่มีความเชื่อ..ถึงได้ทำบาปด้วยการไปไว้ใจในสิ่งอื่น
ส่วนการเข้าไปในวัดหรือสุเหร่า..ไม่ใช่เรื่องต้องห้าม ตราบใดที่เราเข้าไปด้วยวัตถุประสงค์ที่จำเป็น เช่น ไปทัศนศึกษาเพื่อเปิดวิศัยทัศน์ หรือไปงานศพ
24. ตอบ ข.การช่วยกู้จากพระเจ้าในรูปแบบที่มนุษย์คิดไม่ถึง ในบริบทนี้..พระเจ้าทรงช่วยให้ดาวิดไม่ต้องไปรบกับพี่น้องตัวเอง..คือคนอิสราเอล จริงๆแล้วตอนนั้นดาวิดกำลังตกที่นั่งลำบาก เพราะไร..พูดง่าย คือ ไปหลอกอาคีช ก.ฟิลิสเตียไว้..ว่าเขาเป็นศัตรูกับอิสราเอลพี่น้องตัวเอง อาคีชถึงไว้ใจให้ที่พักพิง จนสุดท้ายบานปลายถึงขนาดแต่งตั้งให้เป็นองครักษ์ ดังนั้น เมื่อถึงเวลาที่ต้องไปรบ แน่นอน..องครักษ์ก็ต้องไปรบด้วย ดาวิดก็เลยงานเข้า..เพราะครั้งนี้ฟิลิสเตียจะไปรบกับ..อิสราเอล ดาวิดก็เลยลำบาก..จะไม่ไปก็ไม่ได้ แล้วขณะที่ดาวิดกำลังกลืนไม่เข้า..คายไม่ออกอยู่ พระเจ้าก็ทรงช่วยกู้เขาจากสถานการณ์นั้น..โดยวิธีที่เขาคิดไม่ถึง คือ..อยู่ดีๆพวกเจ้านายคนอื่นๆก็เกิดไม่ไว้ใจ แล้วก็ยืนยันที่จะไม่ยอมให้ดาวิดไปร่วมรบด้วยเด็ดขาด..ดาวิดเลยรอดตัวไป โดยที่ไม่ต้องใช้สติปัญญาหรือเรี่ยวแรงของตัวเองเลย เพราะพระเจ้าใช้ศัตรูเป็นเครื่องมือในการช่วยกู้เขา
25.ตอบ ค.ดาวิดแสวงหาพระเจ้าเสมอ แต่ซาอูลเรียกหาพระเจ้าเฉพาะเวลาที่เขาต้องการ เขาเห็นพระเจ้าเป็นอะไร เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยทำให้ชีวิตดีขึ้นใช่มั๊ย หรือเป็นแค่ตัวช่วยอันนึง..ที่สำรองไว้ตอนฉุกเฉิน นั่นมันสไตน์ที่คนไหว้รูปเคารพเขาทำกัน คือ จะไปไหว้ที่ต่างๆเฉพาะเวลาที่อยากจะได้อะไร หรือเวลาที่ตัวเองต้องการความช่วยเหลือเท่านั้น ไม่ได้ผูกพันกันด้วยความรัก แต่คบกันแบบหมูไปไก่มา คือ ถ้าเธอให้ชั้นได้นั่น..ได้นี่นะ เดี๋ยวชั้นจะเอา หัวหมู ไข่ต้ม หมู เห็ด เป็ด ไก่ มาแก้บน..คือต้องติดสินบน น้าตุ๊กถึงเรียกว่าเป็นความสัมพันธ์แบบหมูไปไก่มา ถ้าหมูไม่มาไก่ก็ไม่ไป ก็เรื่องอะไรชั้นต้องให้เธอ (..ประมาณนี้) แต่พระเจ้าของเรา..ไม่ใช่ พระเจ้าเป็นพระเจ้าแท้ และใหญ่จริง พระองค์ไม่ต้องการหมูเห็ดเป็ดไก่หรือไข่ต้ม เด็กๆลองคิดดูว่า..สิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์จริง เขาจะต้องรอของถวายจากเรามั๊ย ถ้าต้องรอ..น้าตุ๊กขอบอกว่า..ปล่อยให้เขาเอาตัวเองให้รอดก่อนดีมั๊ย..ค่อยมาช่วยเรา เนี่ย..คือความต่างของการดำเนินในทางพระเจ้า กับทางของความเชื่ออื่น เพราะคนของพระเจ้าจะติดสนิทและแสวงหาพระองค์ตลอดเวลา..ไม่ใช่เฉพาะเวลาที่ต้องการอะไร แน่นอน เวลาที่เราลำบากหรือขาดแคลน เราสามารถหวังใจให้พระเจ้าช่วยได้เสมอ แต่เราจะผูกพันกับพระองค์ด้วยความรัก..ไม่ใช่ด้วยเงื่อนไข..แบบหมูไปไก่มา
26.ก.รักพระเจ้าสุดจิต สุดใจ และสุดกำลัง เรามาดูความจริงในข้อนี้จากคำสอนของพระเยซูคริสต์ก่อน เปิดไป หนังสือ มัทธิว 22:34-40 “จงรักองค์พระผู้เป็นเจ้าของเจ้าอย่างสุดจิต สุดใจ และสุดความคิด” รักยังไงถึงจะเรียกว่า..สุดจิต สุดใจ..น้าตุ๊กสอนไปแล้วหลายครั้ง..แล้วก็พิมพ์ใส่ชีทให้ด้วย ที่เหลือเป็นหน้าที่ๆเด็กๆต้องไปเคร่งครัด..ทำกันด้วยตัวเอง ส่วนนี้ไม่มีใครทำแทนใครได้
พระเยซูบอกว่า..ให้รักพระเจ้าในทุกวิถีทางของเรา คือ พระบัญญัติข้อที่สำคัญสุดของคริสเตียน ข้อสองรองลงมาก็ให้รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตัวเอง เพราะธรรมบัญญัติทั้งหมดที่ได้รับการเผยพระวจนะ ก็ขึ้นอยู่กับแค่สองข้อนี้ คือ ถ้าเรารักพระเจ้า...เราก็จะไม่คิดไปไหว้พระอื่น หรือไปเชื่อสิ่งอื่นนอกจากพ่อเรา รู้ว่าพ่อไม่ชอบเราก็ไม่ทำ เราจะยำเกรงพระเจ้าและเชื่อฟังพระองค์
แล้วถ้าเรารักเพื่อนมนุษย์..รักคนอื่นเหมือนรักตัวเอง แน่นอน..เราก็จะรักพ่อแม่ เราจะไม่ฆ่าใคร..เราจะเห็นค่าของทุกชีวิต เราจะไม่ขโมย..หรืออยากได้ของคนอื่นมาเป็นของตัวเอง..เราจะไม่ล่วงประเวณี..ไม่ใส่ร้ายป้ายสี อะไรที่ไม่ดีกับคนอื่น..เราจะไม่ทำ เพราะฉะนั้น พระเยซูถึงตรัสว่า..ธรรมบัญญัติทุกข้อก็ขึ้นอยู่กับสองข้อนี้..เท่านั้นเอง ถ้าทำสองข้อนี้ได้.. เราก็จะไม่ละเมิดข้ออื่นเลย
27.ตอบ ค.ให้ความรักของพระเจ้าสำแดงออกในการกระทำทุกอย่างของเรา อันนี้เป็นสำนวนของยิว..คือเค้าถือว่า..มือเป็นตัวแทนของการเคลื่อนไหวทุกอย่าง..การบอกให้เอาความรักของพระเจ้าพันไว้ที่มือ จึงหมายความว่า..ให้ความรักของพระเจ้าควบคุมอยู่เหนือทุกการดำเนินชีวิตของเรา
ไม่ใช่ให้ถือไบเบิ้ลติดมือไว้ตลอดเวลา..อันนั้นก็ออกแนวเพี้ยนไปหน่อย
ส่วนการเขียนถ้อยคำไว้ที่ฝ่ามือ..จริงๆแล้ว ก็ดีเหมือนกันนะ..สำหรับคนที่จำถ้อยคำพระเจ้าไม่ค่อยได้ แต่อันนี้ไม่ใช่ความหมายของ “การเอาถ้อยคำพันไว้ที่มือ”ในบริบทนี้
28.ตอบ ก.ไม่ยอมแบ่งของที่ริบได้ให้พี่น้องที่ไม่ได้ออกไปรบ ประมาณว่า..ไม่ได้ไปเหนื่อยด้วยกัน เรื่องอะไรชั้นต้องแบ่งให้ แค่คืนของที่ถูกปล้นให้ก็ดีจะแย่แล้ว ถ้าเราจะคิดตามกระแสของชาวโลก..ความคิดของคนกลุ่มนี้ก็คงจะดูสมเหตุสมผลเหมือนกัน เออจริง..ไม่ได้ออกแรงอะไรเลย..ได้แค่นี้ก็ดีแล้ว ทำไมต้องแบ่งส่วนที่ได้เกินมาให้ด้วย...
แต่ดาวิดไม่คิดอย่างงั้น เขากลับมองในฝ่ายวิญญาณแล้วบอกว่า..ทั้งชัยชนะแล้วก็ของที่ริบได้เนี่ย..เป็นสิ่งที่พระเจ้าประทานให้ ..นี่คือวิธีคิดที่ถูกต้อง เพราะถึงคุณจะเป็นคนลงมือทำ แต่ถ้าพระเจ้าไม่บันดาลให้ชนะ..คุณก็เหนื่อยเปล่า ในสดุดี 127:1-2 บอกว่า...
“ถ้าพระเจ้ามิได้ทรงสร้างบ้าน บรรดาผู้ที่สร้างก็เหนื่อยเปล่า ถ้าพระเจ้ามิได้ทรงเฝ้าอยู่เหนือนคร คนยามตื่นอยู่ก็เหนื่อยเปล่า เป็นการเหนื่อยเปล่า ที่ท่านลุกขึ้นแต่เช้ามืด นอนดึก และกระหืดกระหอบกินอาหาร เพราะพระองค์ประทานแก่ผู้ที่รักของพระองค์ (ให้หลับสบาย)”
เพราะถึงเราจะขยันและทำงานหนักแค่ไหน..แต่ถ้าพระเจ้าจะให้เจ๊ง..เก่งให้ตายก็เจ๊งอยู่ดี (เรื่องนี้ น้าตุ๊กผ่านมาเต็มๆ) เพราะฉะนั้น สิ่งที่ตาเห็นหรือค่านิยมที่สมเหตุสมผลทางโลก..บางครั้งมันไม่ใช่ทางของพระเจ้า เหตุผลอีกข้อนึงที่ดาวิดชี้ให้เห็นในฝ่ายวิญญาณก็คือ..ทุกคนเป็นพี่น้องกัน..เป็นส่วนหนึ่งของทีม เป็นส่วนหนึ่งของคริสตจักรที่มีหน้าที่ต่างกัน..แต่ไม่ว่าจะมีหน้าที่อะไร..ก็สำคัญเท่ากัน เพราะทั้งศบ.และสมาชิกธรรมดา พระเจ้าก็ทรงประทานความรอดให้เหมือนกัน เพราะฉะนั้น เราก็ต้องเอาพระเจ้าเป็นหลักแล้วก็เดินตามพระองค์ในทุกทาง
29 ตอบ.ค.ทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จ ไม่ว่าจะมีหน้าที่อะไร..เพราะถ้าไม่มีใครอยู่เฝ้าสำภาระให้..ดาวิดกับพวกก็คงไม่ได้เดินตัวลอยออกไปรบกับพวกอามาเลข เพราะเขาต้องกระเตงเอาสำภาระติดตัวไปรบด้วย (ถูกมะ) แล้วจริงๆ..พระเจ้าก็คือผู้ประทานทุกสิ่งให้ทั้งชัยชนะและทรัพย์สิน แต่อย่างว่า..เวลาที่ประสบความสำเร็จ..มนุษย์อดไม่ได้ที่จะคิดไปว่า..ตัวเองเก่ง ถ้าไม่ถ่อมใจลงอยู่เสมอ..ว่าเกียรติยศและคำสรรเสริญสมควรเป็นของพระเจ้า ฮอร์โมนแห่งความเย่อหยิ่งที่มันหลั่งออกมาเวลาที่ประสบความสำเร็จ..มันก็จะทำให้เราหลงตัวเอง..แล้วที่สุดก็จะล้มไปในความบาป
30.ตอบ.ทัศนคติที่ผิดอย่างสิ้นเชิง ก็คือ แม้แต่ดาวิดยังล้มไปในความบาป เราก็น่าจะทำบาปได้เหมือนกัน อันนี้เป็นการตีความพระคำภีร์แบบผิดๆ หาเหตุให้ตัวเองทำบาปได้อย่างไม่รู้สึกผิด แล้วเราก็ได้เรียนกันไปแล้ว..ว่าตัวอย่างที่ไม่ดีของหลายๆบุคคลในพระคำภีร์ก็มีไว้..เพื่อให้เราเห็นชัดเจนว่ามนุษย์อ่อนแอ ช่วยตัวเองไม่ได้ และไม่เสถียร เพราะฉะนั้น อย่าเย่อหยิ่ง..อย่าคิดว่าตัวเองดีกว่าคนอื่น หรือเป็นคริสเตียนแล้วจะวิเศษกว่าคนอื่น..ไม่ใช่ เพราะที่เรารอด..ก็รอดด้วยพระคุณ แล้วถ้าไม่อยากจะล้มลงในความบาป..ก็ต้องติดสนิทกับพระเจ้า อธิฐานขอการทรงนำจากพระองค์ในทุกเรื่อง
ทั้งบทเรียนและบททดสอบ หนังสือ1ซามูเอลก็จบลงอย่างสมบูรณ์แล้วนะคะ สัปดาห์หน้าเราจะพบกันที่หาดตะวันรอน หลังจากนั้น เราจะมาขึ้น พระธรรม2ซามูเอลกันต่อ เด็กๆที่อายุเกิน18ปีก็จะย้ายไปเรียนคำเทศนาที่ห้องใหญ่กัน ขอให้เด็กๆตั้งใจเรียนเพื่อความเชื่อที่แข็งแรงของตัวเองนะคะ แต่ถึงยังไงเราจะมีโอกาสได้คุยกันแน่นอนค่ะ อาจจะเป็นกลุ่มเซลที่จัดขึ้นตามโอกาส แล้วแต่การทรงนำของพระเจ้า..เด็กๆคอยฟังข่าวด้วยนะคะ ขอพระเจ้าอวยพรค่ะ

วันจันทร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เฉลยบททดสอบ 1ซามูเอล ชุดที่ 2 (ข้อที่ 1-10)

1.ตอบ ค.โยนาธานยอมรับว่าดาวิดเป็นกษัตริย์ที่พระเจ้าเลือก เพราะเสื้อคลุมก็เป็นสัญญลักษณ์ของสิทธิอำนาจ ดังนั้นการมอบเสื้อคลุมให้จึงหมายถึงการส่งต่อสิทธิอำนาจตามหน้าที่ของคนๆนั้น อย่างเสื้อคลุมของอาโรนที่ส่งต่อให้เอเลอาซาร์ เสื้อคลุมของเอลียาห์ที่ทิ้งลงบนตัวของเอลีชา ในที่นี้โยนาธานเป็นลูกกษัตริย์ซึ่งเป็นหนึ่งในรัชทายาทที่อาจจะได้สืบต่อราชบัลลังก์ ดังนั้น สิ่งที่โยนาธานทำในข้อนี้จึงเป็นการสำแดงชัดเจนว่า..โยนาธานยอมรับว่าดาวิดคือผู้ที่พระเจ้าเลือกให้เป็นกษัคริย์องค์ต่อไปและเขาก็เต็มใจที่จะหลีกทางให้ด้วยความเต็มใจ
2.ตอบ ข.เชื้อบาปที่อยู่ในเนื้อหนังของมนุษย์ ดูโรม 7:13-24
“เรารู้ว่าธรรมบัญญัตินั้นเป็นมาโดยฝ่ายพระวิญญาณ แต่ว่าข้าพเจ้าเป็นมนุษย์ถูกขายไว้ให้อยู่ใต้บาป” “ฉะนั้นข้าพเจ้าจึงมิใช่ผู้กระทำ แต่ว่าบาปซึ่งอยู่ในตัวข้าพเจ้านั่นเองเป็นผู้กระทำ..” “..ข้าพเจ้าเห็นมีกฎอีกอย่างหนึ่งอยู่ในกายของข้าพเจ้า ซึ่งต่อสู้กับกฎแห่งจิตใจของข้าพเจ้า และชักนำให้ข้าพเจ้าอยู่ใต้บังคับกฎแห่งบาป ซึ่งอยู่ในกายของข้าพเจ้า “
.....มีตรงไหนที่บอกว่าความบาปมาจากมารหรือสิ่งรอบตัวเราบ้างมั๊ย..ไม่มี พระคำภีร์บันทึกไว้ชัดเจนว่าความคิดชั่ว กิเลส ตัณหา สารพัดนิสัยที่ไม่ดีของมนุษย์นั้นล้วนอยู่ในตัวหรืออยู่ในเนื้อหนังของมนุษย์ทั้งสิ้น เพราะฉะนั้น ถ้าตัวเองนิสัยไม่ดี อย่าไปโทษมาร..มารมันทำได้แค่กระตุ้นเร้า เป่าหู ให้เชื้อบาปในตัวเรารุนแรงมากขึ้นเท่านั้น เหมือนในตัวเรานั้นมีไฟอยู่แล้ว ส่วนมารก็ทำได้แค่สาดน้ำมันเข้ากองไฟ เติมเชื้อให้การเผาผลาญนั้นเข้มข้น..รุนแรงยิ่งขึ้น แต่ถ้าเราติดสนิทกับพระเจ้า ดำเนินกับพระองค์ทุกวันทุกเวลา จิตวิญญาณของเราก็จะเติบโตและแข็งแรงพอที่จะต่อสู้กับเชื้อบาปที่อยู่ในตัว
3.ตอบ ค.ทั้งปลุกเร้าให้เราทำบาปและสั่นคลอนความเชื่อในทางพระเจ้า สารพัดการร้ายเป็นงานของมารทั้งสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การล่อลวงให้มนุษย์หลงไปจากทางของพระเจ้า..เหมือนจะเป็นภาระกิจอันยิ่งใหญ่ของมารเลยทีเดียว เพราะเท่าที่น้าตุ๊กสังเกตดู..ใครก็ตามที่เพิ่งมาเชื่อพระเจ้า..จะต้องมีอุปสรรคในการที่จะมาโบสถ์..เข้าใกล้หรือดำเนินกับพระเจ้าในสารพัดรูปแบบ..แล้วแต่มารว่าจะเลือกใช้ใครหรืออะไรเป็นเครื่องมือ ในการสกัดกั้นคนๆนั้นให้หลุดจากทางของพระเจ้า แต่ส่วนใหญ่จะเป็นคนใกล้ชิดหรือคนที่มีอิทธิพลกับเรา เช่น พ่อแม่ สามีหรือภรรยา เจ้านายหรือคนรอบข้างที่อยู่ในวงจรชีวิตของเรา นอกจากนี้ มารยังใช้สถานการณ์ต่างๆสกัดกั้น..ให้เราต้องห่างจากพระเจ้าอีกด้วย เช่น รถเสียตอนจะมาโบสถ์ ไม่มีเงินค่ารถ ทะเลาะกับแฟนตอนเช้าวันอาทิตย์ สะดุดกับนิสัยบางอย่างของคนในคริสตจักร ฯลฯ ....จนเป็นเหตุให้เราไม่สามารถหรือไม่อยากมาโบสถ์ ดังนั้น มันสำคัญอย่างยิ่งที่เราต้องรู้ให้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมและการงานของมาร เราจะได้เพียรอธิฐาน..เพื่อที่จะสามารถยืนหยัดเลือกทำสิ่งที่ถูกต้องได้..ในทุกสถานการณ์ โดยไม่เผลอไปติดกับของมาร...แต่เลือกเดินทางอันเป็นที่ชอบพระทัยและเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า
4. ตอบ ข.เพราะมนุษย์มักละเมิดและล้มเหลวในการรักษาสัญญาอยู่เสมอ ตลอดประวัติศาสตร์ในพระคำภีร์ได้พิสูจน์ให้เราเห็นแล้ว..ว่ามนุษย์ไม่สามารถรักษาสัญญาหรือทำตามกฎได้อย่างตลอดลอดฝั่ง เริ่มตั้งแต่ครั้งอาดามกับเอวา มาจนถึงอพย..ในถิ่นทุรกันดาร กระทั่งได้เข้าสู่คานาอัน ไม่มีซักครั้งที่ระบุว่า..มนุษย์สามารถรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับพระเจ้าได้ตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสมัยของผู้วินิจฉัยนั้น เป็นภาพชัดเจนที่สุด..ในความไม่เสถียรของมนุษย์ เพราะไม่เคยดีได้อย่างคงเส้นคงวา และเรื่อยมาจนถึงปัจจุบันด้วย เพราะฉะนั้น ถ้าปราศจากพระคุณของพระเยซูคริสต์แล้ว..มนุษย์จะต้องตายสถานเดียว
5.ตอบ ก.ต้องเป็นทางรอดที่ไม่ขึ้นอยู่กับความดีของมนุษย์ เพราะถ้าขืนต้องพึ่งความดีของตัวเองก็คงไม่มีทางรอด ถ้าเด็กๆจะเคยสังเกตความกบฎของเนื้อหนังของตัวเอง..เราจะพบว่า..”..คือในตัวของข้าพเจ้าไม่มีความดีประการใดอยู่เลย เพราะว่าเจตนาดีข้าพเจ้าก็มีอยู่ แต่ซึ่งจะกระทำความดีนั้นข้าพเจ้าหากระทำไม่ ด้วยว่าการดีนั้นซึ่งข้าพเจ้าปารถนาทำ ข้าพเจ้าไม่ได้กระทำ แต่การชั่วซึ่งข้าพเจ้ามิได้ปรารถนาทำ ข้าพเจ้ายังทำอยู่” โรม 7:18-19
ดังนั้น ด้วยความรักและพระกรุณาอันหาที่สุดมิได้ของพระเจ้า พระองค์จึงทรงเตรียมทางใหม่ที่เหนือชั้นกว่าเก่าไว้ให้เรา..เป็นทางรอดที่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความดีของมนุษย์ เป็นทางที่มนุษย์ผู้อ่อนแอและมักล้มเหลวในการทำดีจะสามารถเข้าไปลี้ภัยและพึ่งอาศัยในพระคุณเพียงอย่างเดียว โดยผ่านทางพระเยซูคริสต์..ผู้ซึ่งรับเอาความผิดบาปของเราไว้ในพระองค์
6.ตอบ ก.พระธรรมที่อยู่บนแผ่นหิน ใบลาน หรือวัตถุอื่นใด..ไม่สามารถชำระให้มนุษย์บริสุทธิ์ได้ ข้อ 4-5 และ 6 พูดเรื่องเดียวกัน เป็นเหตุเป็นผล และเป็นบทสรุปที่มาจากรากเดียวกัน เรื่องเดียวกัน.. อย่างข้อนี้ก็ยังเป็นสาเหตุหนึ่งที่พระเจ้าต้องประทานพระคุณให้แก่มนุษย์ เพราะธรรมหรือกฎบัญญัติสารพัดมีไว้ก็เพื่อแค่ให้รู้..ว่าตอนนี้คุณนอกกรอบแล้วรึยัง เหมือนกระจกเงาที่สะท้อนให้เราเห็นตัวเองทุกครั้งที่มองดู ถ้าไม่มีกระจกเราก็ไม่สามารถเห็นตัวเองชัดเจน อาจจะเห็นบ้างแต่ไม่ชัด ต่อเมื่อมีธรรมหรือกฎกติกาที่เป็นเหมือนกระจก เราจึงเห็นชัดเจนว่า..อันไหนถูก อันไหนผิด แล้วเราผิดตรงไหน ละเมิดอะไรไปบ้าง แต่ตราบใดที่กระจกไม่สามารถแก้ไขให้เราสวยขึ้น ผอมลง หรือดูดีไปกว่าเดิมได้ ตราบนั้นพระธรรมหรือกฎบัญญัติก็ไม่สามารถทำให้มนุษย์ชอบธรรมได้เช่นกัน
7.ตอบ ข.เมื่อเราเชื่อในสิ่งที่พระเยซูทำเพื่อเรา การได้เข้าอาศัยในคานาอันไม่ใช่คำตอบเพราะเป็นแค่ภาพจำลองของอาณาจักรสวรรค์ที่พระเจ้าทรงบอกไว้เป็นหมายสำคัญถึงพระเยซูคริสต์..พระผู้ช่วยให้รอดที่จะทรงมาบังเกิดในแผ่นดินยูดาห์ แล้วถ้าแค่รู้จักพระเยซูหรือรู้เรื่องราวของพระองค์ก็ไม่ได้แปลว่า คนที่รู้นั้นจะได้รับความรอด เพราะหลายคนรู้ก็จริงแต่ไม่เชื่อ..ก็ไม่ได้รับความรอด เพราะฉะนั้น ต้องเชื่อในสิ่งที่พระองค์กระทำ คือ เชื่อว่าพระเยซูคริสต์เป็นพระบุตรของพระเจ้า ทรงมาเกิดเป็นมนุษย์ ยอมตายที่ไม้กางเขนเพื่อแบกรับความผิดบาป รับโทษแทนเรา และทรงเป็นขึ้นมาใหม่ในวันที่สาม อันสำแดงถึงชัยชนะเหนือความตายของพระองค์ เราทั้งหลายที่เชื่อในพระองค์ก็จะได้รับชัยชนะไปกับพระองค์ด้วย นี่คือหัวใจสำคัญของความรอด ต่อให้เราไม่รู้เรื่องราวทั้งหมดของพระองค์หรือไม่รู้จักพระองค์ดีพอ แต่ถ้าเราเชื่อในการกระทำนี้ของพระเยซูเราก็ได้รับความรอดเช่นกัน
8.ตอบ ก.ต้องรับเชื่อใหม่ทุกปี อันนี้ไม่ใช่กฎของพระสัญญาอันใหม่ของพระเจ้า เพราะพันธสัญญาใหม่นี้จะถือหลักตามแนวทางของพระเยซูคริสต์ และสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำบนไม้กางเขน ดูฮีบรู 9:11-14
“พระองค์เสด็จเข้าไปในวิสุทธิสถานเพียงครั้งเดียวเท่านั้น และพระองค์ไม่ได้นำเลือดแพะและเลือดลูกวัวเข้าไป แต่ทรงนำพระโลหิตของพระองค์เองเข้าไป และทรงสำเร็จการไถ่บาปชั่วนิรันดร์ “ ดังนั้น เราทั้งหลายที่เชื่อในสิ่งที่พระเยซูทรงทำ ก็จะพึ่งในกฎเดียวกันของพระคุณแห่งพันธสัญญาใหม่ การรับเชื่อในพระเยซูคริสต์เพียงครั้งเดียวจึงเพียงพอ ที่จะสามารถไถ่ถอนเราจากความบาปและความตาย ไม่ต้องทำซ้ำเหมือนปุโรหิตในสมัยพันธสัญญาเดิม..ที่ต้องเอาเลือดแพะ เลือดวัวเข้าไปในห้องอภิสุทธิสถานทุกปี “..เพราะว่าเลือดแพะและเลือดวัวตัวผู้ และเถ้าของลูกโคตัวเมีย ที่ประพรมลงบนคนบาปสามารถชำระให้มนุษย์บริสุทธิ์ได้ พระโลหิตของพระเยซูคริสต์ ผู้ได้ทรงถวายพระองค์เองแด่พระเจ้าโดยพระวิญญาณนิรันดร์ ให้เป็นเครื่องบูชาอันปราศจากตำหนิ ก็จะทรงชำระได้มากยิ่งกว่านั้นสักเพียงใด”
9.ตอบ ค.พระเจ้า นี่คือความจริงทางฝ่ายวิญญาณ และต่อไปเราก็จะเรียนรู้และมองเรื่องราวต่างๆในแง่ของจิตวิญญาณกันให้มากขึ้น เพื่อที่เด็กๆจะสามารถมองผ่าน..และเข้มแข็งกับปัญหาต่างๆได้มากขึ้น เพราะแท้จริงแล้ว ทุกรูปแบบของชีวิต ทุกเหตุการณ์ และทุกสภาวะในวงจรชีวิตของเรา ล้วนอยู่ใต้การควบคุมของพระเจ้าทั้งสิ้น และแน่นอนมีพระประสงค์ของพระองค์แฝงอยู่ในทุกเรื่องราวชีวิตของเราเสมอ ดังนั้น ถ้าเราสามารถโฟกัสที่พระเจ้าได้ ความเข้าใจในสิ่งต่างๆก็จะชัดเจนขึ้น ความสงสัยและความไม่พอใจหรือไม่รู้จักพอก็จะลดน้อยลง
10.ตอบ ข.พระเจ้าประสงค์ให้ดาวิดเลือกทำในสิ่งที่ถูกต้องด้วยตัวเอง.. เพราะจะมีประโยชน์อะไร ถ้าพ่อแม่พร่ำสอน..เลี้ยงลูกจนโตแล้วก็เลือกทางที่ถูก..ชี้สิ่งที่ดีให้ตลอดเวลา..ไม่ว่าลูกจะโตซักแค่ไหน ลูกก็ไม่เคยมีโอกาสได้คิดเองแม้แต่เรื่องเดียว ไม่เคยเลือกคบเพื่อนเอง ไม่เคยเลือกกินอาหารที่เป็นประโยชน์เอง ไม่เคยตอบโจทย์ของแต่ละปัญหาด้วยตัวเอง แล้วบทพิสูจน์ความเติบโตและวิจารณญาณของลูกจะอยู่ตรงไหน ในทางพระเจ้าก็เหมือนกัน..แท้จริงแล้วคริสเตียน คือ ผู้ที่รอด เรื่องราวของคริสเตียน ก็คือเรื่องราวของผู้ที่ได้รับความรอด..ว่าด้วยเรื่องการเปลี่ยนแปลงตัวเอง ไม่ใช่เปลี่ยนโลก เปลี่ยนปัญหา หรือเปลี่ยนคนอื่น ดังนั้น ตลอดชีวิตของเราจะวนเวียนอยู่ประมาณนี้..คือ เติมส่วนที่ขาดและตัดส่วนที่เกิน ตามน้ำพระทัยอันครบถ้วนบริบูรณ์ของพระเจ้า ไม่ใช่ครบถ้วนในมุมมองของเรา เพื่ออะไร..ไปที่ไหนจะได้ฉายแสงที่นั่น พระเจ้าต้องได้รับเกียรติเวลาที่เราเล่าเรื่องราวข่าวประเสริฐของพระองค์ และทุกคนจะต้องสรรเสริญพระเจ้าเมื่อเห็นการดำเนินชีวิตของเรา

บททดสอบ พระธรรม 1ซามูเอล ชุดที่2

1.”โยนาธานก็ถอดเสื้อคลุมออกมอบให้แก่ดาวิด พร้อมทั้งเครื่องใช้ แม้ดาบ คันธนู และเข็มขัดก็ประทานให้ด้วย “ การกระทำดังกล่าวของโยนาธานสำแดงถึงความหมายในข้อใด
ก.โยนาธานยอมพ่ายแพ้ต่อดาวิด ข.โยนาธานยอมคืนของที่เป็นของดาวิด
ค.โยนาธานยอมรับว่าดาวิดเป็นกษัตริย์ที่พระเจ้าเลือก
2.ความคิดชั่วและกิเลสตัณหาทุกอย่างของมนุษย์เกิดจากข้อใด
ก.มาร ข.เชื้อบาปที่อยู่ในเนื้อหนังของมนุษย์ ค.สิ่งแวดล้อมของแต่ละบุคคล
3.ข้อใดคือการงานของมาร
ก.ปลุกเร้าเชื้อบาปของมนุษย์ ข.สั่นคลอนความเชื่อในทางพระเจ้า ค.ถูกทุกข้อ
4.พระเจ้าทรงใช้พันธสัญญาในการควบคุมมนุษย์ และประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาในพระคำภีร์ได้พิสูจน์ให้เห็นว่ามนุษย์มีคุณสมบัติในข้อใด
ก.มนุษย์ชื่นชมในพระสัญญาและยืนหยัดที่จะรักษาสัญญาเสมอ
ข.มนุษย์มักละเมิดและล้มเหลวในการรักษาสัญญาอยู่เสมอ
ค.มนุษย์ไม่ชื่นชมในพระสัญญาแต่รักษาสัญญาได้เสมอ
5.พระสัญญาใหม่ที่พระเจ้าประทานให้มนุษย์มีลักษณะสำคัญอย่างไร
ก.เป็นทางรอดที่ไม่ขึ้นอยู่กับความดีของมนุษย์ ข.เป็นทางรอดที่ขึ้นอยู่กับความดีของมนุษย์
ค.มนุษย์ได้รับความรอดทุกคน..ไม่ว่าจะเชื่อในสิ่งใดก็ตาม
6.(โดย สัมพันธ์กับเยเรมีห์ 31:31-33) ข้อใดกล่าวถูกต้อง
ก.พระธรรมที่อยู่บนศิลา..ใบลานหรือวัตถุอื่นใด ไม่สามารถชำระให้มนุษย์บริสุทธิ์ได้
ข.พระธรรมที่อยู่บนศิลา..ใบลานหรือวัตถุอื่นใด สามารถชำระมนุษย์ให้บริสุทธิ์ได้ ค.ถูกทั้งก และ ข
7.”..เราจะบรรจุพระธรรมไว้ในเขาทั้งหลาย และเราจะจารึกมันไว้บนดวงใจของเขา..” น้ำพระทัยพระเจ้าในข้อนี้สำเร็จได้ด้วยวิธีใด
ก.เมื่อเราได้อยู่ที่ดินแดนแห่งพันธสัญญา (คานาอัน) ข.เมื่อเราเชื่อในสิ่งที่พระเยซูทำเพื่อเรา
ค.เมื่อเรารู้เรื่องราวของพระเยซูคริสต์
8.ข้อใดไม่ใช่กฎของพระสัญญาใหม่ที่พระเจ้าประทานให้
ก.ต้องรับเชื่อใหม่ทุกๆปี ข.ต้องเชื่อด้วยปากและรับด้วยใจ
ค.เราสามารถผูกพันเรากับพระเจ้าตลอดไปด้วยการรับเชื่อเพียงครั้งเดียว
9.แท้จริงแล้ว..ใครคือผู้ปลดซาอูลออกจากการเป็นกษัตริย์ของอิสราเอล
ก.ซามูเอล ข.ดาวิด ค.พระเจ้า
10.(จาก 1ซมอ.24:4) เด็กๆคิดว่าข้อใดคือน้ำพระทัยที่แท้จริงของพระเจ้า
ก.พระเจ้าประสงค์ให้ดาวิดฆ่าซาอูล ข.พระเจ้าประสงค์ให้ดาวิดเลือกทำสิ่งที่ถูกต้องด้วยตัวเอง
ค.พระเจ้าประสงค์ให้คนของดาวิดมีส่วนร่วมในการฆ่าซาอูล
11.เด็กๆคิดว่า ข้อใดคือเหตุผลสำคัญที่ทำให้ดาวิดไว้ชีวิตซาอูล
ก.เพราะซาอูลเป็นผู้นำที่พระเจ้าทรงเจิมไว้ ข.เพราะซาอูลเป็นพ่อของโยนาธาน
ค.เพราะซาอูลยังคงเป็นกษัตริย์ที่ดีของอิสราเอล
12.ใครคือผู้นำที่พระเจ้าทรงเลือก
ก.พระมหากษัตริย์ รัฐบาล นายจ้าง ข.ศิษยาภิบาล พ่อแม่ สามี ค.ถูกทั้ง ก และ ข
13.พระเจ้าสอนให้เราทำสิ่งใด เมื่อเห็นชัดเจนว่าผู้นำกระทำความผิด
ก.ต่อต้านและปฎิเสธที่จะเชื่อฟัง ข.อธิฐานและวางใจในพระองค์
ค.ให้ประกาศความผิดแก่สาธาณะชน
14.(จาก1ซมอ.25:13) เด็กๆคิดว่า..ดาวิดโกรธเพราะอะไร
ก.โกรธโดยพระวิญญาณบริสุทธ์
ข.โกรธเพราะอารมณ์ไม่คงที่ของมนุษย์
ค.โกรธเพราะนาบาลทำสิ่งที่ร้ายแรงเกินกว่าผู้ใดจะรับได้
15.จาก 1ซมอ.25:13 ข้อใดกล่าวถูกต้อง
ก.ชัยชนะในความบาปของเนื้อหนังเพียงครั้งเดียว..สามารถทำให้เราชนะได้ตลอดไป
ข.ชัยชนะในความบาปของเนื้อหนังทำให้เราได้รับความรอด
ค.แม้จะเคยเอาชนะความบาปของเนื้อหนังได้ แต่มนุษย์ยังล้มลงในความบาปได้ตลอดเวลา
16.กรณีใดที่เราไม่จำเป็นต้องเดินตามผู้นำอีกต่อไป
ก.เมื่อผู้นำคิดไม่เหมือนเรา ข.เมื่อเราพบว่าผู้นำไม่สมบูรณ์พร้อม
ค.เมื่อผู้นำทำสิ่งที่ค้านกับน้ำพระทัยพระเจ้า
17.ทำไมอาบีกายิลจึงได้ชื่อว่าเป็นภรรยาที่ดี
ก.เพราะทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสามีและผู้อื่น
ข.เพราะมีสติปัญญาที่พระเจ้าประทานให้
ค.เพราะทำสิ่งที่ค้านกับสามี..คือนาบาล..ที่เป็นคนอธรรม
18.พระวจนะของพระเจ้าสามารถส่งผ่านทางผู้ใด
ก.ศิษยาภิบาล ผู้รับใช้ ครู ข.ผู้เชื่อใหม่ เด็กเล็กๆ คนกวาดถนน ค.ถูกทุกข้อ
19.เด็กๆคิดว่า..แท้จริงแล้วใครคือผู้ยับยั้งไม่ให้ดาวิดต้องทำบาปด้วยการฆ่านาบาล
ก.อาบีกายิล ข.พระเจ้า ค.ดาวิดยับยั้งตัวเอง
20.จาก ยอห์น1:51 ข้อใดคือความหมายที่ถูกต้อง..ในบริบทนี้
ก.พระเยซู คือ ทางเดียวที่มนุษย์จะสามารถเข้าสู่สวรรค์ ข.พระเยซูเป็นผู้ควบคุมอัศจรรย์ทั้งปวง
ค.พระเยซูจะทรงเสด็จมาพร้อมทูตสวรรค์
21.เด็กๆได้ข้อคิดอะไร จาก1ซมอ.26:23
ก.ให้เราทำความดีถวายพระเจ้า ข.ให้เราต่อสู้ศัตรูของพระเจ้า
ค.ให้เราจดจ่อรอรับพระพรจากพระเจ้า
22.จาก1ซมอ.28:5 เด็กๆคิดว่า เพราะเหตุใดพระเจ้าจึงไม่ตอบคำอธิฐานของซาอูล
ก.เพราะซาอูลร้องหาพระเจ้าเฉพาะเวลาที่เขาต้องการ
ข.เพราะถึงเวลาที่พระเจ้าจะทรงพิพากษาซาอูล ค.ถูกทั้ง ก และ ข
23.สิ่งใดถือเป็นความบาป
ก.เข้าไปทัศนะศึกษาในวัดหรือสุเหร่า ข.ไปหาหมอดูเพื่อทำนายดวงชะตา
ค.ออกไปร่วมเล่นน้ำในเทศกาลสงกรานต์
24.จาก 1ซมอ.29:1-5 พระเจ้าทรงสอนเราในเรื่องใด
ก.คำอธิฐานมีพลังทำให้เกิดผลเสมอ ข.การช่วยกู้จากพระเจ้าในรูปแบบที่มนุษย์คิดไม่ถึง
ค.อาจมีบางครั้งที่การช่วยกู้ไม่ได้มาจากพระเจ้า
25.ข้อใดคือความแตกต่างระหว่างซาอูลกับดาวิด
ก.ดาวิดเป็นกษัตริย์ที่พระเจ้าทรงเจิม แต่ซาอูลไม่ใช่
ข.ดาวิดเป็นเชื้อสายของอิสราเอล แต่ซาอูลไม่ใช่
ค.ดาวิดแสวงหาพระเจ้าเสมอ แต่ซาอูลแสวงหาเฉพาะเวลาที่เขาต้องการ
26.พระบัญญัติข้อใดสำคัญที่สุด
ก.รักพระเจ้าสุดจิต สุดใจ และสิ้นสุดกำลัง
ข.พยายามทำความรู้จักพระเจ้าในทุกวิถีทาง
ค.เข้ามาหาพระเจ้าในพระนิเวศน์อย่างสม่ำเสมอ
27.”จงเอาถ้อยคำเหล่านี้พันไว้ที่มือของท่านเป็นหมายสำคัญ” มีความหมายในข้อใด
ก.ให้มีพระคำภีร์ติดตัวอยู่เสมอ
ข.ให้เขียนถ้อยคำพระเจ้าไว้ที่ฝ่ามือ
ค.ให้ความรักของพระเจ้าสำแดงออกในการกระทำทุกอย่างของเรา
28.จาก1ซมอ.30:21-22 ทำไมพระคำภีร์จึงเรียกคนกลุ่มนี้ว่า”คนอธรรมและคนถ่อย”
ก.เพราะไม่ยอมแบ่งของที่ริบได้ให้แก่พี่น้องที่อยู่เฝ้าสัมภาระ
ข.เพราะไม่ยอมไปร่วมรบกับคนอามาเลข
ค.เพราะไม่ยอมคืนของที่ถูกปล้นให้แก่พี่น้องที่อยู่เฝ้าสัมภาระ
29.ข้อใดคือเหตุผลของดาวิด ที่ต้องแบ่งทรัพย์สินให้พี่น้องอย่างเท่าเทียมกัน
ก.ทุกคนคือส่วนหนึ่งของความสำเร็จ ข.พระเจ้าเป็นผู้ประทานทุกสิ่งให้ ค,ถูกทั้ง ก และ ข
30.เด็กๆคิดว่า ข้อใดเป็นทัศนคติที่ไม่ถูกต้อง
ก.ทุกคนสามารถล้มลงในความบาป แต่เราควรเชื่อในส่วนดีของเขาอยู่เสมอ
ข.แม้แต่ดาวิดยังมักล้มลงในความบาป เราจึงสามารถทำบาปได้เช่นกัน
ค.เมื่อผู้นำทำบางอย่างผิดพลาดไป เราก็ควรอธิฐาน และยังคงต้องให้เกียรติผู้ที่พระเจ้าทรงเจิมไว้

วันจันทร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เฉลยบททดสอบ 1ซามูเอล ชุดที่ 1 อาทิตย์ที่15:8:2010

1.ตอบ ค. มีเนื้อหาที่ยกพระเจ้าเป็นศูนย์กลาง ไม่ได้จดจ่อที่ความรู้สึกหรือสิ่งที่ตัวเองได้รับ ไม่ว่าจะเป็นพระพรหรือความทุกข์ยากลำบาก แต่ฮันนาห์ยกพระเจ้าเป็นใหญ่ในคำอธิฐานและการสรรเสริญ สิ่งนี้มีส่วนสำแดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณที่เติบโต เพราะ ผู้ที่เติบโตฝ่ายวิญญาณจะให้ความสำคัญกับความรู้สึกของตัวเองหรือสิ่งที่มองเห็นฝ่ายโลกรองจากพระเจ้า แต่จะยกพระเจ้า ราชกิจ และความยิ่งใหญ่ของพระองค์เป็นสิ่งสำคัญ
2.ตอบ ข. พ่อแม่ต้องจ่ายราคาในการที่ไม่อบรมลูก เพราะพระคำภีร์สอนเราให้ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี พ่อแม่มีหน้าที่ต้อง..เลี้ยง..ดู..อบ..รม..สั่ง..สอน..ขู่..ปลอบ..ให้กำลังใจ..ดัดนิสัย ถ้าทั้งหมดนี้ยังกำราบลูกไม่อยู่ก็ต้องมีไม้เรียวด้วย..ถ้าจำเป็น พระคำภีร์บอกไว้ชัดเจนว่า ถ้าเราเลี้ยงดูอบรมลูกเป็นอย่างดี เขาจะนำความชื่นใจมาให้ พ่อแม่จะได้กินผลเมื่อเขาเติบโตและงดงาม แต่ถ้าเราละเลยไม่ใส่ใจลูก ในเวลาที่เขาโตขึ้นพ่อแม่ก็ต้องจ่ายราคาอย่างสาสมเช่นกัน ความจริงเรื่องนี้..มีรายละเอียดมากกว่านี้ เพราะมันมีเนื้อหาที่คาบเกี่ยวระหว่าง..การวางใจในน้ำพระทัยพระเจ้า กับการไม่ใส่ใจที่จะทำหน้าที่ของตัวเอง ซึ่งน้าตุ๊กเคยสอนไปแล้ว
3.ตอบ ก. ยอมให้บุตรเลือกเฟ้นของถวายส่วนที่ดีที่สุด เพราะตามกฎบัญญัติของพระเจ้าปุโรหิตจะเอาสามง่ามแทงลงไปในหม้อเนื้อที่กำลังต้มอยู่ ติดชิ้นไหนขึ้นมา..ชิ้นนั้นก็คือส่วนของปุโรหิต แต่บุตรของเอลีไม่ทำอย่างนั้น เมื่อมีคนเอาเนื้อมาถวายคนใช้ของโฮฟนีกับฟีเนหัสจะเข้ามาขอเนื้อไปก่อน โดยไม่ยอมให้เผาไขมันให้ถูกต้องตามพระบัญญัติก่อนด้วยซ้ำ และถึงเอลีจะไม่ได้ลงมือทำเองแต่การเพิกเฉยต่อพฤติกรรมที่ผิดบาปของลูกตัวเอง ก็เท่ากับ..เขาก็มีส่วนร่วมในความบาปนั้นด้วย จริงๆแล้วผิดหลายกระทงอยู่ ทั้งไม่เชื่อฟังพระเจ้า ไม่อบรมสั่งสอนลูก และแน่นอน..ต้องร่วมวงกินเนื้ออร่อยที่เลือกเฟ้นจากของถวายกับเขาด้วย
4.ตอบ ข. มองหีบพันธสัญญาเป็นรูปเคารพ เพราะในบริบทนี้คนอิสราเอลลงความเห็นกันว่า..ที่พวกเขาแพ้ฟิลิสเตียก็เพราะไม่ได้เอาหีบพันธสัญญาออกมาที่สนามรบ เด็กๆฟังดูแล้วมันเกี่ยวมั๊ยล่ะ..พระเจ้าทรงสถิตอยู่ที่หีบเท่านั้นหรือ หรือฤทธิ์อำนาจการช่วยกู้ของพระองค์ถูกจำกัดไว้กับหีบนั้น ถึงช่วยอิสราเอลไม่ได้ถ้าไม่ยกหีบออกมาที่สนามรบ นี่มันยกหีบพันธสัญญเป็นรูปเคารพชัดๆ แล้วที่สำคัญความคิดอย่างนี้ไม่ถวายเกียรติพระเจ้า..อย่างแรง เพราะเผลอมองพระเจ้าเล็กกว่าที่พระองค์ทรงเป็น
5.ตอบ ก.มองพระเจ้าเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้ชีวิตดีขึ้น มองพระเจ้าเป็นแค่ผู้ช่วยแล้วเผลอเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง หรืออาจจะเห็นพระเจ้าศักดิ์สิทธิ์จริงแล้วเลยหวังว่าพระองค์ต้องให้สิ่งที่เราอยากได้ (เสมอ) เพราะในทางพระเจ้า..พระองค์คือสิ่งที่พวกเรามองไม่เห็น..แต่มีอยู่จริงและที่สำคัญ..ยิ่งใหญ่จริง พระเจ้าไม่เคยเอารางวัลผูกโบล์มาวางล่อไว้..เพื่อที่เราจะได้เลือกพระองค์ มนุษย์ต้องติดสนิทกับพระองค์ด้วยความรัก และจิตใจที่แสวงหา แล้วจึงได้พบพระเจ้า พร้อมขุมทรัพย์ที่ล้ำค่าที่สุดในมหาจักรวาล แต่สิ่งนี้..มันสวนทางกับกมลสันดานของมนุษย์ เพราะฉะนั้น ถึงเชื่อพระเจ้าแล้ว แต่ถ้าไม่ติดสนิท ไม่แสวงหา หลายคนก็มักจะพลาด..ไม่ก็เผลอย้ายพระเจ้าไปอยู่มุมนึง แล้วเมื่อไหร่ที่ต้องการความช่วยเหลือก็ค่อยยกพระองค์ออกมาปัดฝุ่น..แล้วก็เริ่มอธิษฐานขอนั่น..ขอนี่
6.ตอบ ข.เพราะคนอิสราเอลมองหีบพระสัญญาเป็นรูปเคารพ คนอิสราเอลในบทนี้..คิดว่าแพ้พวกฟิลิสเตียเพราะลืมหีบ..นี่พวกเขาเห็นพระเจ้าเป็นอะไร ถูกจำกัดด้วยเวลาและสถานที่หรือ..นั่นมันพวกพระเทียมเท็จหรือสัมพเวสี แล้วสมควรมั๊ย..ที่พระองค์จะโกรธ เด็กๆลองคิดดู..สมมติว่าเราจบปริญญาโท เคยทำงานระดับบริหาร แล้ววันนึงถูกย้ายไปคุมแผนกแม่บ้านหรืองานทำความสะอาด..เราจะรู้สึกยังไง แล้วนี่พระเจ้านะ..พระองค์ใหญ่ที่สุดในกัลปจักรวาล แล้วคนอิสราเอลมาปฏิบัติกับพระองค์เหมือนเป็นอะไรซักอย่าง..ที่ถูกสถาปนาไว้ตรงไหน..ก็ต้องอยู่ตรงนั้น มองว่าฤทธิ์อำนาจของพระองค์ขึ้นอยู่กับหีบพันธสัญญา สมควรมั๊ย..ที่พระเจ้าจะเอาสิ่งที่เป็นรูปเคารพ..ออกไปจากชีวิต หรือสมควรมั๊ย..ที่พระเจ้าจะเอาบางอย่างออกไปจากชีวิต(ของพวกเรา) จะได้เห็นกันใสๆว่า..ใครใหญ่จริง แล้วความยิ่งใหญ่ที่แท้จริง..เป็นยังไง
7.ตอบ ข.กำจัดไปให้พ้น เราจะเห็นว่า..พวกฟิลิสเตียรู้จักพระเจ้าของอิสราเอลดีมาก..ดีมากจริงๆ รู้ประวัติศาสตร์ของอิสราเอลอีกต่างหาก แล้วยังสำแดงความรอบคอบ..ว่าพวกเขาจะไม่ทำพลาดเหมือนฟาโรห์..ที่ไม่ยอมปล่อยพวกฮีบรูไป ทั้งที่ตัวเองก็โดนพระเจ้าเล่นงานจนลากเลือด พวกฟิลิสเตียรู้ทุกอย่าง เห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าทุกประการ..แต่ ถ้าไม่ใช่คนที่พระเจ้าเลือกแล้ว..ยังไงก็ไม่ใช่อยู่ดี ต่อให้คุณรู้จักหรือได้เห็นพระคุณมากมาย ขนาดคนตายฟื้นมาต่อหน้า..ถ้าพระเจ้าไม่ได้เลือก คุณก็ไม่มีวันที่จะกลับใจใหม่ เหมือนพวกฟิลิสเตียในตอนนี้..เหมือนฉลาด มองเห็นและเข้าใจทุกอย่าง แต่ก็เลือกที่จะกำจัดพระเจ้าออกไปให้พ้นทาง
8.ตอบ ค. เพื่อให้อิสราเอลหันมาพึ่งพระองค์อย่างสุดใจ เพราะเมื่อโลกนี้ตกลงในความบาป เมื่อมนุษย์ถูกตัดขาดจากพระสิริของพระเจ้า สิ่งที่เคยเห็นก็ไม่เห็น สิ่งที่ไม่ควรเห็นกลับเห็นชัดเจน เมื่อตกอยู่ในความบาปแล้ว มนุษย์ก็เป็นทาสของเนื้อหนัง..เนื้อหนังบอกว่าไร ส่วนใหญ่ก็เชื่ออย่างงั้น เนื้อหนังบอกว่า..ถ้ามีเงินแล้วสบาย เราก็มักจะเผลอเชื่อไปตามนั้น เนื้อหนังบอกว่า..ขับเฟอรารี่ แล้วเท่ เราก็รู้สึกอย่างงั้นจริงๆ หรือเนื้อหนังบอกว่า..ถ้าเรารู้จักคนใหญ่คนโตนะ..จะไม่มีใครรังแกเราได้ เราก็จะเชื่ออย่างงั้น เพราะสารพัดที่พูดมา.. มันตอบสนองความรู้สึกดีให้กับฝ่ายเนื้อหนังได้ เพราะเนื้อหนัง คือ เรื่องของรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ดังนั้น มันจะจูนได้ง่ายกับสิ่งที่เราสามารถจับต้องหรือมองเห็น แต่ในความบริสุทธิ์ของพระเจ้า..ไม่เหมือนกัน เพราะคอนเซ็ปท์ คือ ความเชื่อ..ความเชื่อคืออะไร ในฮีบรู 11:1 บอกว่า...ความเชื่อ คือ “ความแน่ใจในสิ่งที่เราหวังไว้ เป็นความรู้สึกมั่นใจว่า..สิ่งที่ยังไม่ได้เห็นนั้นมีจริง” เพราะถ้าเห็นอยู่ใสๆแล้ว คงไม่ต้องใช้ความหวังและความเชื่อ ซึ่งมันคนละขั้วกันเลยกับเรื่องของเนื้อหนัง เพราะฉะนั้น หลายครั้งพระเจ้าก็ต้องหักดิบโดยการเอาบางอย่าง..ที่เราคิดว่าสำคัญจนมากเกิน..ออกไป อะไรก็ตามที่เราคิดว่า..ชีวิตนี้ชั้นขาดไม่ได้..ถ้าไม่มีอันนี้ชั้นตายแน่ พระเจ้าจะเอาออกไป เพราะพระองค์เข้าใจ..ว่าเรายึดติดกับรูป รส กลิ่น เสียง เพราะเราเป็นทาสของเนื้อหนัง ถ้าจะรอให้ปล่อยวางเอง..บางครั้งก็ทำได้ แต่หลายครั้งเรามักจะแพ้ พระเจ้าเลยต้องช่วยเอาออกไป..เพื่อให้เราเหลือตัวเปล่าๆ เพราะจุดนั้น มนุษย์จำเป็นแล้ว..ที่จะต้องพึ่งพระเจ้าอย่างสุดใจ
9.ตอบ ก.ตัดสินใจแต่ละเรื่องให้ดีที่สุด ทำตามที่พระเจ้าสอนในทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน แค่นี้..ดีพอแล้ว ไม่ต้องตะเกียกตะกายไปประกาศ ไปให้คำปรึกษา หรือไปดั้นด้นแสวงหาอัศจรรย์อะไรมากมาย เพราะถ้าเป็นน้ำพระทัยที่พระเจ้าจะทรงสำแดงแก่เรา ยังไง..เราก็ต้องเห็น พระเจ้าทรงทำทุกอย่างได้ในทุกที่ ทุกเวลา และทุกสถานการณ์ เราไม่ต้องออกไปปลีกวิเวกที่ไหน อยู่กะบ้าน ทำงานตามหน้าที่ของเราไปตามปกติ แต่ขอให้ใจเราจดจ่ออยู่กับพระเจ้า..(อยู่กับพระเจ้าจริงๆนะ ให้พระองค์เป็นศูนย์กลาง ไม่ใช่แค่ส่วนหนึ่งที่จะทำให้ชีวิตเราดีขึ้น) พระวิญญาณบริสุทธิ์จะสามารถเต็มขนาดในชีวิตเราได้ ในขณะที่เรายังเป็นคนเดิม..ในสิ่งแวดล้อมเดิมๆ
10.ตอบ ข.ไม่ได้ เพราะในสายเลือดของมนุษย์ก็บาปเต็มๆ ความรอดต้องไขว่คว้าเอาเอง..ของใครของมัน ถ้าพ่อแม่เชื่อพระเยซู แต่ลูกไม่ยอมเชื่อ..ก็ตัวใครตัวมัน หรือ แม้แต่ในเรื่องของความชอบธรรมทางนิสัยใจคอ ก็สืบทอดทางเชื้อสายไม่ได้อยู่ดี เอาง่ายๆ..ซามูเอลเป็นคนชอบธรรม แต่ลูกของเขา..ไม่ ซาอูลมีนิสัยไม่ชอบธรรม ส่วนโยนาธานเหมือนพ่อมะ..ไม่เลย เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นความชอบธรรมฝ่ายวิญญาณหรือความชอบธรรมทางเนื้อหนังความประพฤติ ก็ไม่ได้สืบทอดกันทางเชื้อสายทั้งสิ้น
11.ตอบ ค.เพราะแท้จริงแล้วคนอิสราเอลปฏิเสธพระเจ้า พวกเขาอาจจะอ้างว่า..ซามูเอลอายุมากแล้วเลยไม่แน่ใจว่าจะทำหน้าที่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์รึเปล่า แล้วลูกของซามูเอลก็ไม่ชอบธรรมเหมือนพ่อ..เลยอยากจะขอกษัตริย์มาปกครองพวกเขา ต้องบอกว่า..เป็นข้ออ้างที่ไม่สร้างสรรค์เลย เพราะจริงๆแล้วความอาวุโสมีประโยชน์ต่อการบริหารงานทุกอย่าง เด็กๆลองนึกภาพดูว่า..คณะผู้บริหารระดับสูงขององค์กรต่างๆ ส่วนใหญ่แล้วเต็มไปด้วยคนประเภทไหน..คนหนุ่มสาวที่เพิ่งเรียนจบ เด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ หรือพวกมือใหม่ไร้ประสบการณ์หรือ ไม่ใช่เลย..ผู้บริหารระดับสูงของทุกองค์กร ส่วนใหญ่แล้วมีแต่ผู้อาวุโสทั้งนั้น เพราะฉะนั้น ไม่ว่าคนอิสราเอลจะอ้างอะไร พระเจ้าก็เห็นความจริงในหัวใจพวกเขาอยู่ดี...ว่าแท้จริงแล้วพวกคุณปฏิเสธพระเจ้า แต่ไม่กล้าที่จะยอมรับความจริง
12.ตอบ ค.พระองค์เตือนคนอิสราเอลให้รู้ว่า..ถ้ามีกษัตริย์แล้วชีวิตของพวกเขาจะเป็นไง อันนี้ต่อเนื่องกับข้อ 13 จริงๆแล้วทั้งก..ข..และค เป็นพระลักษณะของพระเจ้าทั้งหมด แต่ตอบ ค.เพราะบริบทนี้..สำแดงให้เห็นถึงความรักมั่นคงและพระเมตตาคุณที่ไม่สิ้นสุดของพระองค์ เพราะอะไร ทั้งที่พระองค์รู้ว่า..คนเหล่านี้มันเอาตัวไม่รอด พระเจ้าต้องโอบอุ้มค้ำชูพวกเขามาตลอด ครั้งแล้วครั้งเล่า..ที่พวกเขาอยู่ดีมีสุขแล้วก็ลืมพระองค์ มาตอนนี้ก็ยังกบฎไม่เลิก อยู่ดีๆก็เกิดอยากจะมีชีวิตของตัวเอง..ไม่เอาพระเจ้าซะงั้น แล้วพระเจ้าทำไง..เตือน ด้วยความรักและหวังดีแบบไม่มีอีโก้เหมือนมนุษย์ พระองค์เตือนพวกเขาว่าคิดดีๆนะ เพราะถ้ามีกษัตริย์แล้วจะถูกเอาเปรียบ1..2..3..4..5….แต่พวกเขาไม่ฟัง ถ้าน้าตุ๊กมีลูกอย่างงี้นะ..ขอยอมรับตรงๆว่าคงจบไปนานแล้ว อดทนได้ไม่ถึง 1% ของพระเจ้าหรอก เพราะฉะนั้น ความรักและพระเมตตาคุณของพระเจ้าจึงสูงส่งเหนือความรักอื่นใดในโลกนี้และหาที่สุดไม่ได้จริงๆ
14.เพราะก่อนที่อิสราเอลจะมีกษัตริย์ ประชาชนไม่ต้องเสียภาษี มีแต่สิบลด ผลแรกถวายแด่พระเจ้า แล้วชายฉกรรจ์ก็ไม่ต้องเข้าประจำการด้วย กองทัพของอิสราเอลจะเป็นแบบร่วมด้วยช่วยกัน เพราะฉะนั้นที่ถูกคือ ตอบ.ก.คือยังไงทุกคนก็ยังต้องเชื่อฟังพระเจ้า คุณอยากมีกษัตริย์ก็มีไป แต่พระเจ้ายังคงครองอยู่บนบัลลังก์สูงสุดสำหรับมนุษย์ทุกคน..เสมอ ไม่เปลี่ยนแปลง ทุกคนยังต้องเชื่อฟังพระเจ้าเหมือนเดิม ส่วนกษัตริย์ก็แค่มาทำให้ชีวิตคุณยุ่งยากมากขึ้นเท่านั้น (แล้วขอกันมาทำไมเนี่ย..)
15.ตอบ.อิสราเอลยังยืนยันว่าต้องการกษัตริย์ เคยมะ..เวลาอยากได้อะไร..ก็จะเอาให้ได้ พ่อแม่เตือนแค่ไหน..ก็ไม่ฟัง “อย่าเพิ่งมีแฟนนะลูก ตอนนี้หนูยังเด็ก..อะไรๆก็ยังไม่แน่นอน เดี๋ยวถ้าเขาไปมีคนอื่นแล้วหนูจะเสียใจนะ หนูจะทำใจไม่ได้นะ หนูจะรับไม่ไหวนะ หนูจะเจ็บ..หนูจะร้องไห้ เชื่อแม่นะ..อย่าเพิ่งมีแฟนเลย แล้วมีกันมั๊ย..มี พ่อแม่เตือนมั๊ย..เตือน ถามว่าเชื่อมั๊ย..เชื่อ แต่อยากมี เข้าใจรึยัง..ว่าคนอิสราเอลอารมณ์ไหน ก็อารมณ์เดียวกันกะพวกเรานั่นแหละ แล้วเพราะอะไรถึงเป็นอย่างงั้น..คำตอบข้อ16 คือ..
16. ข.เพราะมนุษย์มันมีเชื้อบาปก็เลยมักจะกบฎ ทั้งที่รู้อยู่..ว่าบางอย่างไม่ควรทำ บางอย่างไม่ควรคิด บางอย่างไม่ควรซื้อ..(โดนล่ะสิ) ทั้งที่รู้ว่าบางอย่างไม่ควรทำแต่ก็ทำ..เพราะมันอยากลอง ถามว่ารู้มั๊ย..ว่าลองแล้วอาจเดือดร้อน..รู้ แต่ยอมเสี่ยง แล้วรู้มั๊ย..ว่าบางอย่างไม่ควรซื้อ..รู้ แต่ก็ซื้อ..เพราะอยากได้ เนี่ย..คือเชื้อบาปและความกบฎที่อยู่ในมนุษย์ อธิบายกันง่ายๆแค่นี้แหละ
17.ตอบ.ค เพราะไม่ยอมรับคนที่พระเจ้าเลือก จริงอยู่ที่คนกลุ่มนี้แสดงว่า..พวกเขาไม่ยอมรับในตัวซาอูล แต่เหตุผลแท้จริงที่พระคำภีร์เรียกคนกลุ่มนี้ว่า”อันธพาล”ก็เพราะพระเจ้าคือผู้ที่เลือกซาอูล แล้วถ้าคุณไม่ยอมรับเขาก็เท่ากับคุณปฏิเสธน้ำพระทัยพระเจ้า เพราะลำพังถ้ามนุษย์ดูถูกกันเอง..ก็คงไม่เท่าไหร่ แต่การกระทำของคนกลุ่มนี้ มันเข้าข่ายไม่ยอมรับผู้ที่พระเจ้าทรงเจิม..ดังนั้น ความหมายที่แท้จริงของคำว่าอันธพาลจึงหมายถึง..ไม่ยอมรับคนที่พระเจ้าเลือก
18. ตอบ ก.โกรธโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพราะข้อนี้..พระคำภีร์เขียนไว้ชัดเจนว่า..เมื่อซาอูลได้ยินถ้อยคำที่นาหาช กษัตริย์ของคนอัมโมนขู่คนอิสราเอลแล้ว...”พระวิญญาณของพระเจ้าก็สถิตกับซาอูลอย่างมากและความโกรธของท่านเกิดขึ้นอย่างรุนแรง” อย่างงี้แหละ..ที่เขาเรียกว่าโกรธโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ความโกรธประเภทนี้เกิดขึ้นกับคริสเตียนได้เหมือนกัน เช่น เมื่อเห็นความไม่ชอบธรรมในทางพระเจ้า เห็นพี่น้องทำผิดต่อพระเจ้า เห็นพี่น้องทะเลาะกัน หรือมีการแสวงหาประโยชน์โดยอ้างความชอบธรรม จริงๆแล้วยังมีอีกหลายกรณีที่บอกได้ไม่หมด ขอให้เด็กๆค่อยๆเรียนรู้เรื่องนี้..ด้วยความระมัดระวังในท่าที”ของตัวเอง” ไม่ใช่ไปคอยระวังหรือจับผิดท่าทีของคนอื่น
19.ข้อ ก.มีบางครั้งที่คริสเตียนสมควรโกรธ แต่อย่าเอามาอ้างเลอะเทอะ หรือเอามาเข้าข้างตัวเอง แล้วโกรธคนอื่นตะพึดตะพือไป ..ไม่ใช่นะ ที่บางครั้งสมควรโกรธก็เพราะพระคำภีร์บอกว่า..เราต้องไม่ชื่นชมยินดีเมื่อมีการประพฤติผิด ผิดยังไง..ผิดจากการดำเนินในทางพระเจ้า..ไม่ใช่ผิดใจกับเราหรือไม่ถูกใจเรา..ก็ไปโกรธเขา ตรงจุดนี้ ทุกคนต้องซื่อสัตย์กับตัวเอง..ว่าที่โกรธเขาน่ะ เพราะเขาทำผิดต่อพระเจ้าหรือเขาแค่ทำอะไรไม่ถูกใจคุณ เด็กๆต้องฝึกที่จะซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเองตั้งแต่วันนี้ จะได้ไม่เติบโตขึ้นมาเป็นคนที่คิดผิดหรือทำผิดได้อย่างบริสุทธิ์ใจ เพราะโกหกตัวเองจนเป็นหนึ่งเดียวกับมัน นานวันก็มีแต่จะแยกไม่ออก..ว่าอันไหนใช่ อันไหนไม่ใช่ และการซื่อสัตย์กับตัวเองนี้..คือเรื่องที่ยากที่สุด เพราะมันเกิดขึ้นเงียบๆในหัวใจของเรา เป็นการทำความดีที่คนอื่นมองไม่เห็น มันจึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากสำหรับมนุษย์ เพราะมันไม่ได้เครดิต ไม่ได้รับคำสรรเสริญ ไม่ได้รับเสียงปรบมือ ไม่มีใครยกย่องเทิดทูน แต่เด็กๆต้องฝึกที่จะทำให้ได้ เพราะมันเป็นจุดเริ่มต้น..ในการที่เราจะสามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ต่อไป
20. ตอบ. ค.พระเจ้า เพราะจริงๆแล้วพระเจ้าใช้ใครก็ได้ ไม่ต้องโมเสสกับอาโรนหรอก แล้วการที่โมเสสขอถอนตัวตั้งหลายครั้ง..แต่พระเจ้าไม่ยอม ก็เพราะ..เมื่อพระองค์เลือกแล้ว จะทรงทำให้สำเร็จเสมอเพื่อเห็นแก่พระนามของพระองค์ ไม่ใช่เพราะโมเสสเป็นคนเดียวที่ใช้ได้ หรือต้องโมเสสเท่านั้น..งานถึงจะสำเร็จ..ไม่ใช่ แต่เพราะพระเจ้าไม่เคยเลือกใครหรือทำสิ่งใดแล้วไม่สำเร็จ
21.ตอบ ก.พระเจ้า จริงอยู่ที่พระเจ้าบอกเราให้เราเชื่อฟังผู้นำ แต่ไม่ว่าจะมีผู้นำหรือไม่ พระเจ้าจะยังครองอยู่บนบัลลังก์สูงสุด และสิทธิสำนาจสูงสุดก็ยังคงอยู่ที่พระองค์..เสมอ
22.ตอบ ก. ”ท่านที่พระองค์ทรงใช้มา” ในบริบทนี้ หมายถึง พระเยซูคริสต์
23.ตอบ ค.เพื่อเรียนรู้และดำเนินอยู่ในทางพระเจ้า จริงๆแล้ว..การเรียนพระคำภีร์ จะทำให้เด็กๆเป็นคนที่มีคุณภาพมากขึ้น เมื่อมีคุณภาพแล้ว..บางครั้งศักยภาพก็จะตามา ถามว่าเหมาะมั๊ย..ที่จะเป็นผู้นำในสังคม..เหมาะมาก แต่..พระเจ้าไม่ได้มีน้ำพระทัยให้คริสเตียนเป็นผู้นำทุกคน พระเจ้าทรงโปรดให้คนของพระองค์แทรกซึมอยู่ในทุกสิ่งแวดล้อม เพื่ออะไร..เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดี มีคริสเตียนที่ไหนจะต้องมีแสงสว่างที่นั่น..ไม่ใช่ไปถึงไหน..ก็อายเขาไปถึงนั่น เพราะฉะนั้น แท้จริงแล้วพระเจ้าจึงให้เราเรียนรู้พระวจนะของพระองค์ก็เพื่อให้เราดำเนินชีวิตอยู่ในทางของพระเจ้า..ถวายเกียรติแด่พระองค์
24.ตอบ ข.เพราะซาอูลไม่เชื่อฟังพระเจ้า เครื่องเผาบูชาเป็นของศักดิ์สิทธิ์มั๊ย..สำหรับสมัยนั้น ต้องบอกว่าศักดิ์สิทธิ์มาก อุปกรณ์ทุกอย่างหรือแม้แต่คนที่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับการนมัสการพระเจ้า..ศักดิ์สิทธิ์ทุกอย่าง แต่พระเจ้าก็ยังให้ความสำคัญกับสิ่งเหล่านี้น้อยกว่าจิตใจ ซาอูลละเมิดกฎบัญญัติ..โดยทำการเผาเครื่องบูชาเอง ทั้งที่เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของปุโรหิต ซาอูลอาจจะคิดว่า..เผาแล้วก็ไม่เห็นจะมีอะไรเกิดขึ้น ฟ้าก็ไม่ถล่ม แผ่นดินก็ไม่ได้สะเทือน..คงไม่เป็นไร ไม่ใช่..เพราะพระเจ้ามองเห็นหัวใจที่กบฎของเขา คือถ้าคุณกล้าทำเรื่องนี้..ต่อไปคุณก็ต้องกล้ากบฎเรื่องที่ใหญ่กว่านี้แน่นอน แล้วเราก็เห็นแล้ว..ว่าซาอูลก็ทำจริงๆ ทั้งฆ่าปุโรหิต พยายามฆ่าดาวิด..ผู้ที่พระเจ้าทรงเจิม แล้วสุดท้ายก็ยังไปหาคนทรง
25.ตอบ ข.ไม่ได้ ในบริบทนี้น้าตุ๊กขอพูดถึงความบาปที่ระบุไว้ชัดเจนในกฎบัญญัติของพระเจ้าก่อน ..ที่ห้ามทำเด็ดขาดไม่ว่า..สถานการณ์จะสุดวิสัยขนาดไหนก็ห้ามทำ เช่น ไปไหว้พระอื่น ฆ่าคนตาย ลักเล็กขโมยน้อยไปจนถึงปล้นเขากิน ทอดทิ้งพ่อแม่ ล่วงประเวณี เป็นพยานเท็จใส่ร้ายคนอื่น ประเภทอย่างงี้ที่ห้ามทำโดยเด็ดขาด ส่วนความผิดเล็กๆน้อยๆประเภท เขาด่ามา..เราด่ากลับ แอบอิจฉาที่เพื่อนสวยกว่าเรา หรือแอบดีใจที่เห็นคนอื่นลำบาก ขับรถผ่าไฟแดง หรือไม่ข้ามถนนตรงทางม้าลายอะไรประเภทนี้..ตอนนี้น้าตุ๊กจะยังไม่พูดถึง เพราะต้องคุยกันยาว..
26.ตอบ ค.คนต่างชาติที่ไม่ใช่อิสราเอล ทุกชนชาติเลยไม่ได้หมายถึงเฉพาะพวกฟิลิสเตีย หรือชนชาติใดชนชาติหนึ่ง
27.ก.มีความเชื่อในพระเจ้า เพราะการกระทำและคำพูดของโยนาธานชัดเจนมาก ข้อนี้เขาพูดว่า”..บางทีพระเจ้าจะทรงประกอบกิจเพื่อเรา เพราะว่าไม่มีสิ่งใดที่ขัดขวางพระเจ้าได้ในการที่พระองค์จะทรงช่วยกู้..” ทุกคำพูดของโยนาธานเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นในพระเจ้า ไม่ใช่ความมั่นใจในตัวเอง
28.ตอบ ก.เพราะนอกจากจะมีความเชื่อแล้ว โยนาธานยังแสวงหาพระเจ้าอีกด้วย นี่คือความชอบธรรมที่ค่อนข้างสมบูรณ์ เด็กๆจำไว้เลย..ว่ามีความเชื่ออย่างเดียวยังไม่พอ เราต้องแสวงหาพระเจ้า..จนกว่าชีวิตจะหาไม่ เพราะน้าตุ๊กเห็นมาเยอะมาก พอรับเชื่อเสร็จแล้วก็จบเลย..ชั้นรอดแล้ว ใช่คุณรอดจริงๆ แต่นั่นไม่ทำให้พระเจ้ายิ้ม..หรือชอบพระทัย แล้วความเชื่อของคนเหล่านี้ก็จะตื้นเขินมาก..พร้อมที่จะสับสน หลงเจิ่นและหลุดจากทางพระเจ้าได้ตลอดเวลา คริสเตียนเพียรแสวงหาพระเจ้าด้วยการอธิฐานและเรียนรู้น้ำพระทัยของพระองค์จากพระคำภีร์ แล้วเด็กๆจะเติบโตอย่างสง่างาม
29.ตอบ ข.พระเจ้าประสงค์จะให้เกียรติโยนาธาน..พระองค์จึงตอบคำอธิฐานเป็นรางวัลให้กับความเชื่อของเขา ส่วนมันจะไปเข้าทางใครก็อีกเรื่องนึง ซาอูลอาจจะเข้าใจผิดคิดว่า..ที่อิสราเอลชนะก็เพราะตัวเองทำถูกที่ไม่มัวชักช้าแสวงหาน้ำพระทัย..แต่นั่นก็เรื่องของซาอูล แล้วพระเจ้าก็ไม่แคร์ด้วยว่า..ใครจะคิดยังไง เพราะพระองค์ใหญ่สุด อย่างกรณีนี้เราก็เห็นชัดเจน....ว่าที่อิสราเอลได้ชัยชนะก็เพราะพระเจ้าทรงเห็นแก่โยนาธาน แต่สถานการณ์ก็พาให้ซาอูลคิดไปอีกอย่าง เพราะฉะนั้น ต่อไปนี้ถ้าเห็นคนที่ทำผิดแล้วเขายังคิดว่าพระเจ้าเข้าข้าง..ก็ให้นึกถึงบริบทนี้ไว้ แล้วไม่ต้องไปตัดสินเขา..
30.ตอบ ค.การจัดเตรียมที่มาจากพระเจ้า ชัดเจนมากเลย..ทั้งสถานการณ์และภาพที่พระคำภีร์บันทึกไว้ ทำให้เราเข้าใจว่า..พระเจ้าทรงเตรียมอาหารจานด่วน คือน้ำผึ้งที่ไหลย้อยเต็มป่าไว้ให้แก่ทหารอิสราเอลโดยเฉพาะ ขนาดโยนาธานได้ชิมแค่นิดเดียวพระคำภีร์ยังบอกว่า..”ตาของเขาก็แจ่มใสขึ้นทันที” แปลว่า สดชื่นขึ้นมาทันตาเห็น
31.ตอบ ค.เพราะคำสาบานที่ไม่สร้างสรรค์ของซาอูล จริงอยู่ที่มนุษย์มีเชื้อบาปและมักกบฎ แล้วก็อาจมีทหารบางคนที่ไม่ใส่ใจหรือเคารพกฎของพระเจ้าเท่าที่ควร แต่คำสาบานที่บ้าบิ่นของซาอูลเนี้ย..สภาพร่างกายปกติของมนุษย์รับไม่ไหวอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น ต่อให้เป็นคนดีมีใจชอบธรรมขนาดไหน..ก็อดไม่ไหวที่จะต้องกินเดี๋ยวนั้น เพราะรอต่อไปไม่ไหวแล้ว..นาทีนั้นมนุษย์จะทำได้ทุกอย่างเพื่อความอยู่รอด
32.ตอบ ข.ไม่ให้สาบาน จริงก็ว่าจริง ไม่ก็ว่าไม่ พูดแค่นี้พอแล้วถ้ามากกว่านี้พระเยซูบอกว่า..มันก็มาจากความชั่ว เด็กๆคิดดูว่าจริง..ไม่จริง เพราะธรรมชาติของคนเรา..เวลาที่พูดเรื่องจริง เราก็จะรู้สึกสบายๆ แต่ถ้าโกหก..ก็ดูเหมือนจะพูดน้อยไม่ได้ เพราะกลัวคนอื่นจะไม่เชื่อ ถ้าข้อมูลน้อยเดี๋ยวจะดูไม่น่าเชื่อถือ ต้องชักแม่น้ำทั้งห้ามาสาธยายถึงจะรู้สึกสบายใจ สั้นๆนิ่งๆไม่เป็น..ต้องเยอะตลอด ลองสังเกตดูก็ได้
33.ตอบ ก.พระเจ้าสามารถใช้คนได้ทุกประเภท นี่ก็เป็นอีกเรื่องนึงที่เด็กๆต้องจำไว้ให้ดี เพราะบนโลกนี้ไม่มีอะไรที่จำกัดสำหรับพระเจ้า พระเจ้าทรงพระปัญญาล้ำเลิศเกินกว่าที่เราจะเข้าใจในทุกๆเรื่อง มนุษย์ก็เป็นสิ่งนึงที่ทรงสร้างและอยู่ใต้การควบคุมของพระองค์ เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะรูปแบบไหนที่มีอยู่ในตัวมนุษย์ พระเจ้าทรงรู้ทั้งหมด แล้วพระองค์ก็สามารถใช้ทุกเหลี่ยม..ทุกมุมของมนุษย์ให้เป็นประโยชน์ตามน้ำพระทัยของพระองค์ได้เสมอ เราอย่าเผลอไปคิดแทนพระเจ้าหรือเอาสติปัญญาของเราไปตัดสิน..ว่าคนนี้พระเจ้าใช้ได้..ส่วนคนนั้นไม่ควรคู่ที่พระเจ้าจะใช้ อะไรประมาณนี้ เพราะพระคำภีร์ก็มีให้เห็นชัดเจน..ว่าหลายครั้งพระเจ้าทรงใช้คนที่ไม่สมบูรณ์พร้อม ทั้งนักเลงหัวไม้ โสเภณี สามัญชน คนต่ำต้อย คนขี้ขลาด คนที่พูดไม่เป็น..อย่างโมเสส หรือแม้แต่คนอย่างซาอูล ทุกคนก็คือคนที่พระเจ้าใช้ทั้งนั้น
34.ตอบ ค.เพื่อให้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า แล้วเราจะได้ไม่หลงผิดในแบบเดียวกัน ไม่ใช่ให้เรากล่าวโทษหรือเกลียดชังคนเหล่านั้น แล้วพระคำภีร์ก็ไม่ได้บอกเล่าเรื่องราวความผิดบาปของหลายๆคนไว้ เพื่อให้เรารู้สึกว่า..การทำบาปเป็นเรื่องปกติ เช่น “..ขนาดกษัตริย์ดาวิดยังทำบาปเลย เพราะฉะนั้น ถ้าเราจะทำบ้างก็คงไม่แปลก..เพราะเราอ่อนแอกว่าตั้งเยอะ!!!” นี่คือทัศนคติที่ผิดอย่างแรง..เพราะเราตีความพระคำภีร์เข้าข้างตัวเอง แท้จริงแล้วพระเจ้าบันทึกเรื่องราวความผิดบาปของหลายๆคนไว้เพื่อให้เรามองให้ออกว่า มนุษย์อ่อนแอ..มีเชื้อบาปและมักกบฎ ทุกคน..ทุกคนจริงๆ ไม่ว่าจะมีความเชื่อมากขนาดไหน..ก็มีโอกาสล้มลงในความบาปได้ทั้งนั้น..ถ้าไม่ระวัง เพราะฉะนั้น เราทุกคนจำเป็นต้องพึ่งพระเจ้าตลอดเวลา เด็กๆต้องอธิฐาน..ขอพระองค์ชันสูตรหัวใจของเราและกลับใจใหม่ทุกวัน ขอพระเจ้ายกโทษในความผิดบาป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง..ความบาปที่เราทำโดยไม่รู้ตัว หรือความบาปที่ตัวเราเองมองไม่เห็น..หรือเห็นแต่ไม่ยอมมอง เด็กๆต้องไม่คิดว่า..ชั้นมาโบสถ์ทุกอาทิตย์ เรียนพระคำภีร์สม่ำเสมอ เพราะฉะนั้น ชั้นคือผู้ชอบธรรม..ชั้นดีพอแล้ว..ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์อะไรหรือกลับใจใหม่ทุกวัน อย่าคิดอย่างงั้น..เพราะมันเย่อหยิ่งเห็นๆแล้วถ้าเราปล่อยให้ตัวเองคิดอย่างงี้ไปเรื่อยๆวันนึงเราต้องล้มลงแน่นอน
35.ตอบ ข.ซาอูลเก็บก.อากักเอาไว้ร่วมโต๊ยเสวย หรืออีกนัยหนึ่ง คือเอาไว้เป็นเชลย...เพราะในสมัยนั้น การมีกษัตริย์ที่แพ้สงครามอยู่ร่วมโต๊ะ ถือเป็นการประกาศศักดาของผู้ขนะอย่างนึง เหมือนนายพรานที่เอาหัวเก้ง หัวกวาง ติดโชว์ไว้ตามผนัง ซาอูลไม่ได้ไว้ชีวิตอากักเพราะมีจิตใจเมตตา เพราะซาอูลไม่มีปัญหาในการฆ่าเด็กและผู้หญิง แล้วซาอูลก็ไม่ได้ทำสิ่งนี้ตามบัญชาของพระเจ้า เพราะพระเจ้าบัญชาให้เขาฆ่าคนอามาเลขและฝูงสัตว์ทั้งหมด พระเจ้าไม่ได้สั่งให้ไว้ชีวิตกษัตริย์หรือเก็บฝูงสัตว์ไว้แต่ซาอูลขัคำสั่ง แล้วเลือกที่จะทำตามใจตัวเอง
36.ตอบ ก.ความเชื่อฟังดีกว่าเครื่องบูชาทั้งปวง เพราะพระเจ้าไม่ได้โปรดเครื่องบูชาใดๆมากไปกว่า..ความเชื่อฟังของเรา ดังนั้น การดำเนินชีวิตตามคำสอนของพระองค์ คือ เครื่องบูชาหนึ่งเดียวของคริสเตียนที่พระเจ้าทรงพอพระทัย ในหนังสือปัญญาจารย์ 5:1 บอกว่า
“เจ้าจงระวังเท้าของเจ้า เมื่อเจ้าไปยังพระนิเวศน์ของพระเจ้า เพราะการเข้าใกล้ชิดเพื่อจะฟังก็ดีกว่าคนเขลาถวายสักการบูชา ด้วยว่าเขาไม่รู้ว่าตนกำลังทำชั่ว”
พระคำภีร์ข้อนี้ยังคงเตือนให้เราเห็นถึงความสำคัญของความเชื่อฟัง..ว่ามีค่ากว่าเครื่องบูชาทั้งปวง และยังเตือนให้เราระวังความคิดและจิตใจของเรา..ว่าสิ่งสำคัญที่สุดเวลาที่เราเข้าไปหาพระเจ้าในพระนิเวศน์ของพระองค์หรือที่โบสถ์ ก็คือการเชื่อฟังพระวจนะและแสวงหาน้ำพระทัยของพระองค์ ไม่ใช่การเอาเครื่องบูชาเข้าไปถวาย ไม่ใช่การช่วยงานพันธกิจ แน่นอน..สิ่งเหล่านี้มีความสำคัญเช่นกัน แต่ยังไงก็สำคัญน้อยกว่า..การเชื่อฟังพระวจนะของพระเจ้า เพราะฉะนั้น เด็กๆต้องไม่หลงประเด็น..เกี่ยวกับข้อสำคัญของการมาโบสถ์..ว่าแท้จริงแล้ว เรามาโบสถ์เพื่อนมัสการพระเจ้าและเรียนรู้ถ้อยคำของพระองค์ เพื่อที่เราจะสามารถดำเนินชีวิตในแต่ละวันได้อย่างถูกต้องและเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้า นี่คือ สิ่งที่สำคัญที่สุดและเป็นหน้าที่หลักของเรา เด็กๆอย่าเผลอคิดว่า..อยากมาโบสถ์เพราะสนุกกับงานพันธกิจ กิจกรรม หรือเพราะจะได้เจอเพื่อน แล้วก็เฝ้ารอช่วงเวลาหลังเลิกโบสถ์..จะได้ไปทานข้าวกับเพื่อน.. แล้วให้การนมัสการพระเจ้ากับการเรียนถ้อยคำ กลายเป็นส่วนหนึ่งหรือเป็นเป้าหมายรองของการมาโบสถ์ ถ้าเผลอกันไปบ้างก็ไม่เป็นไร แต่ต้องรีบกลับใจซะใหม่..คุกเข่าลงอธิฐาน ขอพระเจ้ายกโทษ แล้วกลับมาโฟกัสที่การนมัสการ..เรียนรู้ถ้อยคำและกระทำตาม หลังจากนั้น มีพันธกิจหรือกิจกรรมอะไรที่ต้องทำ..ก็ทำไปให้ดีที่สุด แต่ต้องให้การนมัสการและการเรียนรู้พระวจนะของพระเจ้ามาเป็นอันดับแรก
37.ตอบ ก.เพราะข้อนี้ซามูเอลมองคนที่รูปลักษณ์ภายนอก เอลีอับถึงได้เข้าตาเขาที่สุดเพราะเป็นลูกคนโต สูงใหญ่ สมาร์ทเหมือนซาอูล พอซามูเอลเห็นปุ๊บ..ก็คิดว่าเอลีอับน่าจะเป็นคนที่พระเจ้าเลือก ข้อนี้ก็สะท้อนให้เราเห็นถึง..ความคิด สติปัญญา ค่านิยม และมุมมองของมนุษย์อย่างชัดเจน...ว่าหลายครั้งมนุษย์มักเชื่อและตัดสินทุกอย่างตามรูปแบบที่ตัวเองมองเห็น เพราะขนาดซามูเอล..ที่ได้ชื่อว่าติดสนิทกับพระเจ้า ก็ยังมีวาระที่เผลอไปเชื่อ..ในสิ่งที่ตามองเห็นเช่นกัน
38.ตอบ ข.ดนตรีมีส่วนเชื่อมโยงกับจิตวิญญาณ พระเจ้าทรงสำแดงให้เราเห็นความจริงในเรื่องนี้..ผ่านทางพระคำภีร์บทนี้อย่างชัดเจน พระองค์ประสงค์จะให้เราเห็นอัศจรรย์ของเสียงดนตรีที่สามารถจรรโลงจิตใจ เยียวยารักษา อย่างเสียงพิญของดาวิดที่สามารถเยียวยาความทุกข์ทรมานของซาอูลได้ นอกจากนี้ดนตรียังส่งผลได้ทั้งสองด้าน..คือทั้งด้านบวกและด้านลบ ขึ้นอยู่กับจังหวะ ท่วงทำนองและที่สำคัญคือเนื้อหาของบทเพลง อย่างเพลงนมัสการพระเจ้าจะช่วยหนุนจิตชูใจ ฟื้นฟูจิตวิญญาณ เสริมสร้างความเชื่อ ช่วยให้รู้สึกสงบ ผ่อนคลายและหายเหนื่อย ส่วนเพลงคลาสสิก เพลงแจ๊ส เพลงป็อป เพลงร็อคก็จะส่งผลต่ออารมณ์แตกต่างกันไป และแน่นอนมีดนตรีหรือเพลงบางประเภทเช่นกันที่สามารถปลุกวิญญาณความชั่วร้าย หรือเนื้อหนังความบาปได้โดยที่เราไม่รู้ตัว ถ้าเด็กๆนึกภาพไม่ออก น้าตุ๊กอยากให้ลองสังเกตดูข่าวในช่วงเทศกาลงานต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทศกาลสงกรานต์ในปัจจุบัน ที่มีการเล่นน้ำกันผิดแบบผิดประเภทและเกินขอบเขต จนส่งผลให้เกิดอาชญากรรมอยู่เสมอ เมื่อข่าวถูกนำเสนอเด็กๆลองสังเกตดีๆว่า..ผู้ที่เล่นน้ำผิดประเภทจนก่อให้เกิดการทะเลาะวิวาทเหล่านี้..เขาเปิดเพลงประเภทใด..ในขณะที่เล่นน้ำสงกรานต์ ไม่ว่าเขาเหล่านั้นจะเล่นอยู่ตามริมถนน หรือจะใช้รถปิคอัพขับตระเวนเล่นน้ำไปตามถนน คนเหล่านี้เกือบจะร้อยทั้งร้อย..เปิดแต่เพลงที่มีจังหวะและท่วงทำนองรุนแรง..ปลุกเร้าอารมณ์ให้ฮึกเหิม หรือไม่ก็มีเนื้อหาส่อเสียด ล้อเลียน ไปจนถึงล่อแหลม หลายครั้งเขาเหล่านั้นต้องจบลงด้วยการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน โดยที่พวกเขาไม่รู้ตัวเลย..ว่าเสียงเพลงที่พวกเขาเปิดกรอกหูตัวเองอย่างรุนแรงนั้น..เมื่อไปบวกกับแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไป มันมีส่วนอย่างมากกับทุกเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น นี่ก็เป็นผลของดนตรีที่มีส่วนเชื่อมโยงกับจิตวิญญาณเช่นกัน..แต่ในทางลบ
39.ตอบ ข.ความเชื่อวางใจในพระเจ้า จริงอยู่ที่ดาวิดมีความกล้าหาญแต่ความกล้าของดาวิดก็เกิดขึ้นจากประสบการณ์ที่เขาได้ดำเนินกับพระเจ้าในแต่ละวัน นานเข้าดาวิดจึงมีความเชื่อมั่นในพระเจ้า ต่อเมื่อมีความเชื่อแล้วเขาจึงกล้าที่จะออกไปสู้กับโกลิอัท โดยที่สามารถมองผ่านรูปลักษณ์ภายนอกหรือเงื่อนไขทางฝ่ายโลกไปได้ทั้งหมด
40.ตอบ ก.พระเจ้าสามารถใช้วิธีที่เรียบง่ายในการช่วยกู้เราให้รอดจากสิ่งทั้งปวง พระองค์ไม่จำเป็นต้องใช้ปาฏิหารย์ทุกครั้ง แล้วพระองค์ก็ไม่จำเป็นต้องใช้วิธียากๆ หรือดูแล้วต้องอัศจรรย์พันลึกอะไรมากมาย แต่มนุษย์ยึดติดกับรูปแบบ รูปลักษณ์ภายนอก รวมทั้งมักวางใจในสิ่งที่ตามองเห็น ทั้งที่ความจริงพระเจ้าสามารถช่วยกู้เราในทุกรูปแบบ พระองค์ไม่ได้ถูกจำกัดไว้ด้วยอะไรทั้งนั้น แล้วหลายครั้งพระเจ้าก็จะใช้วิธีง่ายๆที่มนุษย์คิดไม่ถึง อย่างวิธีที่ดาวิดฆ่าโกลิอัทก็เป็นวิธีที่ไม่มีใครคาดคิด..ว่าเขาจะตายน้ำตื้นขนาดนี้ และสิ่งนี้ก็เป็นหมายสำคัญจากพระเจ้า..ที่ทรงสะท้อนให้เราเห็นถึงวิธีที่พระองค์จะทรงช่วยเราให้หลุดพ้นจากความบาป..โดยทางพระเยซูคริสต์ ซึ่งเป็นรูปแบบที่เรียบง่ายประมาณกัน มีเงื่อนไขเพียงข้อเดียวคือต้องเชื่อในพระองค์ รูปแบบของความรอดนี้มนุษย์ก็คิดไม่ถึงเช่นกัน และพระเจ้าทรงสำแดงหมายสำคัญนี้ไว้แล้วในการที่ดาวิดฆ่าโกลิอัท
เราก็จบเฉลยชุดที่1 ไว้แค่นี้นะคะ สัปดาห์หน้าเราจะมาต่อชุดที่ 2กัน แล้วหลังจากนั้น น้าตุ๊กจะเริ่มบทเรียนในหนังสือ 2ซามูเอล ขอพระเจ้าอวยพรค่ะ..

บททดสอบพระธรรม1ซามูเอล ชุดที่1

1.ความโดดเด่นในบทเพลงของนางฮันนาห์คือข้อใด
ก.อธิฐานด้วยความสำนึกผิด ข.บอกรายละเอียดได้ชัดเจน ค.มีเนื้อหาที่ยกพระเจ้าเป็นศูนย์กลาง
2.การตายของเอลีกับลูกในบทที่4 ให้ข้อคิดอย่างชัดเจนในเรื่องใด
ก.ความรักของพ่อที่มีต่อลูก ข.พ่อแม่ต้องจ่ายราคาในการที่ไม่อบรมลูก
ค.ครอบครัวต้องมีความสามัคคี
3.”เหตุใดเจ้าจึงเหยียบย่ำเครื่องสัตวบูชาของเรา..” หมายถึงพฤติกรรมข้อใดของเอลี
ก.ยอมให้บุตรเลือกเฟ้นของถวายส่วนที่ดีที่สุดเก็บไว้ ข.มักจะนำของถวายไปทำลาย
ค.ไม่ยอมรับส่วนแบ่งจากของถวาย
4. (ใน1ซมอ.4:3) ข้อใดคือความผิดพลาดของคนอิสราเอล
ก.ลืมเอาหีบพันธสัญญาออกมาที่สนามรบ ข.มองหีบพันธสัญญาเป็นรูปเคารพ ค.ถูกทุกข้อ
5.ข้อใดเป็นท่าทีที่ผิดของคริสเตียน
ก.มองพระเจ้าเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้ชีวิตดีขึ้น ข.พึ่งพาพระเจ้าทั้งเวลาสุขและทุกข์
ค.ร้องหาพระองค์ตลอดเวลาทุกลมหายใจเข้าออก
6.เด็กๆคิดว่า..ทำไมพระเจ้าจึงอนุญาตให้พวกฟิลิสเตียยึดเอาหีบพระสัญญาไป
ก.เพราะจะทรงสำแดงปาฏิหารย์ ข.เพราะคนอิสราเอลปฏิบัติกับหีบพระสัญญาเหมือนเป็นรูปเคารพ
ค.เพื่อที่อิสราเอลจะได้พ่ายแพ้ต่อศัตรู
7.เมื่อพวกฟิลิสเตียได้เห็นความศักดิ์สิทธิ์ของหีบพระสัญญาแล้วพวกเขาเลือกทำสิ่งใด
ก.หันมานมัสการพระเจ้า ข.กำจัดไปให้พ้น ค.ทำสัญญาไมตรีกับอิสราเอล

8.(จาก1ซมอ.7:7) เด็กๆคิดว่าเพราะอะไร พระเจ้าจึงทรงอนุญาตให้อิสราเอลถูกโจมตีในเวลาที่ไม่พร้อม
ก.พระเจ้าประสงค์จะลงวินัยอิสราเอล ข.เพื่อให้ซามูเอลเป็นที่ยอมรับ
ค.เพื่อให้อิสราเอลหันมาพึ่งพระองค์อย่างสุดใจ
9.ในทางปฏิบัติ เด็กๆควรจะฝึกฝนที่จะดำเนินกับพระเจ้าอย่างไร
ก.พยายามตัดสินใจและกระทำตามที่พระเจ้าสอน..ในทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันเรา
ข.ต้องออกไปเป็นที่ปรึกษาให้กับผู้เชื่อคนอื่นที่มีปัญหาอย่างสม่ำเสมอ
ค.อธิฐานขอพระเจ้าทรงสำแดงการอัศจรรย์
10.ความชอบธรรมหรือความรอดของมนุษย์สามารถสืบทอดทางเชื้อสายได้หรือไม่
ก.ได้ ข.ไม่ได้ ค.ได้เป็นบางกรณี
11.(จาก1ซมอ.8:6-8) เด็กๆคิดว่า..เพราะเหตุใด ซามูเอลจึงรู้สึกไม่พอใจที่ประชาชาชนร้องขอกษัตริย์
ก.เพราะประชาชนกำลังกล่าวโทษกันเอง ข.เพราะประชาชนถูกครอบงำโดยคนต่างชาติ
ค.เพราะประชาชนกำลังปฏิเสธพระเจ้า
12.พระเจ้าทรงสำแดงพระองค์อย่างไรเมื่ออิสราเอลร้องขอกษัตริย์
ก.พระเจ้าทรงพิพากษาพวกเขาทันที ข.พระเจ้าทรงปฏิเสธคำร้องขอของอิสราเอล
ค.พระองค์เตือนพวกเขาถึงวิธีการที่กษัตริย์จะปฏิบัติต่อพวกเขา
13. จากข้อที่12 สิ่งนี้สำแดงให้เห็นถึงพระลักษณะข้อใดของพระเจ้า
ก.สิทธิอำนาจอันครบถ้วนบริบูรณ์ ข.สิทธิอำนาจยิ่งใหญ่สูงสุด
ค.ความรักมั่นคงและพระเมตตาคุณที่ไม่สิ้นสุด

14.เมื่อซามูเอลนำพระดำรัสของพระเจ้ามาสู่ประชาชน ข้อใดที่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง..ไม่ว่าอิสราเอลจะมีกษัตริย์หรือไม่
ก.ทุกคนยังคงต้องเชื่อฟังพระเจ้า ข.ทุกคนต้องเสียภาษี ค.ชายฉกรรจ์ยังคงต้องประจำการ
15.เมื่ออิสราเอลได้ฟังพระดำรัสที่พระเจ้าทรงกล่าวเตือนแล้ว พวกเขามีท่าทีอย่างไร
ก.พวกเขาเปลี่ยนใจและไม่ต้องการกษัตริย์ ข.พวกเขายังคงยืนยันว่าต้องการกษัตริย์
ค.พวกเขาขอเวลาไปทบทวนดูใหม่
16.จากข้อที่15 เด็กๆคิดว่า อิสราเอลมีท่าทีอย่างนั้นเพราะเหตุใด
ก.เพราะมนุษย์มีความเชื่อฟัง ข.เพราะมนุษย์มีเชื้อบาปและมักกบฎ ค.เพราะมนุษย์มีสติปัญญา
17. (จาก1ซมอ.10:27) เหตุใดพระคำภีร์ถึงเรียกคนกลุ่มนี้ ว่า”คนอันธพาล”
ก.เพราะพวกเขาดูถูกซาอูล ข.เพราะไม่ยอมรับผู้ที่ซามูเอลเลือก ค.เพราะไม่ยอมรับผู้ที่พระเจ้าเลือก
18. (จาก1ซมอ.11:5-7) เด็กๆคิดว่า ความโกรธของซาอูลเกิดขึ้นเพราะเหตุใด
ก.โกรธโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ข.เพราะชาวอัมโมนดูถูกคนอิสราเอล
ค.เพราะคนอิสราเอลไม่สามัคคีกัน
19.ข้อใดถูกต้องที่สุด
ก.มีบางครั้งที่คริสเตียนสมควรโกรธ ข.คริสเตียนห้ามโกรธเด็ดขาด ค.คริสเตียนควรโกรธอยู่เสมอ
20.ใครคือผู้ช่วยกู้อิสราเอลให้หลุดพ้นจากการเป็นทาสในอียิปต์
ก.โมเสส ข.อาโรน ค.พระเจ้า
21.เมื่ออิสราเอลมีกษัตริย์แล้ว สิทธิอำนาจสูงสุดในการปกครองพวกเขาอยู่ที่ผู้ใด
ก.พระเจ้า ข.ซามูเอล ค.กษัตริย์ที่พระเจ้าประทานให้

22. (ในยอห์น 6:28-29) “งานของพระเจ้านั้น คือการที่ท่านวางใจในท่านที่พระองค์ทรงใช้มา “ท่านที่พระองค์ทรงใช้มา” ในข้อนี้คือผู้ใด
ก.พระเยซูคริสต์ ข.ซามูเอล ค.ยอห์น
23.จุดประสงค์ในการเรียนพระคำภีร์ ในมุมมองของเด็กๆคือข้อใด
ก.เพื่อเสริมศักยภาพให้กับตัวเอง ข.เพื่อเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณในสังคม
ค.เพื่อเรียนรู้น้ำพระทัยและดำเนินอยู่ในทางของพระเจ้า
24. (จาก1ซมอ.13:9-14) สิ่งที่ซาอูลกระทำถือเป็นความบาป เพราะเหตุใด
ก.เครื่องเผาบูชาเป็นของศักดิ์สิทธิ์ ข.ซาอูลไม่เชื่อฟังพระเจ้า ค.ซาอูลไม่เคารพซามูเอล
25.เราสามารถอ้างความทุกข์ยากหรือเหตุสุดวิสัยบางประการเพื่อทำบาปได้หรือไม่
ก.ได้ ข.ไม่ได้ ค.ได้เป็นบางกรณี
26.”คนที่ไม่ได้เข้าสุนัต”หมายถึงใคร
ก.อิสราเอล ข.คนที่ทำบาป ค.คนต่างชาติที่ไม่ใช่อิสราเอล
27. (จาก1ซมอ.14:6) สำแดงถึงคุณสมบัติข้อใดของโยนาธาน
ก.มีความเชื่อในพระเจ้า ข.มีความเชื่อมั่นในตัวเอง ค.เป็นคนเจ้าอารมณ์
28. (จาก1ซมอ.14:8-11) สำแดงถึงคุณสมบัติข้อใดของโยนาธาน
ก.เป็นผู้ที่แสวงหาพระเจ้า ข.เป็นผู้ที่มีความรัก ค.เป็นคนเที่ยงตรง
29. (จาก1ซมอ.14:1-30) เด็กๆคิดว่าอิสราเอลชนะพวกฟิลิสเตียเพราะอะไร
ก.ซาอูลให้ทหารรบโดยห้ามรับประทานอาหาร ข.พระเจ้าประสงค์จะให้เกียรติโยนาธาน
ค.ซาอูลเปลี่ยนใจไม่แสวงน้ำพระทัยพระเจ้าจากหีบพระสัญญา

30. (จาก1ซมอ.14:25-27) สำแดงให้เห็นพระคุณข้อใด
ก.การทดลองที่มาจากพระเจ้า ข.ชัยชนะทางฝ่ายเนื้อหนัง
ค.การจัดเตรียมที่มาจากพระเจ้า
31.เด็กๆคิดว่า ข้อใดคือสาเหตุสำคัญที่ทำให้ทหารอิสราเอลทำบาปโดยการกินอาหารพร้อมเลือด
ก.ไม่ใส่ใจเรียนรู้กฎบัญญัติของพระเจ้า ข.ไม่เคารพกฎบัญญัติของพระเจ้า
ค.คำสาบานที่ไม่สร้างสรรค์ของซาอูล
32.พระเยซูทรงสอนอย่างไรเกี่ยวกับการสาบาน (มัทธิว5:34-37)
ก.ให้สาบานในพระนามพระเจ้าเท่านั้น ข.ไม่ให้สาบาน จริงก็ว่าจริง..ไม่ก็ว่าไม่..
ค.ให้สาบานด้วยจิตวิญญาณและความจริง
33.เราเห็นน้ำพระทัยของพระเจ้าข้อใดในชีวิตซาอูล
ก.พระเจ้าสามารถใช้คนทุกประเภทให้เกิดประโยชน์ในราชกิจของพระองค์
ข.พระเจ้าทรงเลือกใช้เฉพาะคนที่ไม่สมบูรณ์พร้อม
ค.ไม่มีใครที่เป็นประโยชน์ต่องานของพระเจ้าเลย
34.พระคำภีร์บันทึกความผิดบาปของหลายๆคนไว้เพื่ออะไร
ก.ให้รู้ว่า..เราสามารถทำบาปได้เช่นกัน ข.ให้เราเล่าขานและเกลียดชังคนเหล่านั้น
ค.ให้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระองค์และเพื่อสอนเรา..ไม่ให้หลงผิดในแบบเดียวกัน
35. (จาก1ซมอ.15:1-9) เด็กๆคิดว่าซาอูลไว้ชีวิตก.อากักเพราะเหตุใด
ก.เพราะซาอูลมีความเมตตา ข.เก็บไว้เป็นเชลย (เพื่อประกาศศักดาของตัวเอง)
ค.เพราะซาอูลเชื่อฟังพระเจ้า
36. (จาก1ซมอ.15:22-23) ข้อใดกล่าวถูกต้อง
ก.ความเชื่อฟังดีกว่าเครื่องบูชาทั้งปวง ข.ความเชื่อฟังดีกว่าเครื่องบูชาบางอย่าง
ค.ความเชื่อฟังสำคัญพอๆกับเครื่องถวายบูชา
37. (จาก1ซมอ.16:6-7) เหตุใดซามูเอลจึงคิดว่า”เอลีอับ” คือคนที่พระเจ้าเลือก
ก.เพราะซามูเอลมองที่รูปลักษณ์ภายนอก ข.เพราะซามูเอลมองที่จิตใจของเอลีอับ
ค.เพราะพระเจ้าทรงตรัสบอกซามูเอลโดยตรง
38. (จาก1ซมอ.16:23 และสัมพันธ์กับ1 ซมอ.10:5) พระคำภีร์สำแดงความจริงในเรื่องใดแก่เรา
ก.ซาอูลต้องพ่ายแพ้ดาวิด ข.ดนตรีมีส่วนเชื่อมโยงกับจิตวิญญาณ ค.ดาวิดมีพิณวิเศษ
39. เด็กๆคิดว่าแรงจูงใจสำคัญที่ทำให้ดาวิดสามารถเอาชนะโกลิอัทได้คือข้อใด
ก.รางวัลที่ซาอูลตอบแทนให้ผู้ชนะ ข.ความเชื่อวางใจในพระเจ้า
ค.ความกล้าหาญของดาวิด
40.วิธีการที่ดาวิดเอาชนะโกลิอัท สะท้อนความจริงในข้อใด
ก.พระเจ้าสามารถใช้วิธีที่เรียบง่ายในการช่วยกู้เราให้รอดจากสิ่งทั้งปวง
ข.พระเจ้าจะทรงสำแดงปาฏิหารย์เสมอในการช่วยกู้เราจากปัญหา
ค.พระเจ้าจะทรงให้เรารอดจากปัญหาอย่างสบายๆทุกครั้ง